ตามประเพณีก่อนที่ฟุตบอลลีกจะเปิดฤดูกาล เกมบอลถ้วยการกุศล “คอมมิวนิตี้ ชิลด์” เสมือนหน้าฉากที่คอยเตือนใจว่า “ความสนุก” ของการเสพเกมลูกหนังกำลังจะกลับมาอีกครั้ง
ที่ผ่านมาบอลถ้วยรายการนี้ส่วนใหญ่คนมักมองว่าเป็น “ถ้วยน้ำจิ้ม” คอยเรียกน้ำย่อย แต่พอเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล 2 ทีมที่ดีที่สุดของฟุตบอลอังกฤษ ในยุคนี้
คงต้องเปลี่ยนคำนิยามใหม่ว่าเป็นบอล “คู่เอก” ที่น่าติดตามมากๆ
แต่ก่อนจะถถึงเวลานัดหมาย 21.00 น.ของวันนี้ ทีมงาน “ยูฟ่าอารีน่า” ได้เตรียมประตูสุดเจ๋งประจำรายการ “คอมมิวนิตี้ ชิลด์” นับตั้งแต่ลีกสูงสุดของอังกฤษ เปลี่ยนมาเป็นพรีเมียร์ลีก
โดยข้อมูลเบื้องต้นจาก Top 10 Goals ของ The Emirates FA Cup ซึ่งเราขอนุญาตเลือกให้เหลือเพียง 5 ประตูที่เราคิดว่า “เจ๋ง” สุดๆ ไปเลย
5.นานี่ (แมนฯยู 3-2 แมนฯ ซิตี้ 2011)
ความสวยงามของประตูนี้อยู่ที่การผสานงานที่สุดแสนจะลงตัว โดยจุดเริ่มต้นมาจากการทำชิ่งไปมา สุดท้ายเป็น นานี่ ไหลต่อให้ เวย์น รูนี่ย์ ไขว้จังหวะเดียวให้ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ แปะนิ่มๆ ถวายพานคืนมาให้ นานี่ ที่วิ่งมาราวกับรู้ล่วงหน้า
เจอบอลจังหวะเดียวแบบไหลลื่น แน่นอนว่าแนวรับของ แมนฯ ซิตี้ ตามเกมไม่ทัน สุดท้าย นานี่ ก็จัดการลงโทษด้วยการแตะหนี โจ ฮาร์ท นายด่าน “เรือใบสีฟ้า” และยิงเข้าไปอย่างง่ายดาย พูดกันตรงๆ ถ้านับเฉพาะทีมเวิร์ก จังหวะที่คือที่หนึ่งในใจชัดๆ
4.ดร็อกบา (เชลซี 2-1 อาร์เซนอล 2005)
หลังจากดู “ทีมเวิร์ก” สวยๆ งามๆ กันไปแล้ว ประตูต่อมาขอเป็นมุมที่แตกต่างไปเลย เพราะประตูนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับทักษะส่วนบุคคลของ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ไปแบบเต็มๆ
หัวหอกทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ คือของแสลงของ อาร์เซนอล และเป็นฝันร้ายของ ฟิลิปป์ เซนเดรอส ลูกเปิดของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ก่อนที่ ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น จะโหม่งต่อให้
ที่เหลือเป็น ดร็อกบา อาศัยความแข็งแกร่งชิงเหลี่ยมจนแนวรับชาวสวิตเซอร์แลนด์ ตามสกัดแต่ร่วงไป เยนส์ เลห์มันน์ จะออกมาตะบบลูกก็โดนเกี่ยวหนี โลร็อง เอตาเม่ จะมาสกัดก็โดนบล็อกไว้ได้ สุดท้ายดาวยิงหมายเลข 11 ก็จัดการหมุมตัวตวัดยิงไปแบบเด็ดขาด
3.รีเซ่ (ลิเวอร์พูล 2-1 เชลซี 2006)
เป็นอีกประตูที่เรียกได้ว่า “ข้ามาแบบพระเอกคนเดียว” สำหรับลูกยิงของ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ แบ็กซ้ายเท้าหนักชาวนอร์เวย์ ในเกมกับ สิงห์บลู เมื่อปี 2006
โดยจุดเริ่มต้นมาจากจังหวะสวนกลับซึ่ง รีเซ่ ลากตะบึงมาจากแดนตัวเอง ในขณะที่แนวรับ เชลซี เอาแต่ถอย เแาแต่ถอย เจ้าตัวสบช่องเลยซัดไกลทันที บอลพุ่งแรงราวกับโดนค้อนทุบ แม้ คาร์โล คูดิชินี่ จะปัดโดนแต่ก็ต้านไว้ไม่อยู่
ประตูนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 9 ก่อนปิดเกมด้วยการชนะ 2-1 ได้ประตูชัยจาก ปีเตอร์ เคราช์ ในนาที 80
2.เอียน ไรท์ (อาร์เซนอล 1-1 แมนฯยู 1993)
ฟุตบอลถ้วยการกุศลปีแรกหลังจากลีกสูงสุดเปลี่ยนชื่อมาเป็น พรีเมียร์ลีก เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่าง อาร์เซนอล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
โดยเกมนี้ ผีแดง ขึ้นนำไปก่อนแต่หัววันจากฝีเท้าของ มาร์ค ฮิวจ์ส ในนาทีที่ 9 แต่พอถึงนาที 40 จากบอลสกัดผิดเหลี่ยมของ ไรอัน กิ๊กส์ มาเข้าทาง พอล เดวิส ที่โขกชงมาหน้าประตู เอียน ไรท์ อาศัยสัญชาตญาณกองหน้า วิ่งมาเอี่ยวตัววอลเลย์ตูมเดียวเสียบเสาอย่างสวยงามชนิดที่ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ได้แต่เซฟด้วยสายตา
อย่างไรก็ตามประตูนี้ของ ไรท์ ก็ยังดีไม่พอพาทีมเป็นแชมป์ได้ หลัง อาร์เซนอล แพ้จุดโทษ 4-5 ซึ่งหนึ่งใน 2 คนที่พลาดก็มีชื่อของเขาติดโผอยู่ด้วย
1.พอล อินซ์ (แมนฯยู 2-0 แบล็คเบิร์น 1994)
ยุค 90 ต้องบอกว่าเป็นช่วงที่ แมนฯ ยูไนเต็ด รุ่งโรจน์มากๆ ฤดูกาล 1993-94 ลูกทีมของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ฟาดเรียบ 3 แชมป์ทั้ง แชริตี้ ชิลด์, พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอ คัพ
ทำให้พวกเขาได้โอกาสมาป้องกันแชมป์บอลการกุศลอีกสมัย โดยมี แบล็คเบิร์น รองแชมป์ลีกเป็นคู่ต่อกร ทว่าหนนี้ดูแล้วไม่ตึงมือเหมือนเกมเจอ อาร์เซนอล เพราะได้ประตูขึ้นนำไวจากลูกจุดโทษของ เอริค คันโตน่า ตั้งแต่นาที 22
แต่ที่เป็นไฮไลท์ของเกมอยู่ในนาทีที่ 80 จากลูกเตะมุมที่กองหลัง “กุหลาบไฟ” สกัดไม่ขาด คันโตน่า โหม่งชงไปเข้าทาง พอล อินซ์ ที่ยืนโล่งๆ ก่อนสวมวิญญาณนักตะกร้อกระโดดจักรยานอากาศยินเข้าไปอย่างสุดสวย กลายเป็นประตูย้ำชัยให้ ผีแดง ได้ชูถาดแชมป์ไปอีกสมัย