เหตุเกิดที่ธันเดอร์โดม! ย้อนรอยปฐมบท เอลกลาซิโก้ เมืองไทย

เกมบิ๊กแมตช์สุดคลาสสิค “เอลกลาซิโก้ เมืองไทย” ระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด พบ ชลบุรี เอฟซี เตรียมลงฟาดแข้งในศึก ไฮลักซ์ รีโว่ ไทยลีก วันอาทิตย์นี้ และนี่คือเกมที่แฟนบอลต่างตั้งตารอคอยมากที่สุด

นอกจากการแข่งขันอันดุเดือดระหว่างทั้งสองทีมที่หลายคนเฝ้ารอ อีกหนึ่งความพิเศษนั่นคือการที่เกมระหว่าง “กิเลนผยอง” กับ “ฉลามชล” จะกลับมาเตะกันที่สนามซึ่งใช้ชื่อว่า “ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม” อีกครั้ง และเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี นับตั้งแต่ปี 2009

แน่นอนว่าหากพูดถึงปฐมบทการเป็นคู่ปรับตลอดกาลระหว่าง เมืองทอง และ ชลบุรี คงพลาดไปไม่ได้ที่จะพูดถึงเแมตช์ซึ่งทั้งคู่พบกันที่ ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม เมื่อปี 2009 เพราะฉะนั้นเกมในวันอาทิตย์นี้ เปรียบเสมือนการย้อนกลับมาสู่จุดเริ่มต้นของตำนาน “เอลกลาซิโก้ เมืองไทย” เลยก็ว่าได้

 

ปฐมบทความขัดแย้ง

หากพูดถึงจุดเริ่มต้นความขัดแย้งระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด และ ชลบุรี เอฟซี  ต้องย้อนกลับไปเกินทศวรรษที่แล้ว หรือประมาณปี 2009 ซึ่งเวลานั้น “กิเลนผยอง” คือน้องใหม่และกำลังมาแรงในวงการฟุตบอลไทย เริ่มขยับเข้าใกล้เทียบรัศมี “ฉลามชล” ซึ่งถือเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากสุดของไทย ณ เวลานั้น

ชลบุรี เอฟซี คือทีมฟุตบอลที่มีความเป็นมืออาชีพมากสุดช่วงยุคเริ่มแรกของฟุตบอลไทยลีก และเป็นทีมที่เติบโตมาจากระดับภูธร ก่อนก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุด และเคยไปโลดแล่นในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว แถมพวกเขายังมีแฟนบอลที่คอยหนุนหลัง และเข้ามาส่งเสียงเชียร์เต็มความจุทุกเกมที่ลงเล่นในบ้านของตัวเอง

ส่วน เมืองทอง ยูไนเต็ด พวกเขาขยับขึ้นมาเล่นบนลีกสูงสุดของเมืองไทย ด้วยการคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 และ 2 ในระยะเวลา 2 ปี ติดต่อกัน และถือเป็นสโมสรเอกชนเงินถุงเงินถังซึ่งมี สยามกีฬา คอยหนุนหลัง และทุ่มเงินก้อนโตคว้าผู้เล่นระดับทีมชาติเข้ามาร่วมทีมคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น ณัฐพร พันธ์ฤทธิ์, เจษฎา จิตสวัสดิ์, ธีรศิลป์ แดงดา รวมถึงแข้งต่างชาติระดับตำนานอย่าง ดาญโญ่ เซียก้า และ ซูมาโฮโร่ ยาย่า

เพราะฉะนั้นการเจอกันของทั้งสองทีมครั้งแรกในศึก ไทย พรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2009 จึงเป็นเกมที่แฟนบอลต่างให้ความสนใจ และด้วยเกมการแข่งขันที่ดุเดือน นั่นทำให้แมตช์ระหว่าง เมืองทอง พบ ชลบุรี ถูกขนานนามว่าเป็น “เอลกลาซิโก้ เมืองไทย” นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

อย่างไรก็ตามความขัดแย้งระหว่างทั้งสองทีมไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงในสนามเท่านั้น แต่มันรวมถึงเหตุการณ์นอกสนามด้วย เนื่องจากผู้บริหาร เมืองทอง ยูไนเต็ด อย่าง ระวิ โหลทอง คือฝ่ายที่เลือกสนับสนุนนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เวลานั้น นั่นคือ วรวีร์ มะกูดี กลับกันทางฝั่ง อรรณพ สิงโตทอง นายใหญ่ ชลบุรี เอฟซี มีจุดยืนชัดเจนว่าพวกเขาไม่ต้องการนายกสมาคมที่ชื่อ “บังยี” แต่กระนั้นสิ่งที่สำคัญสุดคือทั้งสองสโมสรยังคงช่วยกันพัฒนาและยกระดับวงการฟุตบอลลีกไทย จนกลายเป็นลีกอาชีพแบบเต็มตัวและแข็งแกร่งระดับแถวหน้าของเอเชีย อย่างในปัจจุบัน

 

การเจอกันของอดีตนักเตะเก่า

ย้อนกลับไปเกมแรกที่ทั้งสองสโมสรเจอกันบนลีกสูงสุดในฤดูกาล 2009 ที่สนาม ชลบุรี สเตเดี้ยม นอกจากเกมการแข่งขันที่เข้มข้น ยังมีอีกหนึ่งประเด็นให้พูดถึง นั่นคือการกลับมาเยือนถิ่นเก่าของสุดยอดกองหลังทีมชาติไทย เวลานั้น อย่าง ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ ซึ่งกลายเป็นนักเตะใหม่ของ เมืองทอง ยูไนเต็ด ก่อนเริ่มต้นซีซั่นดังกล่าว

อดีตเซ็นเตอร์แบ็คกัปตันทัพ “ช้างศึก” เคยค้าแข้งอยู่กับ ชลบุรี เอฟซี ระหว่างปี 2007-2008 พร้อมกับมีส่วนพาสโมสรคว้าแชมป์ ถ้วย ก. เมื่อปี 2008 ก่อนถูกดึงมาเล่นกับ “กิเลนผยอง” ด้วยค่าตัว 300,000 บาท

โดยเกมแรกที่ เมืองทอง บุกไปเยือน ชลบุรี ในศึก ไทย พรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2009  ณัฐพร มีชื่อออกสตาร์ทเป็นตัวจริงและที่ดราม่าไปกว่านั้นเจ้าคือ 1 ใน 4 ผู้เล่นซึ่งช่วยกันยิงประตูพาต้นสังกัดบุกชนะ “ฉลามชล” ถึงถิ่น 5-2 ส่วนอีก 4 ประตู ได้จาก พิเชษฐ์ อินทร์บาง, หัตฐพร สุวรรณ และ ดาญโญ่ เซียก้า ซึ่งยิง 2 ลูก

นอกจาก ณัฐพร พันธ์ฤทธิ์ ยังมีผู้เล่นอีกหลายคนที่เคยลงเล่นให้กับทั้งสองสโมสรมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ดัสกร ทองเหลา, ธีรเทพ วิโนทัย, ประกิต ดีพร้อม, ปิยพล ผานิชกุล, กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล, เลอันโดร อัสซัมเซา และ โคเน่ โมฮาเหม็ด

 

โคเน่ โมฮาเหม็ด ยิงสองทีมเกมเอลกลาซิโก้

ที่ผ่านมามีผู้เล่นหลายคนเคยลงเล่นให้กับทั้ง ชลบุรี เอฟซี และ เมืองทอง ยูไนเต็ด ก็จริง แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถยิงประตูในเกม “เอกกลาซิโก้ เมืองไทย” ให้กับทั้งสองสโมสร นั่นคือ โคเน่ โมฮาเหม็ด อดีตสุดยอดดาวยิงไทยลีก ชาวไอวอรี่โคสต์

หัวหอกฝีเท้าคุณภาพจากทวีปแอฟริกา เริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพในเมืองไทย กับ นครปฐม เอฟซี ก่อนย้ายเข้ามาเป็นสมาชิก “ลูกน้ำเข็ม” เมื่อปี 2007 พร้อมกับทำผลงานยอดเยี่ยมพาสโมสรคว้าแชมป์ ไทย พรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2007 หลังจากนั้น โคเน่ โมฮาเหม็ด ตกเป็นข่าวว่าอาจย้ายไปค้าแข้งลีกเมียรมาร์ ทว่าท้ายที่สุดเขากลับเปิดตัวเป็นผู้เล่นใหม่ของคู่ปรับอย่าง “กิเลนผยอง”

ไฮไลท์สำคัญคือเกมไทยลีก ฤดูกาล 2010 ซึ่ง โคเน่ ลงสนามให้กับต้นสังกัดใหม่เกมเปิดบ้านพบสโมสรเก่า ชลบุรี โดยนัดดังกล่าวจบ 90 นาที ด้วยชัยชนะของ เมืองทอง 4-1 และศูนย์หน้าไอวอรี่โคสต์ มีชื่อเป็นคนทำประตูที่สองให้กับทีม

นั่นทำให้ โคเน่ โมฮาเหม็ด กลายเป็นนักเตะคนเดียวจนถึงปัจจุบันที่สามารถยิงประตูในเกม “เอลกลาซิโก้ เมืองไทย” ให้กับทั้งสองสโมสร โดยประตูที่เขาทำได้กับ ชลบุรี เอฟซี เกิดขึ้นเมื่อฤดูกาล 2009 นัดแรกที่ “ฉลามชล” พบกับ เมืองทอง บนลีกสูงสุด และแพ้คาบ้านไปด้วยสกอร์ 5-2

 

เกมสนามแตก

หากพูดถึงเหตุการณ์สนามแตกในเกม “เอลกลาซิโก้ เมืองไทย” คงต้องย้อนกลับไปแมตช์ที่ เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดบ้านพบ ชลบุรี เอฟซี ศึก ไทย พรีเมียร์ลีก 2009 ช่วงเลก 2 ด้วยชื่อชั้นสโมสรระดับ “ฉลามชล” เวลานั้น ซึ่งต้องบุกมาเยือนน้องใหม่ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงและเต็มไปด้วยนักเตะทีมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์, ธีรศิลป์ แดงดา, สลาฮูดิน อาแว, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว รวมถึง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ไม่แปลกหากแฟนบอลต่างต้องการเข้าชมเกมนัดดังกล่าวที่สนาม ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม

โดยหลังจบเกมซึ่งทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 มีการสรุปยอดผู้เข้าชมทั้งหมด 16,000 คน เก็บค่าบัตรผ่านประตูเป็นสถิติใหม่ของไทยลีก เวลานั้น 8 แสนบาท และเก็บค่าสินค้าที่ระลึกอีกประมาณ 8 แสนบาท ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของลีกเช่นกัน นั่นทำให้เกมระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด พบ ชลบุรี เอฟซี เมื่อปี 2009 ที่สนาม ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม สามารถทำเงินได้มากกว่า 1.6 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลขที่สูงมากสำหรับวงการฟุตบอลลีกไทย ยุคเริ่มต้นเมื่อประมาณทศวรรษที่แล้ว

 

เอลกลาซิโก้ หวนเตะ ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม

ปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดเริ่มต้นของการเป็นคู่ปรับตลอดกาลระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด และ ชลบุรี เอฟซี เกิดขึ้นที่สนาม ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม เมื่อปี 2009 ก่อนที่เกมการแข่งขันของทั้งสองสโมสรจะถูกยกให้เป็นศึก “เอลกลาซิโก้ เมืองไทย” สุดคลาสสิคที่เจอกันเมื่อไรต้องใส่กันไฟแล่บมาจนถึงปัจจุบัน

ภายหลังจบฤดูกาล 2010 เมืองทอง มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อพวกเขาได้ ยามาฮ่า เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของสโมสร ซึ่งนั่นส่งผลให้จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อรังเหย้าของตัวเองจาก ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม ที่ตั้งขึ้นมาเนื่องจากสนามอยู่ติดกับ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี กลายเป็น ยามาฮ่า สเตเดี้ยม ตามชื่อแบรนด์ของสปอนเซอร์รายใหม่

หลังจากนั้นสนามเหย้าของ “กิเลนผยอง” ถูกเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น เอสซีจี สเตเดี้ยม ตามผู้สนับสนุนใหม่ของสโมสรอย่าง เอสซีจี ในปี 2012 และใช้มาจนถึงปี 2021 พร้อมกับชื่อสโมสรที่มีคำว่า เอสซีจี นำหน้า เมืองทอง ยูไนเต็ด เช่นกัน

อย่างไรก็ตามล่าสุดมีการยืนยันว่า สนามดังกล่าวกำลังถูกเปลี่ยนชื่อกลับมาเป็น ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม อีกครั้ง โดยจะเริ่มใช้แบบเป็นทางการนัดแรกแมตช์ที่ เมืองทอง ยูไนเต็ด พบกับ ชลบุรี เอฟซี ศึก ไฮลักซ์ รีโว่ ไทยลีก แมตช์ที่ 2 ของซีซั่น 2021/2022 และนี่จะเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 12 ปี สำหรับเกม “เอลกลาซิโก้ เมืองไทย” ซึ่งจะกลับมาเตะที่รังเหย้า “กิเลน” ในชื่อ ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม นับตั้งแต่ปี 2009

 

บทความที่เกี่ยวข้อง : รุ่งหรือร่วง? 8 ดาวดังกับต้นสังกัดใหม่ในศึกไทยลีก 2021/2022