เดินทางมาถึงเกมนัดชิงชนะเลิศเรียบร้อยแล้ว สำหรับการแข่งขันศึกฟุตบอลถ้วยน็อคเอาท์ยิ่งใหญ่สุดของเมืองไทย ช้าง เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2020/2021 ซึ่งเป็นการโคจรมาพบกันระหว่างสองสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง สิงห์ เชียงราย เอฟซี พบ ชลบุรี เอฟซี
แน่นอนว่าก่อนเกมสำคัญนัดนี้ มีประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเข้าชิงชนะเลิศครั้งแรกของ ชลบุรี เอฟซี ในรอบ 8 ปี หรือการตัดสินใจงดแฟนบอลเข้าชมเกมเพื่อป้องกันโควิด-19 ซึ่งกำลังเป็นกระแสร้อนแรงซึ่งถูกพูดถึงก่อนแมตช์ดังกล่าว
นอกจากนั้นยังมีอีกหลายประเด็นที่แฟนบอลควรรู้ ซึ่งวันนี้ UFAARENA จะขอพาไปดูกันว่าประเด็นเหล่านั้นมีอะไรบ้าง เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อนที่เกมนัดตัดสินแชมป์ ช้าง เอฟเอ คัพ ซีซั่น 2020/2021 จะลงฟาดแข้งในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
8 ปีที่รอยคอย “ฉลามชล” ทะลุชิง เอฟเอ คัพ
ลูกทีม “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ เพิ่งหักปากกาเซียนพลิกล็อคเอาชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 2 – 1 ทะลุเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศศึกฟุตบอล ช้าง เอฟเอ คัพ ซีซั่น 2020/2021 ได้อย่างเหนือความคาดหมาย ทั้งที่ในรอบตัดเชือกพวกเขาถูกยกให้เป็นตัวเต็งอันดับสุดท้าย
โดยนี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี สำหรับ “ฉลามชล” กับการผ่านเข้าชิงชนะเลิศถ้วยรายการดังกล่าว นับตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งพวกเขาแพ้ให้กับ บางกอกกล๊าส เอฟซี 1 – 0 ขณะเดียวกันครั้งล่าสุดที่ ชลบุรี เอฟซี เข้ารอบชิงชนะเลิศ และคว้าแชมป์ได้สำเร็จเกิดขึ้นเมื่อปี 2010 ด้วยการคว่ำทีมแกร่งเวลานั้นอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 2 – 1
เพราะฉะนั้นเกมที่สนาม ธรรมศาสตร์ รังสิต วันอาทิตย์นี้ สำคัญมากสำหรับ ชลบุรี เอฟซี กับโอกาสซึ่งพวกเขาจะกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งในรอบ 11 ปี คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ สมัยที่ 3 ของสโมสร (สมัยที่ 2 เป็นการคว้าแชมป์ร่วม 4 สโมสร เมื่อปี 2016 ได้แก่ ชลบุรี เอฟซี, ชัยนาท ฮอร์นบิล, ราชบุรี มิตรผล เอฟซี และ สุโขทัย เอฟซี)
“กว่างโซ้ง” ไม่เคยแพ้เกมนัดชิงถ้วย เอฟเอ คัพ
นับเป็นครั้งที่ 3 สำหรับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด กับการผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ช้าง เอฟเอ คัพ ต่อจากเมื่อซีซั่น 2017 และ 2018 พร้อมกับคว้าแชมป์ได้ทั้งสองครั้ง ซึ่งนั่นส่งผลให้พวกเขาถูกยกย่องเป็นเจ้าพ่อฟุตบอลถ้วยของเมืองไทย แบบเต็มตัว
จากการคว้าแชมป์ทั้งสองครั้งของยอดทีมเหนือสุดแดนสยาม ทำให้พวกเขาสร้างสถิติเข้าชิงชนะเลิศถ้วย เอฟเอ คัพ และคว้าชัยชนะ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นสโมสรที่ 2 หากนับตั้งแต่ปี 2009 ส่วนอีกทีมที่ทำได้คือ การท่าเรือ เอฟซี ซึ่งเข้าชิง 2 ครั้ง ปี 2009 และ 2019
สำหรับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด นัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ของพวกเขาครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 2017 พบกับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ซึ่งพวกเขาเอาชนะไปแบบขาดลอย 4-2 และนั่นถือเป็นการคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยใบแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรในปี 2009
ส่วนครั้งที่ 2 พวกเขาเข้าชิงกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในปีถัดมา 2018 และเป็น อเล็กซานเดร กาม่า กุนซือชาวบราซิล พา “กว่างโซ้ง” เอาชนะ “ปราสาทสายฟ้า” ด้วยสกอร์ 3 – 2 คว้าแชมป์ ช้าง เอฟเอ คัพ อีกสมัยติดต่อกันได้อย่างยิ่งใหญ่
“ฉลาม” ดาวรุ่งประชันฝีเท้า “กว่างโซ้ง” ทีมชาติ
ถูกพูดถึงพอสมควรกับ ชลบุรี เอฟซี ชุดปัจจุบันที่เต็มไปด้วยเหล่าผู้เล่นอายุน้อย แต่สามารถพาทีมเขาชิงชนะเลิศ เอเอฟ คัพ ได้แบบเหนือความคาดหมาย โดยผลงานของนักเตะอย่าง ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว และ ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ สองนักเตะอนาคตไกลซึ่งโชว์ฟอร์มโดดเด่นเกมชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รอบรองชนะเลิศ
นอกจากนั้นหากมอง 11 ตัวจริงเกมที่ผ่านมาของ “ฉลามชล” มีนักเตะอายุต่ำกว่า 24 ปี ลงสนามถึง 6 คน ได้แก่ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, กฤษดา กาแมน, สหรัฐ สนธิสวัสดิ์, ทรงชัย ทองฉ่ำ, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว และ ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ ในแมตช์กับ “ปราสาทสายฟ้า” ทว่าเหล่านักเตะพลังหนุ่มสามารถล้มตัวเต็งเบอร์หนึ่งของรายการ และทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแบบใครหลายคนคงคาดไม่ถึง
อย่างไรก็ตามเหล่า “ฉลลามหนุ่ม” ต้องเจอกับบททดสอบสำคัญอีกครั้งในเกมนัดชี้ชะตามแชมป์ เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ซึ่งเต็มไปด้วยนักเตะระดับทีมชาติไทย ทั้ง พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล, ศิวกรณ์ เตียตระกูล, ศนุกรานต์ ถิ่นจอม, ศนุกรานต์ ถิ่นจอม และ ชัยวัฒน์ บุราณ
แน่นอนคงไม่ใช่งานง่ายสำหรับ ชลบุรี เอฟซี กับการลุ้นคว้าถ้วย ช้าง เอฟเอ คัพ ซึ่งเราต้องมารอดูกันว่า เหล่าดาวรุ่งไฟแรงของ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ จะหักปากกาเซียนอีกครั้งด้วยการคว่ำคู่แข่งอย่าง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ซิวแชมป์ครองได้หรือไม่
ศึกชิงตั๋ว เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม
นอกจากเป็นเกมนัดตัดสินแชมป์ เอเอฟ คัพ ซีซั่น 2020/2021 แล้ว แมตช์ระหว่าง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด พบ ชลบุรี เอฟซี ยังมีโควตาศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม เป็นเดิมพันที่สำคัญไปแพ้กัน
สำหรับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด แม้เพิ่งได้สิทธิ์ลงเล่นรอบแบ่งกลุ่มเมื่อปี 2020 รวมถึงเตรียมลงเตะรอบ เพลย์ออฟ ศึกฟุตบอลสโมสรเอเชีย ฤดูกาล 2021 ทว่าการได้โลดแล่นในรายการฟุตบอลถ้วยใหญ่สุดของทวีป ยังคงเป็นเป้าหมายที่สำคัญของพวกเขาเช่นเดิม
ขณะเดียวกันทางฝั่ง ชลบุรี เอฟซี ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาลงเตะ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ต้องย้อนกลับไป 13 ปีที่แล้ว นั่นคือปี 2008 ซึ่ง “ฉลามชล” ได้สิทธิ์ในฐานะแชมป์ ไทย พรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2007 ซึ่งท้ายที่สุดพวกเขาตกรอบแต่ผลงานค่อนข้างน่าประทับใจ ด้วยการเก็บ 5 คะแนน จากการชนะ 1 (ชนะ เมลเบิร์น วิคตอรี่ 3-1) เสมอ 2 และ แพ้ 3 เกม
เกมตัดสินแชมป์เตะแบบปิดสนาม
ตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา หลายคนลุ้นกันแบบใจจดใจจ่อว่าเกมนัดชิงชนะเลิศ ช้าง เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2020/2021 จะลงเล่นกันแบบเปิดให้แฟนบอลเข้าสนามได้หรือไม่ หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มกลับมารุนแรงอีกครั้ง และแพร่ระบาดรวดเร็วกว่าครั้งก่อนหน้า
กระทั่งล่าสุดสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ออกมายืนยันว่า เกมนัดตัดสินแชมป์ เอฟเอ คัพ จะลงเล่นกันแบบปิดไม่ให้แฟนบอลเข้าชมเกมที่สนาม ธรรมศาสตร์ รังสิต เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเสียดาย เนื่องจากปีนี้ถือเป็นการฉลองครบรอบ 50 ปี ของศึกฟุตบอลถ้วยน็อคเอาท์ยิ่งใหญ่สุดของเมืองไทย
แน่นอนว่าสีสันเสียงเชียร์ของแฟนบอลที่ขาดหายไป คงทำให้บรรยากาศเกมนัดชิงชนะเลิศลดลงไม่น้อย อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่า การแข่งขันทั้งสองทีมจะยังคงดุเดือดเร้าใจการันตีเกมคุณภาพแน่นอน
“โค้ชเตี้ย” ลุ้นกุนซือไทย คนแรก คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ สองสโมสร
แม้ฟอร์มในลีกของ “ฉลามชล” ลูกทีมกุนซือมาดเข้ม “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ทว่าผลงานฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ ถือว่ายอดเยี่ยมไม่น้อย หลังรอบก่อนหน้าผ่านมาได้ทั้ง ลําพูน วอริเออร์, สุพรรณบุรี เอฟซี, ตราด เอฟซี และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ก่อนหน้านี้ สะสม พบประเสริฐ ถือเป็นเฮดโค้ชซึ่งค่อนข้างถูกโฉลกกับฟุตบอลถ้วย หลังเคยพา การท่าเรือ เอฟซี คว้าทั้งแชมป์ เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ มาแล้ว เมื่อปี 2009 และ 2010
โดยหากว่า “โค้ชเตี้ย” สามารถพา ชลบุรี เอฟซี เอาชนะ สิงห์ เชยงราย ยูไนเต็ด ในเกมนัดชิงชนะเลิศ เทรนเนอร์วัย 53 ปี จะสร้างประวัติศาสตร์อันน่าจดจำ ด้วยการเป็นกุนซือไทย คนแรกที่สามารถคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้กับสองสโมสรทันที