8 อรหันต์แชมเปี้ยนส์ลีก:ใครจะคว้าถ้วยบิ๊กเอียร์ฤดูกาลนี้

 

 

เกมตกค้างรอบ 16 ทีม นัด 2 ได้ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา  ถึงเวลานี้เราก็ได้ 8 ทีมสุดท้าย แห่งศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก  หลังใช้เวลารอกันมาอย่างยาวนับตั้งแต่พักเบรคจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

 

 

 

จากนี้ไปจนถึงนัดชิงชนะเลิศจะเตะแบบนัดเดียวจบที่ประเทศโปรตุเกส โดยใช้ 2 สนาม คือ เอสตาดิโอ ชูเซ่ อัลวาล้าด รังเหย้าของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน และ เอสตาดิโอ ดา ลุช รังเหย้าของ เบนฟิก้า ซึ่งสังเวียนแห่งนี้จะใช้เป็นนัดชิงชนะเลิศด้วย

 

 

 

 

  UfaArena จะพามาชำแหละให้ดูกันว่าทั้ง 8 ทีม มีใครกันบ้างที่มีโอกาสจะผงาดไปครองแชมป์ยุโรป ฤดูกาลที่แสนยาวนานนี้ไปครอง

 

 

 

 

แมนเชสเตอร์  ซิตี้ (อังกฤษ) 

 

 

 ทัพ ทีมของเป๊ป กว่าดิโอล่า ยังคงเป็นตัวเต็งในสายตาบ่อนรับพนันอย่างถูกกฏหมาย  แม้ฟอร์มในลีกฤดูกาลนี้จะยังไม่ดีนัก   แต่ถ้วยใบนี้พวกเขาพิสูจน์ความแข็งแกร่งด้วยการปราบสุดยอดทีมอย่าง เรอัล มาดริด ลงไปได้อย่างราบคาบทั้ง 2 เกมที่ดวลกันในรอบ 16 ทีมสุดท้าย   ขณะที่ในรอบแบ่งกลุ่มก็จบด้วยการเป็นแชมป์ของกลุ่ม ซี ด้วยผลงาน ชนะ 4 เสมอ 2 ทำให้ถึงเวลานี้ ลูกทีมของ เป๊ป ยังไม่พ่ายให้กับทีมใดเลยแม้แต่เกมเดียว

 

 

            เกมรุกเรียกว่าสามารถสลับกันเล่นได้หมด เพราะเมื่อ เซร์คิโอ กุน อเกวโร่ ได้รับบาดเจ็บยาว ต้องบอกว่า กาเบรียล เฆซุส นั้นฉายแสงเอามากๆ และมันแสดงให้เห็นว่าเขาก็ดีพอที่จะยึดหัวหอกหมายเลข 1 ของทีมเช่นกัน  ส่วนแข้งรายอื่นอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง ,แบร์นาโด ซิลวา ,ริยาด มาห์เรซ ก็ยังเล่นได้คงเส้นคงวาเช่นเดิม รวมไปถึงยังมีดาวโรจน์ที่เตรียมจะก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักในแดนหน้าอย่าง ฟิล โฟเด้น เป็นทางเลือกอีกรายด้วย  

 

 

 

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยสำหรับ เควิน เดอ บรอยน์ ที่ฤดูกาลนี้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาคือหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในโลกยุคนี้  ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบอลสั้น บอลยาว ยิงไกล เรียกว่าไม่มีที่ติ และเชื่อว่าสิ่งเดียวที่จะพรากฟอร์มการเล่นของเขาได้ในเวลานี้ก็คงมีเพียงอาการบาดเจ็บอย่างเดียวเท่านั้น

 

 

 

จุดที่น่าเป็นห่วง  ปีนี้ ซิตี้ จะต้องเจอปัญหาในเกมรับนับตั้งแต่ แวงซองต์ กอมปานี อำลาทีมไป ขณะที่ อายเมอริค ลาปอร์ต ที่หวังพึ่งพาก็ดันมาเจ็บเพิ่มซะอีก และเพิ่งจะกลับมาช่วยทีมได้ในในรอบ 16 ทีมที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านี้ที่น่าเซอร์ไพรส์คือผลงานของ แฟร์นานดินโญ่ ที่ฤดูกาลนี้เขยิบมาเล่นในตำแหน่งกองหลังเต็มตัวนั้นทำผลงานได้ดีเกินคาด  แม้บางครั้งจะมีปัญหาในการจับคู่กับ นิโกลัส โอตาเมนดี้ หรือ เอริค การ์เซีย ก็ตาม  ซึ่งจุดนี้น่าสนใจว่า ตั้งแต่รอบ 8 ทีมเป็นต้นไป เป๊ป จะปรับแผนในแนวรับเช่นไรให้ลงตัวที่สุด

 

 

 

 

  การเอาชนะ ยูฟ่า ด้วยการอุทธรณ์ต่อ ศาลกีฬาโลก เพื่อยกเลิกการแบนพวกเขาในเวทียุโรปได้สำเร็จอาจเป็นลางดี และกลายเป็นแรงส่งให้พวกเขาไปได้ไกลถึงขั้นคว้าแชมป์ฤดูกาลนี้ก็เป็นได้

 

 

 

 

แข้งคีย์แมน : เควิน เดอ บรอยน์

 

โอกาสคว้าแชมป์ : 60 %

 

 

 

 

 

 

 

บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี)

 

  “เสือใต้” ที่นับตั้งแต่เปลี่ยนกุนซือมาเป็น ฮันซี่ ฟลิค ต้องบอกว่าพวกเขากลับมาสู่ผลงานที่สุดยอดได้อีกครั้ง โดยเฉพาะในเกมลีก ที่ไม่แพ้ใครมา 22 นัดติด พร้อมกวาดทั้ง บุนเดสลีกา และ เดเอฟเบ โพคาล  ขณะที่ในรายการนี้ ก็จบด้วยการเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มบี ด้วยผลงานชนะรวดทั้ง 6 นัด ซึ่งมีแมตช์ตราตรึงใจในเกมที่บุกไปถล่ม สเปอร์ส แบบเละเทะถึง 7-2  ขณะที่ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายก็บุกไปถล่ม เชลซี ได้ถึง 3-0 ด้วย

 

 

มาว่าในถึงตัวผู้เล่นต้องบอกว่านี่น่าจะเป็นหนึ่งในปีที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้  ดาวยิงของทีมกำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดในชีวิตค้าแข้งของเขาก็ว่าได้  ผนวกกับการเข้ามาของ ฟลิค ทำให้ โธมัส มุลเลอร์ แนวรุกตัวเก๋าของทีมเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง จากผลงานการแอสซิสต์ที่สูงที่สุดในบุนเดสลีกา ฤดูกาลที่ผ่านมา รวมไปถึงที่ขาดไม่ได้เลยในแดนกลางอย่าง เลออน โกเร็ทซ์ก้า ที่ขึ้นแท่นเป็นจอมทัพของทีมอย่างแท้จริง

 

 

หากจะมีปัญหาอะไรที่ทัพ “เสือใต้” ต้องปวดหัวอยู่บ้างก็น่าจะเป็นเรื่องข่าวการย้ายทีมของ ติอาโก อัลคันทารา และแบ็คขวาตัวจริงอย่าง เบนฌาแมง ปาวาร์ ที่เจ็บและต้องพลาดตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ที่เหลืออยู่ แต่หากมีวาสนามากพอ ปีนี้เชื่อว่าพวกเขามีโอกาสคว้าแชมป์ได้แน่นอน

 

 

 

แข้งคีย์แมน  : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

 

 

โอกาสคว้าแชมป์ :  60 เปอร์เซนต์

 

 

 

 

 

บาร์เซโลน่า (สเปน)

 

 

 

ในรอบแบ่งกลุ่มทัพ “เจ้าบุญทุ่ม” จบด้วยตำแหน่งแชมป์กลุ่ม เอฟ ซึ่งถือว่าเป็นกรุ๊ปออฟเดธ ประจำฤดูกาลนี้ ด้วยผลงาน ชนะ 4 เสมอ 2 และไม่แพ้ให้ใครเลย ขณะที่ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายก็ผ่าน นาโปลี ทีมแกร่งจากอิตาลี มาได้

 

 

 

 โอเคหละแม้จะมีปัญหาภายในทีม ระหว่างตัวกุนซืออย่าง กีเก้ เซเตียน กับแข้งระดับกระดูกสันหลังของทีมอย่าง ลีโอเนล เมสซี่ จะดูเหมือนสงครามเย็นภายในทีม   และยิ่งฟอร์มช่วงหลังที่กระท่อนกระแท่นไม่น้อย ทำให้สถานการณ์เวลานี้นั้นดูไม่ค่อยดีนัก แต่เชื่อว่าไม่มีสโมสรไหนกล้าประมาทพวกเขาแน่นอน

 

 

 

นี่อาจเป็นฤดูกาลที่ดูย่ำแย่ที่สุดในรอบหลายฤดูกาลหลังของทัพ “อัลซูลกราน่า” จากผลงานในลีกที่ล้มเหลวด้วยการโดน เรอัล มาดริด แซงคว้าแชมป์ไปครอง แต่นั่นอาจจะเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีเช่นกันที่จะทำให้พวกเขาพุ่งทะยานในถ้วยใบนี้เช่นกัน

 

 

 

 

แข้งคีย์แมน  : ลีโอเนล เมสซี่

 

โอกาสคว้าแชมป์ :  50 เปอร์เซนต์

 

 

 

 

 

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส)

 

 

 

 

นี่คือหนึ่งในสโมสรที่ได้พักเก็บตัวมากที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ หลังจากที่ ลีกเอิง ฝรั่งเศส นั้นตัดจบฤดูกาลไปตั้งแต่เดือน มี.ค. ขณะที่ เปแอสเช นั้นก็มีโปรแกรมลงเล่นนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย เพียง 2 แมตช์เท่านั้น

 

 

สำหรับผลงานในรอบแบ่งกลุ่ม เปแอสเช นั้นคว้าแชมป์กลุ่ม เอ ด้วยการเอาชนะไปถึง 5 เกม เสมอเกมเดียวเท่านั้น ก่อนที่ในรอบ 16 ทีมจะผ่าน โบรุสเซียร์ ดอร์ทมุนด์ มาได้แบบสุดมันส์ และทำให้พวกเขายังคงอยู่ในเส้นทางที่ฝันเอาไว้ต่อไป 

 

 

 แม้ยอดทีมจากลีกเอิง จะเต็มไปด้วยขุมกำลังผู้เล่นที่สุดยอด  แต่ปัญหาของ โทมัส ทูเคิ่ล ก็มีเช่นกันเพราะว่า คีเลียน เอ็มบั๊ปเป้ ดาวยิงตัวความหวังของทีม ดันมามีอาการเจ็บในตอนนี้ และคาดว่าจะกลับมาช่วยทีมได้อีกครั้งในรอบรองชนะเลิศเป็นต้นไป ก็ต้องดูว่าพวกเขาจะเอาชนะ อตาลันต้า ผ่านเข้าไปได้หรือไม่

 

 

 

แข้งคีย์แมน :  เนย์มาร์

 

โอกาสคว้าแชมป์ : 40 เปอร์เซนต์

 

 

 

 

แอตเลติโก มาดริด (สเปน)

 

 

ทัพ “ตราหมี” ผู้คว่ำแชมป์เก่าอย่าง ลิเวอร์พูล  จากรอบที่แล้ว ผ่านเข้ามาถึงรอบนี้ได้สำเร็จ ขณะที่ในรอบแบ่งกลุ่มนั้นพวกเขาจบด้วยการเป็นรองแชมป์กลุ่ม ดี ชนะไป 3 เสมอ 1 และแพ้ 2 นัด

 

 

ด้วยขุมกำลังลูกทีมของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่  ในเวลานี้ พวยเขาไม่เป็นรองใครเช่นกัน ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูอย่าง ยาน โอบลัค ที่เหนียวแน่นหนึบขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่แนวรับมี สเตฟาน ซาวิช เป็นแกนหลัก ส่วนแนวรุกก็มีตัวเลือกทั้ง เจา เฟลิกซ์ ,อัลบาโร่ โมราต้า และ ดีเอโก้ คอสต้า

 

 

 

 ยิ่งในรอบ 8 ทีมสุดท้ายการที่ได้เจอกับ ไลป์ซิก ที่ไร้ ติโม แวร์เนอร์ นี่จึงน่าเป็นโอกาสดีที่จะพาให้ทัพ “ตราหมี” กรุยทางเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ เป็นอย่างน้อย

 

 

 

แข้งคีย์แมน : ซาอูล กีเญซ

 

โอกาสคว้าแชมป์ : 40 เปอร์เซนต์

 

 

 

 

 

 

 

อตาลันต้า (อิตาลี)

 

ม้ามืดของถ้วยใบนี้ ในฤดูกาลนี้อย่างแท้จริง หลังพวกเขาเข้ามาเล่นรายการนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ด้วยการสตาร์ทแพ้รวดทั้ง 3 นัด แต่หลังจากนั้นใน 3 เกมที่เหลือนั้นกวาดไปถึง 7 แต้ม พลิกเข้ารอบมาได้อย่างเหลือเชื่อ ขณะที่ในรอบ 16 ทีมก็ถล่มเอาชนะ บาเลนเซีย 8-4 

 

 

 

จาน ปิเอโร่ กัสเปรินี่ ยอดกุนซือของทีม ที่ฤดูกาลนี้พวกเขาเน้นเกมบุกมาโดยตลอดไม่ว่าจะในถ้วยนี้ หรือในกัลโช่ เซเรีย อา โดยแนวรุกเรียกว่าท็อปฟอร์มเกือบทุกคนไม่ว่าจะเป็น มาริโอ ปาซาลิช  ,อเลฮานโดร โกเมซ ,โยซิป อิลิซิช หรือแม้ กระทั่ง ดูวาน ซาปาต้า  อย่างไรก็ตามในรอบ 8 ทีมพวกเขาต้องเจอกระดูกครั้งใหญ่อย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แต่นั่นก็น่าสนใจว่า 2 ทีมที่เล่นเกมรุกมาเจอกันจะเป็นเช่นไร

 

 

 

แข้งคีย์แมน : อเลฮานโดร โกเมซ

โอกาสคว้าแชมป์ : 30 เปอร์เซนต์

 

 

 

โอลิมปิก ลียง (ฝรั่งเศส)

 

 

 ลียง อาจจบเพียงอันดับ 7 ในลีก เอิง ฝรั่งเศส และเพิ่งเป็นรองแชมป์เฟร้นช์ ลีก คัพ หลังแพ้จุดโทษ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในนัดชิงชนะเลิศ แต่กับผลงานในถ้วยใบนี้ พวกเขาสร้างผลงานด้วยการคว่ำตัวเต็งอย่าง ยูเวนตุส ผ่านเข้ารอบเข้ามาได้ (รวมผล 2 นัดเสมอ 2-2 แต่ลียง เข้ารอบด้วยกฏอเวย์โกล)

 

 

  ก่อนหน้านี้ในรอบแบ่งกลุ่ม ทัพ “โอแอล” ก็เข้ามาได้แบบเหลือเชื่อเช่นกัน หลังเกมสุดท้ายได้ประตูตีเสมอ แอร์เบ ไลป์ซิก ในช่วงท้ายเกม ทำให้พวกเขาพลิกแซง เบนฟิก้า ก้าวขึ้นมาเป็นรองแชมป์กลุ่ม จี ด้วยผลงาน ชนะ 2 เสมอ 2 และแพ้ 2

 

 

รูดี้ การ์เซีย ผู้เคยปลุกปั้น เอแดน อาซาร์ สมัยที่เขาพา ลีล คว้าแชมป์ลีกเอิง รวมไปถึงยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยมกับ โรม่า พร้อมกับกา มาร์เซย์ ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูโรป้าลีก มาแล้ว และด้วยแนวรุกที่มีอยู่เวลานี้ทั้ง  เมมฟิส เด ปาย  , มุสซ่า เดมเบเล่   ,คาร์ล โตโก เอก็อมบี้ รวมไปถึง  อุสเซม อาอูอาร์ กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส    เชื่อว่าเวลานี้เขาพร้อมแล้วที่จะพา ลียง สร้างเซอร์ไพรส์อีกครั้งในถ้วยใบนี้

 

 

 

แข้งคีย์แมน:  เมมฟิส เด ปาย

โอกาสคว้าแชมป์ : 20 เปอร์เซนต์

 

 

 

แอร์เบ ไลป์ซิก (เยอรมนี) 

 

 

 ไลป์ซิก ที่สร้างเซอร์ไพรส์ คว่ำ สเปอร์ส มาในรอบที่แล้ว ด้วยการเอาชนะเมื่อรวมสองนัดถึง 4-0 ขณะที่ในรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขานั้นจบด้วยการเป็นแชมป์ของกลุ่ม จี หลังเอาชนะไปได้ 3เกม เสมอ 2 และแพ้แค่ 1 นัดเท่านั้น

 

 

            อย่างไรก็ตามเวลานี้ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ กุนซือหนุ่มของทีม ต้องเจอปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในฤดูกาลนี้ก็ว่าได้ เมื่อ ติโม แวร์เนอร์ ดาวยิงคนสำคัญ ที่เป็นดั่งเดอะแบกของทีมหลังทำไป 34 ประตู กับ 13 แอสซิสต์ นั้นได้อำลาทีมไปร่วมทัพ เชลซี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

 

แม้ว่าจะยังมีโปรแกรมสำคัญในรอบ 8 ทีมสุดท้ายรออยู่ก็ตาม นั่นทำให้น่าสนใจว่าแข้งที่เหลืออยู่จะดีพอที่จะช่วยให้ทีมผ่านเข้ารอบต่อไปได้หรือไม่ 

 

 

 

แข้งคีย์แมน :เอมิล ฟอร์สเบิร์ก

 

โอกาสคว้าแชมป์ : 10 เปอร์เซนต์

 

 

 

                                                                DaboyG

 

 

 

 

 

โปรแกรมรอบ 8 ทีมสุดท้าย

 

อตาลันต้า (อิตาลี)  – ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (ฝรั่งเศส) เตะวันที่ 12 ส.ค.

แอร์เบ ไลป์ซิก (เยอรมนี) – แอตเลติโก มาดริด (สเปน) เตะวันที่ 13 ส.ค.

บาร์เซโลน่า (สเปน) –  บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี)  เตะวันที่ 14 ส.ค.

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ –  โอลิมปิก ลียง (ฝรั่งเศส)   เตะวันที่ 15 ส.ค.