นับตั้งแต่ฤดูกาลก่อนที่ผงาดคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยที่ 6 ได้อย่างยิ่งใหญ่ นาทีนี้ ลิเวอร์พูล คือทีมที่มีฟอร์มการเล่นแข็งแกร่งที่สุดในโลก
เปิดพรีเมียร์ลีกมา 5 นัดพวกเขาเดินหน้าชนะรวด รวมกับเมื่อซีซั่นก่อนก็ชนะในลีกมา 14 เกมติดต่อกันกลายเป็นสถิติใหม่ของสโมสรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นาทีนี้นอกจากกองเชียร์ที่ลุ้นให้ทีมชนะรัวๆ ไปเรื่อยๆ ทางฝั่งตรงข้ามอย่าง “กองแช่ง” ก็ลุ้นเหมือนกันว่าทีมใด จะกลายเป็นทีมแรกที่จะหยุดความร้อนแรงของ “หงส์แดง”
ฝากผีฝากไข้ไว่ที่ อาร์เซนอล ก็พังยับแบบสู้ไม่ได้ ทว่าเปิดตัวยูซีแอล รอบแบ่งกลุ่ม นัดแรก อาจจะดูมีความหวังเล็ก เพราะมองโปรแกรมดูแล้ว
นาโปลี เข้าข่ายหลายประการที่อาจจะดีพอโค่นลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้เหมือนกัน
ปัญหาเกมเยือนซีซั่นก่อน
แม้ ลิเวอร์พูล จะมีดีกรีเป็นถึงแชมป์เก่า แต่วัดจากผลงานในฤดูกาลก่อนก็ไม่ได้สมบูรณ์ 100% โดยเฉพาะเกมเยือนที่แพ้ไปถึง 4 นัด และมีถึง 3 เกมเป็นการแพ้ในรอบแบ่งกลุ่ม
พูดกันภาษาบ้านๆ ต้องบอกว่าก่อนจะก้าวไปประสบความสำเร็จ ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ จวนเจียนจะตกรอบด้วยซ้ำ หลังบุกไปแพ้เรียบวุธทั้ง เซอร์เวน่า ซเวซด้า, ปารีส แซงต์ แชงต์ แชร์กแมง และ นาโปลี
งานนี้รีเทิร์นมาเยือน นาโปลี อีกรอบ วัวเคยค้าม้าเคยขี่ ทีมเคยแพ้กันมาก่อนยังไงก็ต้องมี “หลอน” กันบ้าง
คล็อปป์เยือนอิตาลีสถิติสูสี
อีกเรื่องที่ชวนคิดคือสถิติส่วนตัวของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่บุกมาเยือนอิตาลี อาจไม่ได้แย่ถึงขั้นแพ้ทาง แต่จากตัวเลข 9 นัดมันบ่งชี้ได้ว่า “สูสี” จัดชนิดออกหน้าไหนก็ได้
นับรวมตั้งแต่สมัยคุม ดอร์ทมุนด์ กุนซือวัย 52 ปีพาทีมมาสู้ที่แดนมักกะโรนี มีสถิติชนะ 3 เสมอ 3 แพ้ 3 จริงๆ ต้องบอกว่าดีด้วยซ้ำ หากไม่นับ 2 เกมหลังสุดที่แพ้รวด
โดยเป็นการเสียท่าให้กับ โรม่า 2-4 ในรอบรองฯ เลกสองเมื่อปี 2018 และล่าสุดฤดูกาลก่อนกับ นาโปลี ที่แพ้ 0-1 และยิงเข้ากรอบได้เพียงหนเดียวเท่านั้น
JKไม่เคยบุกชนะ “อันเช่”
การเผชิญหน้ากันระหว่าง นาโปลี กับ ลิเวอร์พูล นอกจากขุนพลระดับพระกาฬที่จะได้ดวลแข้งกัน อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คื “กึ๋น” ของกุนซือของทั้งสองฝั่ง
จากสถิติที่ผ่านมาทั้ง คล็อปป์ และ คาร์โล อันเชล็อตติ ดวลกันมาแล้ว 4 ครั้ง (แชมเปี้ยนส์ลีกทั้งหมด) ต้องบอกว่าสูสีมาก ผลัดกันชนะคนละ 2 หน
ทว่าที่น่าสนใจคือมันเป็นสไตล์บ้านใครบ้านมัน “อันเช่” เคยคุม เรอัล มาดริด ถล่ม ดอร์ทมุนด์ 3-0 เมื่อปี 2014 ก่อนที่จะพา นาโปลี สอย ลิเวอร์พูล 1-0 ในปีก่อน
งานนี้ต้องลุ้นเหมือนกันว่า “เจเค” จะล้างอาถรรพ์นี้ได้หรือมั้ย ในเมื่อเกมที่ 5 ต้องเป็นฝ่ายเยือนก่อน
ในบ้าน “นาโปลี” ไม่กลัวผู้ดี
เอาจริงๆ สถิติการเจอก้บทีมจากลีกผู้ดีช่วงหลัง นาโปลี ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก พวกเขาแพ้มารวดใน 3 เกมหลังสุดโดยเป็นการแพ้ไปกลับต่อ อาร์เซนอล ในยูโรป้าลีก และอีกนัดบุกไปเสียท่า ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์
อย่างไรก็ตามหากวัดเฉพาะเกมในบ้าน นาโปลี ไม่เคยกลัวใครเวลาลงเล่นที่ ซาน เปาโล สตาดิโอ เพราะสถิติการรับมือกับทีมจากอังกฤษ ถือว่า “แจ๋ว” อยู่
สถิติรวมอยู่ที่ 8 นัด แบ่งเป็นเจ้าบ้านชนะ 5 เสมอ 1 และแพ้เพียงแค่ 2 เกมเท่านั้น โดย 2 ทีมจากพรีเมียร์ลีกที่บุกมาชนะได้คือ แมนฯ ซิตี้ กับ อาร์เซนอล ยังไม่มี ลิเวอร์พูล จารึกเป็นผู้ชนะที่นี่เลย
ไม่มี “อลิสซอน”
เหมือนที่บอกไปในข้อแรก ลิเวอร์พูล กว่าจะมาเป็นเจ้ายุโรป ในซีซั่นก่อน พวกเขาจวนเจียนเกือบจะตกรอบ และต้องลุ้นหนักถึงนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มเลยทีเดียว
โดยเกมนัดภาพรวมลูกทีมของ คล็อปป์ ทำได้ดีกว่า นาโปลี เยอะ มีโอกาสลุ้นประตูหลายครั้ง ทว่าสกอร์ที่ค้างอยู่ 1-0 ทำให้โอกาสยังคงเปิดกว้างอยู่
และช่วงท้ายเกม มิลิค เกือบเป็นฮีโร่ให้กับทีมเยือนหลังได้ยิงโล่งๆ ทว่าเจ้าบ้านมี “ฮีโร่กว่า” จาก อลิสซอน ที่เซฟเผาขนได้อย่างเหลือเชื่อ งานนี้บอกเลย นาโปลี เจอไปถึงขั้นหลอนจัด
อย่างไรก็ตามการรีแมตช์ของทั้งสองทีม การไม่มีนายทวารแซมบ้า ก็น่าจะเพิ่มขวัญกำลังใจให้แข้งเจ้าบ้านได้ไม่น้อยเลย