6 ปีสุดพลิกผัน : เส้นทางลูกหนังของ ซูเซ็ค แข้งผู้ถูกมองข้ามสู่สตาร์ขุนค้อน

 

 ในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมาของ พรีเมียร์ลีก หลายคนอาจจับจ้องไปที่ บรูโน แฟร์นานเดส ผู้เปลี่ยนแปลง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนกลายเป็นแข้งที่ทีมขาดไม่ได้ แต่อีกสโมสรในกรุงลอนดอนก็มีนักเตะคนหนึ่งที่สร้างผลกระทบใกล้เคียงจนทีมขาดเขาไม่ได้เช่นกัน

 

โทมัส ซูเช็ค คือกองกลางที่เราหมายถึง หลังย้ายมา เวสต์แฮมครั้งแรกแบบยืมตัวในเดือนมกราคมปี 2020 และด้วยผลงานที่เข้าตาทำให้สโมสรซื้อขาดด้วยราคา 19.1 ล้านปอนด์ ซึ่งกลายเป็นตัวหลักในแดนกลางที่ เดวิด มอยส์ เลือกใช้งานอยู่เสมอ นับตั้งแต่นั้น

 

นับตั้งแต่เริ่มฤดูกาล 2020-21 กองกลางทีมชาติเช็ก ยิงไปแล้ว 7 ประตูในลีก รวมทุกรายการทั้งหมด 8 ลูก และหากไม่นับจุดโทษ เขาคือกองกลางที่ยิงประตูมากที่สุดในลีก เท่ากับ บรูโน่ เดอะ แบกจาก ปีศาจแดง

 

เขาคือหนึ่งในนักเตะคนสำคัญของ ขุนค้อน ณ เวลานี้ และบางทีอาจจะสำคัญมากที่สุดด้วย หลังมีส่วนช่วยให้ทีมขึ้นมารั้งอันดับ 5 ในตาราง และลุ้นติดท็อปโฟร์เพื่อคว้าตั๋วไปแชมเปี้ยนส์ลีกแบบเต็มตัว  อีกทั้งยังเป็น หนึ่งในขวัญใจของแฟนบอลเวสต์แฮม จากสไตล์การเล่นที่ยอดเยี่ยมทั้งเกมรุกและรับ

 

แต่ใช่ว่าชีวิตของ ซูเช็ค จะสวยหรูตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพในนี้ในบ้านเกิด และเกือบไม่มีโอกาสกลายเป็นดาวเตะของ เวสต์แฮม ในปัจจุบันนี้เหมือนกัน…

 

 

เคว้งคว้างตั้งแต่เริ่ม

 

Image result for tomas soucek viktoria Žižkov

 

เมื่อ 6 ปีก่อน ซูเช็ค ในวัย 19 ปี กำลังก้าวเป็นนักฟุตบอลอาชีพเต็มตัว ทั้ง ๆ ที่นี่เป็นช่วงสำคัญในชีวิต แต่กลับมีไม่กี่คนที่เชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จในเส้นทางนี้

 

เขาทดสอบฝีเท้ากับ วลาซิม และ ฟรีเด็ก-มิสเท็ค 2 สโมสรลีกรองในบ้านเกิด เมื่อเดือนมกราคมปี 2015 แต่ก็ไม่ได้เซ็นสัญญาร่วมทีม โดยในขณะนั้นเขายังเป็นนักเตะของ สลาเวีย ปราก และถูกปล่อยยืมให้กับ วิคตอเรีย ซิสคอฟ เนื่องจากไม่เสียเงินในการยืมไปใช้งาน

 

ซิสคอฟ เองมีปัญหาด้านการเงิน แต่ก็ต้องการเพิ่มศักยภาพของทีมด้วยเช่นกัน ทำให้พวกเขาพยายามดึงนักเตะจากสโมสรที่ใหญ่กว่าด้วยสัญญาเช่า แต่ก็ดีลก็ล่มเป็นส่วนใหญ่ จนกระทั่ง สลาเวีย เสนอ ซูเซ็ค แข้งที่อยู่กับทีมชุดเยาวชนตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ให้กับพวกเขาไปใช้งาน

 

ทว่าครั้งแรกยามที่สตีาฟของ ซิสคอฟ เห็นฝีเท้าของ ซูเช็ค ในตอนซ้อม พวกเขากลับไม่มั่นใจเท่าไหร่

 

“มันไม่ใช่ว่าเขาถูกมองข้ามนะ แต่เขาดูไม่ดีพอเท่าไหร่” เดวิด เซอร์มัก นักข่าวจาก Dnes หนังสือพิมพ์ในเช็ก กล่าวกับ BBC

 

ขณะที่ ยินดริช ทริปิซอฟสกี้ โค้ชของ ซิสคอฟ ไม่ได้ต้องตาฝีเท้า ซูเช็ค เลย แต่ ผู้จัดการทั่วไปของสโมสรอย่าง อิวาน ฮอร์นิก ไม่มองเช่นนั้น

 

“เขาบอกว่า ‘พวกเขา เขา (ซูเช็ค) จะเข้ามาแบบยืมตัว และไม่เสียตังค์ซักแดงเดียว’ ดังนั้น ซูเซ็ค จึงอยู่กับ ซิสคอฟ และทุ่มเทอย่างมาก ” เซอร์มัก กล่าวเสริม

 

ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่กว่า 192 เซนติเมตร ทำให้เขาถูกโค้ชมองว่าเป็นนักเตะที่เชื่องช้า แม้เล่นเป็นกองกลางตัวรับ แต่การจ่ายบอลของเขาก็ไม่ใช่จุดแข็งอะไร อีกทั้งสมัยเล่นในทีมเยาวชนของ สลาเวีย สโมสรพยายามเปลี่ยนให้เขามาเล่นเป็นกองหลัง แต่เจ้าตัวขัดขืนกับการโยกตำแหน่ง และมองว่าตนสามารถกลายเป็นยอดมิดฟิลด์เหมือนกับ เชส ฟาเบรกาส และ ยาย่า ตูเร่ 2 ไอดอลได้อย่างแน่นอน

 

 

จุดเปลี่ยนชีวิตค้าแข้ง

 

Image result for tomas soucek slavia prague

 

ช่วงชีวิตในซิสคอฟ ลำบากกว่าตอนอยู่ใน สลาเวีย เสียอีก เนื่องจากสโมสรมมีเงินไม่พอในการจ่ายค่าสนามเหย้า ทำให้ ทริปิซอฟสกี้ ตัดสินใจพาทีมมาซ้อมในสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่ระหว่างอพาร์ทเมนต์แทน

 

ผู้เล่นกำลังวิ่งบนสนามหญ้า ขณะที่คนท้องถิ่นก็พาสุขันมาเดินเล่นห่างกันไม่กี่เมตร พวกเขาเรียนรู้เทคติกท่ามกลางต้นไม้ล้อมรอบ

 

เขาได้เล่น 14 นัดในลีกรอง ก่อนจะกลับไป สลาเวีย ในซัมเมอร์ปี 2015 และในช่วงที่ ดูซาน อูห์ริน จูเนียร์ เพิ่งนั่งแท่นเป็นกุนซือ ทีมก็เผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่

 

“นั่นเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ผมเข้ามาในสโมสร ในฤดูกาลพวกเขาจบอันดับที่ 11 และไม่มีเงินเลย” อูห์ริน เล่าย้อน

 

“โทมัส โชคดีในเรื่องนั้น เราตัดสินใจดึงนักเตะดาวรุ่งที่ถูกปล่อยยืม กลับมาสลาเวียทั้งหมด เพราะเราไม่มีเงินซื้อนักเตะใหม่แล้ว” 

 

กุนซือชาวเช็ก ตัดสินใจส่ง ซูเช็ค ลงเป็นตัวจริงกับเกมแรกของเขาที่พบ วิคตอเรีย พัลเซ่น ทีมแชมป์ในตอนนั้น ท่ามกลางความกังวลไม่น้อย แต่ในภายหลังเขาก็คิดผิด

 

“ผมไม่มั่นใจจริง ๆ ผมกังวลว่าเขาจะรับมือกับมันได้ไหม แต่เขาก็เริ่มทำประตูได้แม้ว่าเขาจะเล่นเป็นกองกลางตัวรับก็ตาม” 

 

ภายใต้การดูแลของ อูห์ริน ซูเซ็ค กดไป 7 ประตูจาก 29 นัดในลีก และกลายเป็นตัวหลักของทีม และกังวลสุด ๆ หลังเขาบาดเจ็บในตอนซ้อมกับทีมช่วงหนึ่ง

 

“เราทั้งหมดกังวลสุด ๆ ในตอนนั้น เรารู้ดีว่าเขาคือคนที่ไม่มีใครแทนได้สำหรับเรา ผมคิดทันทีว่า ‘เราจะทำยังไงดีในตอนนั้น หากไม่มีเขา?’” อูห์ริน เล่าย้อนความอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม กุนซือของสลาเวีย ก็เข้าใจในเวลาต่อมาว่า ซูเซ็ค เป็นนักเตะที่พิเศษแค่ไหน แม้ดูน่าสงสัยข้องใจในตอนแรกก็ตาม และจากแข้งลูกหม้อที่แจ้งเกิดกับทีมเยาวชนไม่ได้ จู่ ๆ ซูเช็ค ก็กลายเป็นแข้งคนสำคัญของ สลาเวีย แบบไม่มีใครคาดคิด

 

“เขาไม่ได้จ่ายบอลดี อีกทั้งไม่ได้วิ่งได้รวดเร็วอะไรนัก นั้นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ โค้ชหลาย ๆ คนไม่ต้องการเขา แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็พัฒนาได้อย่างดีเยี่ยม และหมั่นซ้อมอย่างหนัก เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว มีความรับผิดชอบและยังคงเป็นเด็กดี คุณต้องคุ้นเคยกับการเฝ้าดูเขา เพราะเขาดูเชื่องช้าในตอนแรก”

 

 

แชมป์ลีกเช็กสู่แดนผู้ดี

 

Image result for tomas soucek west ham

 

ในเดือนกันยายนปี 2015 CEFC บริษัทด้านพลังงานจากจีน เข้าซื้อสลาเวีย และสโมสรก็กลับคืนสู่ลีกสูงสุดในเช็ก ทว่า อูห์ริน ถูกปลดในปี 2016 เป็นเหตุให้ ซูเช็ค ถูกปล่อยยืมอีกหน โดยย้ายไปเล่นกับ สโลวาน ลิเบอเร็ค ซึ่งทำให้เขาพบกับ ทริปิซอฟสกี้ อีกครั้ง และอีกไม่กี่เดือนต่อมา พวกเขาก็กลับมาที่ สลาเวีย และคราวนี้ ทริปิซอฟสกี้ ได้สร้างทีมของเขาใหม่โดยใช้ ซูเซ็ค เป็นจุดศูนย์กลาง

 

ในฤดูกาล 2017-18 สลาเวีย จบอันดับที่ 2 รองจาก พัลเซ่น จากนั้นก็ก้าวขึ้นเป็นแชมป์ลีกในฤดูกาลต่อมา โดย ซูเซ็คซัดไป 13 ประตูจาก 34 นัด

 

จากนั้น ซูเซ็ค ก็ติดทีมชาติเช็ก และสร้างผลเด่นด้วยการพาทีมพลิกชนะ อังกฤษ 2-1 ในซึกยูโร 2020 รอบคัดเลือก หยุดสถิติไร้พ่ายของทัพสิงโตคำรามในรอบคัดเลือกช่วง 10 ปีหลังสุดลง อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในนักเตะที่โดดเด่นกับเกมแชมเปี้ยนส์ลีกที่พ่ายให้กับ บาร์เซโลน่า 2-1 ในฤดูกาล 2019-20 ด้วย

 

นั่นแสดงให้เห็นว่า ซูเช็ค ไม่มีปัญหายามต้องเจอกับคู่แข่งที่เหนือกว่า และเป็น เวสต์แฮม ที่เห็นแวว ก่อนจะทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวสูงสุดที่สุดในประวัติศาสตร์ของลีกเช็ก

 

ขวบปีแรกกับ ขุนค้อน ซูเช็ค ยิงไป 10 ประตูในลีก จากการลงเล่นเพียง 33 นัดเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากดาวเตะรุ่นพี่ชาวเช็กที่ส่วนใหญ่เป็นตัวรุกต้องใช้เวลานานกว่านั้นกว่าจะยิงแตะเลข 2 หลักได้ทั้ง โธมัส โรซิคกี้ (45), พาทริค แบร์เกอร์ (48) หรือ วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ (107) อดีตแข้งลิเวอร์พูล ที่เปรียบ ซูเซ็ค ว่ามีสไตล์คล้ายคลึงกับ รอย คีน และ พาทริค วิเอร่า 

 

อีกทั้ง ซูเซ็ค ยังพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นนักเตะที่มีความสามารถครบเครื่อง ทั้งพลังงานที่ล้นเหลือ มีค่าเฉลี่ยวิ่ง 12.2 กิโลเมตรต่อเกม สูงสุดในลีก ร่วมกับ ปาสคาล โกรส ของไบรท์ตัน รวมถึงด้านการป้องกัน, การสร้างสรรค์ และการเล่นเกมรุก ที่น่าจับตามองสุด ๆ 

 

มีเพียง 3 คนเท่านั้นก็คือ โคมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน จากเอฟเวอร์ตัน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ของ ลิเวอร์พูล และ บรูโน่ แฟร์นานเดส จากแมนยูไนเต็ด ที่พาทีมคว้าชัยจากประตูที่พวกเขาทำได้ เหนือกว่า ซูเซ็ค ในฤดูกาล 2020-21

 

“เขาดูมีสไตล์การเล่นแบบเก่าในหลาย ๆ ด้าน แต่ทัศนคติและความมุ่งมั่นของเขาเพื่อทีมไม่เป็นสองรองใคร” เดวิด มอยส์ กุนซือเวสต์แฮม กล่าวถึงลูกทีมคนสำคัญ

 

ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่รออยู่ข้างหน้าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซูเช็ค สามารถพาเวสต์แฮมไปลุยฟุตบอลยุโรปได้หรือไม่? หรือ เขาจะทำแสบใส่ทีมชาติอังกฤษ ยามพบกันในรอบแบ่งกลุ่มกลุ่มของศึกยูโรอีกหรือเปล่า? แฟนบอลทั้งหลายคนคงต้องลุ้นไปพร้อม ๆ กัน