ศึกยูโร 2020 ใกล้เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่มแล้ว และหลายคนคงได้เห็นว่าฟอร์มการเล่นของเขาละทีมเป็นอย่างใด หรือสมกับราคาเต็งแชมป์หรือไม่
ครั้งนี้ก็เป็นอีกหนที่ทีมเต็งๆ ไม่น้อยต่างทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานของตนเอง ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส ที่สะดุดเสมอ ฮังการี แบบงงๆ, โปรตุเกส ที่ดูไม่ลื่นไหลในเกมรุก ขณะที่ สเปน ครองบอลเยอะก็จริง แต่ยิงทิ้งยิงขว้างออกไปพอสมควร และ อังกฤษ ยิ่งแล้วกว่าใครเพื่อน
แต่ประวัติศาสตร์ของการแข่งขันทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ในเกมทีมชาติ เคยแสดงให้เห็นมาแล้วว่า ทีมต่างๆ สามารถพัฒนาขึ้นระหว่างรายการได้ แต่นี่คือ 7 ทีมตัวอย่างที่ UFAARENA ขอหยิบยกมาเป็นตัวอย่างในเรื่องนี้
โปรตุเกส | ยูโร 2016
นี่คือตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดในยุคปัจจุบัน เมื่อ โปรตุเกส ถูกมองว่าเป็นม้ามืดก่อนศึกยูโร 2016 แต่ฟอร์มของพวกเขาย่ำแย่มากในรอบแบ่งกลุ่มที่เสมอทั้ง 3 นัดกับ ไอซ์แลนด์, ออสเตรีย และ ฮังการี
แต่ ฝอยทอง ก็ยังดีพอในการคว้า 1 ใน 4 ทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุดในแต่ละกลุ่ม ก่อนที่ฟอร์มการเล่นของพวกเขาค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับจนทะลุไปถึงรอบชิงชนะเลิศ
ชัยชนะเหนือ ฝรั่งเศส ตัวเต็งและเจ้าภาพ คือสิ่งที่ โปรตุเกส ทำได้โดยที่ในสนามไม่มีคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่บาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกไป ก่อนตะโกนอย่างบ้าคลั่งหลัง เอแดร์ กดประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษ
โปรตุเกส อาจไม่ได้เล่นฟุตบอลที่สวยงามนักในปี 2016 แต่ก็เป็นหลักฐานที่ชี้ชัดว่าถึงเริ่มต้นได้ช้า ก็ไม่ใช่จุดสิ้นสุดในบอลทัวร์นาเม้นต์
สเปน | ฟุตบอลโลก 2010
ยุคทองของทีมชาติสเปน เกิดขึ้นในช่วงระหว่างปี 2008-2012 ที่กวาดแชมป์มาครองได้ทั้งระดับทวีปและระดับโลก แต่การคว้าชัยชนะ 1-0 ในหลายๆ ครั้ง ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเคยเกือบล่มกลางทางมาแล้วเช่นกัน
ฟุตบอลโลกปี 2010 คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด เมื่อ ทัพกระทิงดุ ได้ยกพลไป แอฟริกาใต้ ในฐานะตัวเต็งร่วมกับ บราซิล แต่ก็ต้องช็อกตั้งแต่เกมแรก เมื่อแชมป์ยูโรปี 2008 ดันพลาดท่าพ่ายให้ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0
แต่ทีมของ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ก็พยายามโชว์ลูกฮึดด้วยการเบียดชนะ ฮอนดูรัส และ ชิลี จนคว้าอันดับของกลุ่มมาได้ ก่อนทะยานขึ้นคว้าแชมป์โลกเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ของสเปน
ฝรั่งเศส | ฟุตบอลโลก 2006
ฝรั่งเศส เปิดหัวเกมฟุตบอลโลกปี 2006 นัดแรกด้วยการสะดุดเสมอกับ สวิตเซอร์แลนด์ แบบไร้สกอร์ ทั้งๆที่อุดมไปด้วยดาวเตะระดับท็อปมากมาย ทั้ง ซีเนดีน ซีดาน, โคล้ด มาเกเลเล่, ปาทริซ วิเอร่า หรือ เธียร์รี่ อองรี
อีกทั้งยังพลาดไปเสมอกับ เกาหลีใต้ 1-1 อีก ยังดีที่นัดสุดท้ายสามารถเอาชนะ โตโก 2-0 จนคว้าตั๋วไปเล่นรอบน็อคเอ้าท์ได้สำเร็จ และที่เหลือเชื่อว่านั้นคือการทะยานเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ จากการฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นของ ซีดาน
‘ซิซู’ เป็นคนช่วยให้ ‘เลอ เบลอส์’ ฝ่าด่านทั้ง สเปน, บราซิล และ โปรตุเกส ในรอบน็อคเอ้าท์ดังกล่าว ก่อนเข้าไปพบกับ อิตาลี ในนัดชิงดำ ที่หลายคนคงจดจำได้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นกับการเล่นฟุตบอลอาชีพนัดสุดท้ายของเขาในวันนั้น
เนเธอร์แลนด์ | ยูโร 2004
เนเธอร์แลนด์ เข้าร่วมศึกยูโร 2004 ด้วยทีมชุดที่เต็มไปด้วยดาวรุ่งอนาคตไกลมากมาย เช่น อาร์เยน ร็อบเบน, เวสลี่ย์ ชไนเดอร์, ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ผสมผสานกับดาวเตะรุ่นเก๋าอย่าง ยาป สตัม, ฟิลลิป โคคู หรือ แฟรงค์ เดอ บัวร์
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาในตอนแรกก็ไม่ค่อยดีนัก เมื่อเสมอกับ เยอรมัน 1-1 แบบโชคช่วยสุดๆ จากนั้นก็โดน สาธารณรัฐเช็ก เฉือนชนะไปได้ 3-2 แบบช็อกแฟนบอลทั่วโลก
แต่ ดิค อั๊กโวคาท ก็ดึงสติให้ ‘อัศวินสีส้ม’ เอาชนะ ลัตเวีย จนคว้าอันดับ 2 ในรอบแบ่งกลุ่มไปได้ และดวลจุดโทษเอาชนะ สวีเดน ไปแบบหืดจับในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
แม้พ่ายให้ โปรตุเกส เจ้าภาพในรอบ 4 ทีมสุดท้าย แต่ก็คงไม่มีใครคิดว่า พลพรรค ‘ออรันเย่’ ที่เก็บได้เพียงแต้มเดียวจาก 2 นัด จะทะยานมาไกลถึงรอบตัดเชือกได้
อุรุกวัย | โคปา อเมริกา 2011
หลังทะลุไปไกลถึงรอบตัดเชือกในฟุตบอลโลกปี 2010 ทำให้ อุรุกวัย มีโอกาสไม่น้อยกับการลุ้นคว้าแชมป์โคปา อเมริกา ในปีต่อมา
แต่การพลาดเสมอกับ เปรู และ ชิลี ถือเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังสำหรับทีมที่อุดมไปด้วยแนวรุกสุดเฉียบคมอย่าง เอดินสัน คาวานี่, ดีเอโก้ ฟอร์ลัน และ หลุยส์ ซัวเรซ
แต่หลังจากที่เฉือนชนะ เม็กซิโก 1-0 ก็ไม่มีทีมไหนหยุดยั้งทีม จอมโหด ได้ในทัวร์นาเม้นต์นั้น เมื่อเขี่ย อาร์เจนติน่า ตัวเต็งตกรอบจากการดวลจุดโทษชี้ขาดในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
อีกทั้งเมื่อไม่มี บราซิล ที่ตกรอบไปแล้วในอีกสาย ทำให้ อุรุกวัย ทางสะดวก ตบเปรูแบบสบายเท้าในรอบตัดเชือก ก่อนทุบ ปารากวัย 3-0 ทะยานคว้าแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ไปครองเป็นสมัยที่ 15
อังกฤษ | ยูโร 1996
แฟนบอลอังกฤษ คงคุ้นเคยกับ ยูโรปี 1996 กันเป็นอย่างดี ทั้งประตูสุดโด่งดังของ พอล แกสคอยน์, เกมถล่ม ‘อัศวินสีส้ม’ในรอบแบ่งกลุ่ม, ‘ไซโค’ สจ๊วร์ต เพียร์ซ กับช็อตตะโกนแหกปากสะใจ หลังดวลจุดโทษเอาชนะ สเปน และใจสลายหลังพ่าย เยอรมัน ในรอบตัดเชือก
แต่เหตุการณ์เหล่านี้ มีวี่แววว่าอาจไม่เกิดขึ้นในตอนที่พลาดท่าเสมอกับ สวิตเซอร์แลนด์ แบบไม่น่าเสมอ 1-1 ในเกมแรกรอบแบ่งกลุ่ม แต่ทีมของ เทอร์รี่ เวนาเบิ้ล ก็สามารถเร่งเครื่องจนเข้าไปเล่นถึงรอบชิงชนะเลิศไปแบบเหนือความคาดหมาย
เชื่อว่าแฟนบอลชาวผู้ดีไม่น้อย คงหวังว่าเหตุการณ์เหนือเชื่อเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับ ‘สิงโตคำราม’ ของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ในยูโรหนนี้เช่นกัน
รัสเซีย | ยูโร 2008
รัสเซีย หวั่นใจไม่น้อยว่าต้องล้มเหลวอีกครั้ง หลังลงเล่นไปเพียง 90 นาทีแรกของศึกยูโร 2008
การติดโทษแบนของ อังเดร อาชาวิน ทำให้ ‘หมีขาว’ พ่าย สเปน ไปแบบหมดรูป 4-1 ในเกมแรก และสถิติก่อนหน้านี้ก็บ่งบอกว่าพวกเขาไม่เคยผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปได้ในรายการเมเจอร์ หลังหมดยุคของ สหภาพโซเวียต
แต่ รัสเซีย ก็กระเตื้องขึ้นในเกมที่เอาชนะ กรีซ ก่อนโชว์ฟอร์มการเล่นสุดลื่นไหลกับ สวีเดน จนคว้าตั๋วไปเล่นรอบน็อคเอ้าท์ได้สำเร็จ แม้ต้องเจอกับ เนเธอร์แลนด์ ตัวเต็งในรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่ อาร์ชาวิน ก็โชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในอาชีพของตน จนช่วยให้ ‘หมีขาว’ หักปากกาเซียนเขี่ย ‘ออรันเย่’ ตกรอบไปแบบเหลือเชื่อด้วยสกอร์ 3-1
รัสเซีย เจอกับ ‘กระทิงดุ’ โจทก์เก่าอีกครั้ง และก็พ่ายไปอีกหนในรอบตัดเชือก แต่นั่นก็ทำให้ แข้งรัสเซียกว่าครึ่งทีมในตอนนั้นได้ย้ายมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก ทว่านับตั้งแต่นั้น พวกเขาก็ไม่เคยเดินทางมาถึงจุดนี้ในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่อีกเลย