เล่นตามเสียงเชียร์! ย้อนรอย 6 เกมเจ้าภาพออกสตาร์ทบอลโลกประทับใจแฟนบอล

บอลโลก

ศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ทุกคนรอคอยกำลังจะเปิดฉากขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า โดยครั้งนี้มี กาตาร์ เป็นเจ้าภาพ ซึ่งนี่ถือเป็นการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22 เข้าไปแล้ว

หนึ่งในไฮไลค์สำคัญคือเกมนัดออกสตาร์ททัวร์นาเมนต์ของทีมเจ้าภาพอย่าง กาตาร์ ซึ่งเป็นแรกของพวกเขาที่จะได้ลงเล่นในศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย และแฟนบอลทั่วทั้งโลกรวมถึงแฟนบอลของพวกเขาเองก็กำลังเฝ้ารอดูผลงานการลงสนามของเจ้าภาพว่าจะทำได้ดีมากน้อยแค่ไหนในการเจอคู่แข่งอย่าง เอกวาดอร์ และแม้ว่าก่อนเกมจะมีข่าวฉาวเกี่ยวการจ้างวานให้คู่แข่งเป็นฝ่ายแพ้เกมนัดนี้ ทว่าด้วยศักยภาพของ กาตาร์ ซึ่งเป็นถึงแชมป์ เอเอฟซี เอเชียน คัพ ดูแล้วพวกเขาน่าจะต่อกรกับทีมแกร่งจาก อเมริกาใต้ ได้แบบสนุกสูสีแน่นอน

อย่างไรก็ตามหากเราพูดถึงแมตช์ออกสตาร์ทฟุตบอลโลก ของเจ้าภาพ ในอดีตถือว่ามีหลายเกมที่น่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นนัดที่เจ้าภาพอย่าง เกาหลีใต้ ชนะ โปแลนด์ เมื่อปี 2002 หรือ แอฟริกาใต้ เสมอกับ เม็กซิโก้ 1-1 ในปี 2010 ล้วนเป็นเกมที่ยังอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลทั้งสิ้น

นอกจากนั้นวันนี้ UFAARENA จะขอพาย้อนดูกันว่า แมตช์ออกสตาร์ทฟุตบอลโลก ของเจ้าภาพเกมอื่นจะมีนัดไหนบ้างที่ยังคงถูกพูดถึงและประทับใจแฟนบอลมาจนถึงทุกวันนี้

 

ฟุตบอลโลก 1986 : เม็กซิโก เม็กซิโก 2-1 เบลเยียม

นับเป็นครั้งที่สองกับการที่ เม็กซิโก รับบทเป็นเจ้าภาพศึกฟุบบอลโลก รอบสุดท้าย ต่อจากครั้งแรกที่พวกเขาเคยจัดการแข่งทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวมาแล้วเมื่อปี 1970 หรือ 16 ปี ก่อนหน้านั้น

ทัพ “จังโก้” ยุคนั้นนำทัพโดยสุดยอดกองหน้าระดับตำนาน เรอัล มาดริด อย่าง อูโก้ ซานเชซ, ฮาเวียร์ อากีร์เร่, คาร์ลอส เอร์โบซิลโล, กัปตันทีม โทมัส บอยส์ และกุนซือมากฝีมืออย่าง โบร่า มิลูติโนวิช ชาวยูโกสลาเวีย

โดยเกมนัดเปิดสนามของเจ้าภาพพวกเขาต้องโคจรมาพบกับ อีกหนึ่งทีมระดับแถวหน้าของยุโรป เวลานั้นอย่าง เบลเยียม ซึ่งแมตช์นั่นลงเตะกันที่สนาม เอสตาดิโอ อัซเตกา ใจกลางกรุงเม็กซิโก ซิตี้ ซึ่งมีแฟนบอลเข้าชมมากกว่า 110,000 คน

ทีมชาติเม็กซิโก ออกสตาร์ทเกมดังกล่าวด้วยความดุดัน ท่ามกลางเสียงเชียร์จากแฟนบอลเรือนแสน ก่อนที่พวกเขาจะยิงออกนำ เบลเยียม ตั้งแต่นาทีที่ 23 จากประตูของ เฟร์นันโด้ กีราร์เต้ ต่อด้วยลูก 2-0 อย่างรวดเร็วในนาทีที่ 39 ด้วยฝีเท้ากองกลางซุปเปอร์สตาร์ของทีมอย่าง อูโก้ ซานเชซ

แม้จะโดนยิงตีไข่แตกช่วงท้ายครึ่งแรก ทว่าท้ายที่สุดเมื่อจบ 90 นาที พวกเขาสามารถประเดิมชัยชนะเกมนัดเปิดสนามฟุตบอลโลก 1986 ในบ้านของตัวเองได้อย่างสวยหรู และในฟุตบอลโลกครั้งนั้น เม็กซิโก ไปได้ไกลจนถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนไปแพ้จุดโทษ เยอรมันตะวันตก ซึ่งนี่ถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขาจนถึงทุกวันนี้

 

 

ฟุตบอลโลก 2018 : รัสเซีย 5-0 ซาอุดิอาระเบีย

นี่เป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลโลก ถูกจัดขึ้นบนแผ่นดินหนึ่งในชาติมหาอำนาจของโลก อย่าง รัสเซีย ซึ่งพวกเขาใช้งบประมาณสำหรับจัดการแข่งขันไปมากกว่า 11,000 ล้านดอลลาร์ มากสุดเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์ รองจากฟุตบอลโลก ที่ บราซิล และ กาตาร์ เท่านั้น

แน่นอนว่าผลงานในสนามของทีมชาติรัสเซีย เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่แฟนบอลเจ้าภาพต่างคาดหวังเช่นกัน เพราะขุมกำลังของทัพ “หมีขาว” ชุดนั้นเต็มไปด้วยผู้เล่นฝีเท้าคุณภาพสูงอย่าง นำทัพโดยกัปตันทีมและสุดยอดผู้รักษาประตูอย่าง อิกอร์ อคินเฟเยฟ, เซอร์เก อิ๊กนาเชวิช, อเล็กซานเดอร์ ซาเมดอฟ, เดนิส เชรีย์เชฟ และ อลัน ซาโกเยฟ

สำหรับฟุตบอล ครั้งนี้ รัสเซีย ลงเล่นนัดเปิดสนามด้วยการพบกับตัวแทนจากทวีปเอเชีย อย่าง ซาอุดิอาระเบีย ที่สนาม ลุจนีกี้ สเตเดี้ยม และมีแฟนบอลเจ้าภาพตีตั๋วเข้าชมเกมมากถึง 78,011 คน

เกมนัดนั้นเป็นทางฝั่งเจ้าบ้านลูกทีม สตานิสลัฟ เชียร์เชซอฟ ที่ครองเกมเหนือกว่าคู่แข่งตลอดทั้ง 90 นาที ก่อนสามารถยิงถล่มคู่แข่งจากตะวันออกกลางไปแบบขาดลอย 5-0 จากการยิงของ ยูริ กาซินสกี้, อาร์เต็ม ซูบา, อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน ซึ่งกลายเป็นดาวรุ่งที่แจ้งเกิดแบบเต็มตัวในบอลโลก ครั้งนั้น และอีกสองลูกจากแข้งตัวเก๋าอย่าง เดนิส เชรีย์เชฟ

นับเป็นการออกสตาร์ทฟุตบอลโลก ในบ้านของตัวเองด้วยฟอร์มที่สุดยอด แถมทัวร์นาเมนต์นั้นพวกเขายังสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเอาชนะทีมแกร่งอย่าง สเปน รอบ 16 ทีมสุดท้าย และทะลุเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนไปแพ้จุดโทษรองแชมป์ครั้งนั้นอย่าง โครเอเชีย

 

 

ฟุตบอลโลก 1998 : ฝรั่งเศส 3-0 แอฟริกาใต้

สำหรับฟุตบอลโลก 1998 ที่ ฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพ ถูกยกให้เป็นการแข่งขันครั้งหนึ่งที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ และเป็นฟุตบอลโลก ที่พากันผ่านเข้าสู่รอบลึกๆ ได้อย่างพร้อมหน้า

โดยทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งนำทัพมาโดยบรรดาดาวดังของโลกลูกหนัง ณ เวลานั้น อย่าง โลร็องต์ บล็องก์, ลิลิยอง ตูราม, ดิดิเยร์ เดส์ชองส์, ซีเนดีน ซีดาน รวมถึงสองกองหน้าดาวรุ่งอย่าง ดาวิด เทรเซเก้ต์ และ เธียร์รี อองรี

สำหรับนัดเปิดสนามของพวกเขาพบกับ แอฟริกาใต้ ที่สนาม สตาด เวโลโดรม ซึ่งเกมนั้นมีแฟนบอลเข้าชมเกมมากถึง 55,000 คน ซึ่งผลการแข่นขันก็เป็นไปตามคาด เมื่อขุนพล “เลส์ เบลอส์” เอาชนะคู่แข่งจาก แอฟริกาใต้ ไปด้วยฟอร์มที่น่าประทับใจ 3-0 จากการยิงของ คริสตอฟ ดูการ์รี ซึ่งถูกส่งลงสนามเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 26 ก่อนซัดสกอร์ออกนำให้ทีมนาทีที่ 36 ส่วนอีกลูกเป็นการทำเข้าประตูตัวเองของผู้เล่นคู่แข่ง ก่อนที่ เธียร์รี อองรี จะยิงปิดท้าย 3-0 ช่วงท้ายเกม

นับเป็นการออกสตาร์ทที่ยอดเยี่ยมในฟุตบอลโลก ครั้งนั้นของ ฝรั่งเศส ก่อนที่พวกเขาจะทำผลงานดีต่อเนื่องตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ สามารถผ่านทีมใหญ่ในรอบน็อคเอ้าท์อย่าง อิตาลี และ โครเอเชีย ทะลุเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศ และสามารถเอาชนะชาติมหาอำนาจลูกหนังเวลานั้นอย่าง บราซิล ได้อย่างราบคาบ 3-0 คว้าถ้วย ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ สมัยแรกมาครองได้สำเร็จ

 

 

ฟุตบอลโลก 2006 : เยอรมัน 4-2 คอสตาริกา

เป็นการแข่งขันฟุตบอลโลก อีกหนึ่งครั้งที่ถูกยกย่องให้เป็นครั้งที่ดีที่สุด สำหรับฟุตบอลโลก เมื่อปี 2006 บนแผ่นดินเยอรมัน ซึ่งทำหน้าที่จัดการแข่งขันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และบรรดาทีมใหญ่ต่างโชว์ฟอร์มสุดยอดพร้อมกันในทัวร์นาเมนต์นี้

นั่นก็รวมถึงเจ้าภาพอย่างทัพ “อินทรีเหล็ก” ของกุนซืออย่าง โยอาคิม เลิฟ ด้วยเช่นกัน โดยทีมชาติเยอรมัน ชุดนั้นนำทัพโดย สุดยอดผู้รักษาประตูอย่าง โอลิเวอร์ คาห์น, มิชาเอล บัลลัค, แบรนด์ ชไนเดอร์, มิโลสลาฟ โคลเซ่ รวมถึงบรรดาดาวรุ่งอย่าง บราเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ลูคัส โพดอลสกี้ และ ฟิลิป ลาห์ม

โดยเกมแรกนัดเปิดสนามของพวกเขาเชื่อว่ายังอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน นัดดังกล่าวขุนพล “ดี มานน์ชาฟต์” ลงเจอกับ คอสตาริก้า ที่สนาม อลิอันซ์ อารีน่า ท่ามกลางแฟนบอลในสนามกว่า 66,000 คน

ทีมแชมป์โลก 3 สมัย ในเวลานั้น ไม่ทำให้แฟนบอลที่เข้ามาเชียร์ต้องผิดหวัง เมื่อพวกเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการไล่ถล่ม คอสตาริกา 4-2 จากการยิงของ มิโลสลาฟ โคลเซ่ 2 ประตู ทอร์สเทิน ฟริงส์ และ ฟิลิป ลาห์ม คนละหนึ่งประตู ซึ่งประตูของแบ็คขวา บาเยิร์น มิวนิค มาจากการยิงไกลสุดสวยๆ ซึ่งประตูนี้ถูกยกให้เป็นหนึ่งในประตูที่สวยที่สุดตลอดการแข่งขันของฟุตบอลโลก เลยทีเดียว

บทสรุปของทีมชาติเยอรมัน ในฟุตบอลโลก 2006 แม้พวกเขาตั้งเป้าหมายคือการคว้าแชมป์สมัยที่ 4 ให้ได้ ทว่าทีมของ โยอาคิม เลิฟ ไปได้ไกลแค่เพียงรอบรอบชนะเลิศเท่านั้น ก่อนไปแพ้จุดโทษ อิตาลี ซึ่งท้ายที่สุดกลายเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 ส่วนเจ้าภาพจบตำแหน่งอันดับ 3 ของทัวร์นาเมนต์

 

 

ฟุตบอลโลก  2002 : เกาหลีใต้ 2-0 โปแลนด์

เชื่อว่านี่คงเป็นฟุตบอลโลก ที่ยังคงถูกพูดถึงมากสุดจนถึงทุกวันนี้ นับเป็นการแข่งขันที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย และอาจเป็นฟุตบอลโลก ที่มีมลทินมากที่สุดเลยก็ว่าได้

สำหรับฟุตบอลโลก 2002 เป็นครั้งแรกที่ถูกจัดขึ้นบนแผ่นดินเอเชีย และเป็นครั้งแรกที่มีเจ้าภาพร่วม 2 ชาติ คือ เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น

ไฮไลค์เกมนัดเปิดสนามของเจ้าภาพร่วมอย่าง เกาหลีใต้ พบกับ โปลแนด์ ซึ่งเวลานั้นทัพ “โสมขาว” นำมาโดยกุนซือมากฝีมืออย่าง กุส ฮิดดิ้ง, ประตูจอมหนึบ อี วุน-แจ และ อี ยอง-เปียง ซึ่งหลังจบทัวร์นาเมนต์นั้นเขาได้ย้ายไปอยู่กับทีมอย่าง พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ รวมถึงนักเตะรายอื่นอย่าง โซล คี-เฮือน, ฮอง เมียง-โบ และดาวรุ่งอย่าง ปาร์ค จี-ซอง อดีตซุปเปอร์สตาร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

โดยเกมนัดดังกล่าวแม้ชื่อชั้น เกาหลีใต้ จะเป็นรอง โปแลนด์ อยู่ไม่น้อย แต่ด้วยเสียงเชียร์จากแฟนบอลในสนาม โซล เวิลด์คัพ สเตเดี้ยม กว่า 48,760 คน ช่วยกระตุ้นให้แข้งพลังโสมโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม และพลิกล็อคเอาชนะ โปแลนด์ 2-0 จากการยิงคนละประตูของ หวัง ซุน-ฮง และ ยู ซัง-ช็อล

การออกสตาร์ทที่ยอดเยี่ยมในเกมนัดเปิดสนามถือเป็นจุดเริ่มต้นบนเส้นทางอันน่าเหลือเชื่อในฟุตบอลโลก ครั้งนั้นของ เกาหลีใต้ เพราะหลังจากนั้นพวกเขาสามารถพลิกล็อคเอาชนะทีมแกร่งอย่าง โปรตุเกส, อิตาลี และ สเปน แบบที่หลายคงจำได้ว่าแต่ละเกมมีข้อกังขามากแค่ไหน ก่อนทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ และไปแพ้ เยอรมัน 1-0 ซึ่งท้ายที่สุดพวกเขาจบด้วยการคว้าอันดับ 4 ของทัวร์นาเมนต์ และนับเป็นผลงานที่ดีที่สุดของทีมจากเอเชีย ในฟุตบอลโลก จนถึงตอนนี้

 

 

ฟุตบอลโลก 2010 : แอฟริกาใต้ 1-1 เม็กซิโก

หากให้พูดถึงชาติเจ้าภาพที่ทำผลงานประทับใจแฟนบอลมากที่สุดในเกมนัดออกสตาร์ทฟุตบอลโลก เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2010 อย่าง แอฟริกาใต้ แน่นอน

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 นับเป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลโลก ถูกจัดขึ้นบนดินแดนกาฬทวีป โดยมี แอฟริกาใต้ เป็นเจ้าภาพ ซึ่งนับเป็นฟุตบอลโลก ที่มีสีสันมากสุดครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะเรื่องของแฟนบอลชาวแอฟริกา ที่มีเอกลักษณ์ในการเชียร์ หนึ่งนั่นคืออุปกรณ์เชียร์ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลอย่าง “วูวูเซล่า”

ส่วนเกมนัดเปิดสนามของเจ้าภาพพวกเขาต้องโคจรพบกับทีมจากโซนคอนคาเคฟ อย่าง เม็กซิโก้ เกมนัดดังกล่าวลงเตะกันที่สนาม ซอกเกอร์ ซิตี้ และมีแฟนบอลเข้าชมเกมกว่า 85,000 คน ก่อนเป็น แอฟริกาใต้ ที่ยิงประตูขึ้นนำก่อนจากลูกซัลโวสุดสวยของ ซิฟิเว่ ชาบาลาล่า ซึ่งถูกยกให้เป็นหนึ่งในประตูที่สวยที่สุดประจำทัวร์นาเมนต์นั้น

เกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยการฉลองชัยชนะของเจ้าบ้าน ทว่าขุนพล “จังโก้” มาตามตีเสมอช่วงท้ายเกมจากประตูของ ราฟาเอล มาร์เกซ ทำให้จบ 90 นาที ทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 อย่างไรก็ตามนับเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมไม่น้อยสำหรับ แอฟริกาใต้ สำหรับการประเดิมสนามฟุตโลก ที่พวกเขาเองเป็นเจ้าภาพ

อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจบเส้นทางฟุตบอลโลก ครั้งนั้นแค่เพียงรอบแรกเท่านั้น หลังจากสองนัดในรอบแบ่งกลุ่มที่เหลือ พวกเขาแพ้ อุรุกวัย 3-0 และแม้จะพลิกล็อคชนะ ฝรั่งเศส ในนัดสุดท้าย 2-1 แต่ผลต่างประตูได้เสียกลับไปรอง เม็กซิโก และต้องตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย