แม้เบื้องบนมอบให้ : 7 แข้งป้ายแดงที่กุนซือไม่อยากได้ร่วมทีม

ป้ายแดง

ในการเสริมทัพคว้าแข้งใหม่ป้ายแดงมาร่วมทีมแต่ละครั้ง ย่อมมีการพูดคุยปรึกษาหารือก่อนระหว่างผู้จัดการทีมและบอร์ดบริหารสโมสร ซึ่งบางครั้งก็ลงเอยด้วยดี แต่ก็หมายความว่าจะเป็นแบบนั้นเสมอไป

ปัญหาในเรื่องค่าตัว หรือ ค่าเหนื่อยที่แพงเกินไป อาจทำให้สโมสรไม่สามารถคว้านักเตะที่กุนซือหมายปองมาร่วมทีมได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเห็นบ่อยๆในวงการลูกหนังยุคปัจจุบัน 

รวมไปถึงปัญหาเรื่องคนจากเบื้องบนคว้านักเตะใหม่มาให้ โดยที่ไม่ปรึกษากับอีกฝ่าย หรือเป็นนักเตะที่นายใหญ่ของทีมไม่ต้องการได้มาเสริมทัพ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ย่อมสร้างความหนักใจให้กับกุนซือเช่นกัน เนื่องจากต้องใช้งานผู้เล่นที่พวกเขาไม่ต้องการและอาจทำให้ระบบในทีมเสียหายด้วย

UFA ARENA จึงขอพาย้อนไปพบกับ แข้งหน้าใหม่ที่บอร์ดบริหารจากเบื้องบนมอบให้ แต่กลับไม่ใช่คนที่กุนซือต้องการแม้แต่นิดเดียว

 

โอลิวิเย่ร์ เอ็นท์ชาม | โอลิมปิก มาร์กเซย

Celtic ace Olivier Ntcham makes Marseille debut in French Cup victory over  Auxerre

นี่เป็นแข้งกรณีล่าสุดที่เกิดขึ้นในปีนี้ และมีปัญหาขัดแย้งจนถึงขั้นทำให้ผู้จัดการทีมยื่นซองขาวกลางงานแถลงข่าวเลย สำหรับ โอลิวิเยร์ เอ็นท์ชาม ที่ย้ายมาร่วมทีม โอลิมปิก มาร์กเซย แบบยืมตัวในช่วงตลาดหน้าหนาว

อังเดร วิลลาส โบอาส เข้ามาคุม โอเอ็ม ตั้งแต่ปี 2019 และดูไปได้สวยด้วยการพาทีมจบรองแชมป์ลีกเอิง ในฤดูกาล 2019-20 แต่ช่วงกลางฤดูกาลต่อมา กุนซือชาวโปรตุเกส ช็อกแฟนบอลทั่วประเทศด้วยการยื่นลาออกจากตำแหน่ง หลังมีปัญหาขัดแย้งกับสโมสรไปคว้า กองกลางชาวฝรั่งเศสจากเซลติก ทั้งๆที่นั่นเป็นนักเตะที่เขาไม่ต้องการมาเสริมทัพ

“ดีลนี้เป็นการตัดสินใจที่ไม่ได้เกิดขึ้นโดยผม นี่คือนักเตะที่ผมบอกไปแล้วว่าไม่ ผมไม่ได้รู้เห็นเรื่องนี้เลย ผมเพิ่งจะรู้ข่าวการเซ็นสัญญาตอนตื่นนอนเมื่อเช้านี้จากเว็บไซต์ของมาร์กเซย” โบอาส กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์

ต่อมา กุนซือวัย 43 ปี ได้ลาถิ่น สต๊าด เวโรโดรม สมใจ ขณะที่ เอ็นท์ชาม ลงเล่นให้ มาร์กเซย เพียง 6 นัดในทุกรายการ และไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรในทีม ก่อนย้ายกลับต้นสังกัดเดิมในซัมเมอร์นี้

 

โจลิงตัน | นิวคาสเซิล

Newcastle sign striker Joelinton for record fee

เชื่อว่าแฟนบอลสาลิกาดง และแฟนบอลอีกหลายคนคงตกใจไม่น้อยที่เห็น ไมค์ แอชลี่ย์ ยอมทุ่มเงินกว่า 35 ล้านปอนด์เพื่อคว้า โจลิงตัน จาก ฮอฟเฟ่นไฮม์ มาร่วมทีมนิวคาสเซิล ในซัมเมอร์ปี 2019 

แม้ ราฟาเอล เบนิเตซ อดีตกุนซือ ‘เดอะ แม็กพายส์’ อาจไม่มีโอกาสได้ใช้งาน แต่ หัวหอกบราซิเลียน ก็ตกเป็นข่าวกับทีมตั้งแต่ปี 2018 แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ใช่คนที่ ราฟา อยากได้ และมองว่าไม่ได้เป็นนักเตะที่มีค่าตัวมากขนาดนั้น

“เขาคิดว่า 40 ล้านปอนด์สำหรับโจลิงตันนั้นไม่คุ้ม มันมากเกินไปและสโมสรไม่ควรใช้มัน” แอชลี่ย์ กล่าวกับ เดลี่เมล สื่อแดนผู้ดี ในปี 2019

“ในบางครั้ง ผมได้เป็นผมในโลกนี้  ผมจะจ่าย 20 ล้านปอนด์เป็นการส่วนตัว ไม่เกี่ยวอะไรกับสโมสร ราฟาให้ค่าตัวเขาที่ 20 ล้านปอนด์ และสิ่งที่เกินจากงบประมาณของสโมสรอีก 23 ล้านปอนด์ ผมจะจ่ายเอง และเขายังไม่ได้เซ็นตกลง เมื่อมองย้อนกลับไป ผมคิดว่าเขารู้มานานแล้วว่าเขาจะไปประเทศจีน เพราะเหมือนกับว่าเราทำอะไรไม่ได้แล้ว”

สตีฟ บรูซ ที่เข้ามารับช่วงต่อจาก ราฟา ก็ได้ใช้งาน โจลิงตัน แบบงงๆ และผลงานเพียง 10 ประตู จาก 86 นัดตลอด 2 ปีที่ผ่านมา คงไม่ต้องบอกว่าความคิดกันแน่ใครถูกต้องที่สุด

 

มาริโอ บาโลเตลลี่ | ลิเวอร์พูล

Liverpool: Even In A World Gone Mad Mario Balotelli Still Makes No Sense |  The Anfield Wrap

เบนิเตซ อาจขัดขืนจนปฏิเสธ โจลิงตัน ได้สำเร็จ แต่สำหรับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส สมัยคุมลิเวอร์พูล เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเสี่ยงลุยกับ มาริโอ บาโลเตลลี่ เท่านั้น

ซูเปอร์มาริโอ้ เข้ามาชูเสื้อ หงส์แดง ในซัมเมอร์ปี 2014 หลังทีมเสีย หลุยส์ ซัวเรซ และพลาดโอกาสคว้า อเล็กซิส ซานเชซ ที่มองว่าเหมาะสมกับทีมมากที่สุด ซึ่งสุดท้ายเขาก็ถูกปลดในปีต่อมา  และได้เปิดใจถึงการเสริมทัพในครั้งนั้น ผ่าน สกาย สปอร์ต

“สิ่งที่เราต้องการและสิ่งที่เราต้องการคือผู้เล่นที่สามารถเพรสซิ่งพื้นที่ด้านบนได้จริงๆ มันไม่ใช่แค่ผู้ทำประตูที่เราตามหา” บีร็อด กล่าว

“ผมรู้สึกว่า มาริโอ้ ไม่น่าได้ผลสำหรับเรา แต่เมื่อสิ้นสุดฤดูร้อน เรากำลังพยายามหาคนที่สามารถทำหน้าที่ที่เราต้องการได้ ผมคิดว่าบอร์ดบริหารอาจคิดว่านี่เป็นผู้เล่นที่ผมสามารถพัฒนาได้”

“พวกเขาคิดว่าบางทีเขาอาจจะเป็นนักเตะ 50 ล้านปอนด์ที่เราหาได้จาก 16 ล้านปอนด์” ดังนั้นเมื่อเจ้าของต้องการให้คุณไปตามเส้นทางนั้นและไม่มีทางเลือกอื่น คุณก็ต้องลองดู”

ผลลัพธ์ที่ออกมาก็อย่างที่รู้กันว่าเป็นแบบไหน เมื่อกองหน้าจอมเกรียนยิงประตูในพรีเมียร์ลีกแค่ลูกเดียวเท่านั้น ก่อนถูกปล่อยก่อนหมดสัญญา 1 ปี เมื่อปี 2016

 

ซิสโก้ และ อิกนาซิโอ้ กอนซาเลซ | นิวคาสเซิล

Kevin Keegan book extracts: 'I was sick of them; sick of the way they were  riding roughshod over me, sick of being treated like dirt' | Sport | The  Times

เบนิเตซ ไม่ใช่กุนซือรายแรกของ นิวคาสเซิล ที่โดนบังคับให้ใช้งานนักเตะที่เขาไม่ต้องการ เพียงแต่ เควิน คีแกน ไม่ได้โชคดีเหมือน ราฟา ที่สามารถปฏิเสธได้ เมื่อต้องต่อกรกับ เดนนิส ไวส์ และ โทนี่ ฆิมิเนซ 2 ผู้อำนวยการสโมสรที่ยืนกรานจะคว้า 2 แข้งมาร่วมทีมให้ได้

ซิสโก้ ถูกคว้าเข้ามาพร้อมสัญญา 5 ปี กับค่าเหนื่อย 60,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ แต่ลงเล่นให้ สาลิกาดง เพียง 9 นัดตลอด 5 ปี ขณะที่ อิกนาซิโอ้ กอนซาเลซ แม้มาด้วยสัญญายืมตัว แต่ก็ไม่ใช่นักเตะที่ คีแกน อยากใช้งาน แถม แอชลี่ย์ ดันมองว่านั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ กองกลางชาวอุรุกวัย ไม่สามารถปรับตัวในถิ่น เซนต์ เจมส์ ปาร์ค ได้อีกต่างหาก

เมื่อบวกปัญหาหลายๆอย่างภายสโมสรที่ไม่ลงรอยกัน ทำให้กุนซือชาวอังกฤษ ตัดสินใจลาตำแหน่งนายใหญ่ ‘เดอะ แม็กพายส์’ ทันทีระหว่างฤดูกาล 2008-09 

 

อังเดร เชฟเชนโก้ | เชลซี

How Milan sold Shevchenko to Chelsea for £40m only to win the Champions  League | FootballTransfers.com

ช่วงที่ โรมัน อับราโมวิช เข้ามาเป็นเจ้าของสโมสร เชลซี ในยุคแรก นอกจากพร้อมทุ่มเงินเสริมทัพเพื่อรังสรรค์ความสำเร็จในทันที เขายังซื้อนักเตะที่ตัวเองมองว่าเหมาะสมกับทีมที่สุดด้วย

ย้อนไปในปี 2006 ‘สิงห์บลู’ ทุ่มเงินกว่า 30 ล้านปอนด์ เพื่อคว้า อังเดร เชฟเชนโก้ กองหน้าระดับโลกจาก เอซี มิลาน มาร่วมทีม ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษในเวลานั้น และเป็นคนที่ ‘เสียหมี’ มองว่าจะช่วยยกระดับในทีมป้องกันแชมป์ลีกสมัยที่ 3 

แต่ โชเซ่ มูรินโญ่ไม่ได้มองแบบนั้น และมันชัดเจนว่าทำไม ‘เชว่า’ ยิงไม่ถึงเลข 2 หลัก จากการลงเล่น 48 นัด ก่อนที่เจ้าตัวจะอธิบายหลังลาทีมในปี 2007 ว่าการเซ็นสัญญากับหอกชาวยูเครนเกิดขึ้นได้อย่างไร และทำไมเขาถึงลำบากใจ 

“เขาเป็นเหมือนเจ้าชายในมิลาน และที่เชลซี ปรัชญาของเรานั้นแตกต่างออกไป เราไม่มีเจ้าชาย ทุกคนต้องทำงานเหมือนคนอื่นๆ และทุกคนต้องพิสูจน์ว่าเขาสมควรได้ลงเล่น” เดอะ สเปเชียล วัน กล่าว

“ผมคิดว่าบางทีเขาอาจสูญเสียความมั่นใจในตนเองไปบ้าง ค่อยๆไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง เขาไม่ใช่ตัวเลือกแรกของผม แต่สโมสรมอบเขาให้เป็นตัวเลือกที่ 2 ของผม”

“ผมเชื่อว่าในอนาคตเขาจะเป็นผู้เล่นคุณภาพสูงอีกครั้ง ความจริงก็คือผมไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวกับเขาเลยและผมก็ขอให้เขาโชคดีในอนาคต”

 

เฟร็ด | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

Mourinho: United need to be stronger defensively for Fred to shine

แม้ มูรินโญ่ ไม่เคยออกมาพูดเรื่องนี้ตรงๆ แต่หลังจากที่เขาลา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สื่อหลายเจ้าในปี 2019 ก็เล่นข่าวหนักมากว่า เฟร็ด ไม่ใช่นักเตะที่เขาต้องการเสริมทัพเลยในซัมเมอร์ปี 2018 

กองกลางชาวบราซิลเลี่ยน ย้ายจาก ชัคตาร์ โดเนตส์ค มาร่วมทีม ปีศาจแดง ด้วยค่าตัว 60 ล้านปอนด์ แต่เล่นได้ไม่สมราคา ก่อนค่อยๆดูดีขึ้นในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา  

ข่าวได้รายงานว่า เดอะ สเปเชียล วัน ไม่เคยต้องการมิดฟิลด์วัย 28 ปีมาร่วมทีมเลย เพราะกังวลว่านักเตะจะไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งในลีกผู้ดีได้   

ทว่าท้ายที่สุด น้ามูกลัวว่า เอ็ด วู้ดเวิร์ด รองประธานฝ่ายบริหารจะไม่อนุมัติให้ซื้อนักเตะตัวเลือกอื่นตามที่ขอให้ ถ้าไม่ซื้อเฟร็ด ส่งผลให้กุนซือชาวโปรตุเกสต้องตอบรับดีลนี้ในเวลาต่อมา 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

อะไรก็ไม่เป็นใจ : 10 แข้งประเดิมทีมใหม่ด้วยฟอร์มสุดพัง