ฝีเท้าเกินราคา! 8 แข้งค่าตัวแพงสุดแต่ละชาติในอาเซียน

 

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาบรรดาชาติในอาเซียน เริ่มยกระดับมาตรฐานวงกาลฟุตบอลของตัวเองได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง, มีความเป็นมืออาชีพมากกว่าเดิม และผลิตผู้เล่นฝีเท้าคุณภาพสูงออกมามากมาย ส่วนเรื่องของมูลค่านักเตะก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

 

ปัจจุบันแข้งจากภูมิภาคอาเซียน หลายคนกำลังได้รับความสนใจจากทีมในลีกระดับแถวหน้าของเอเชีย ทั้ง เค ลีก เกาหลีใต้ และ เจ ลีก ญี่ปุ่น รวมไปถึงบางรายยังเคยตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับสโมสรลีกยุโรปมาแล้วอีกด้วย

 

อย่างไรก็ตามเรื่องค่าตัวของพวกเขาก็ถือว่าไม่ธรรมดา โดยเฉพาะเหล่าแข้งซุปเปอร์สตาร์ของแต่ละชาติ ซึ่งหลายคนถูกเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Transfermarkt ประเมินค่าตัวไว้สูงถึงหลายสิบล้านบาทเลยทีเดียว

 

นั่นทำให้วันนี้ UFA Arena จะขอพาไปดูกันว่า 8 นักเตะค่าตัวแพงสุดแต่ละชาติในอาเซียน ณ เวลานี้ จะมีใครกันบาง ซึ่งแต่ละคนถือว่ามีดีกรีการค้าแข้งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดีย

 

 

สุขพร วงศ์เชียงคำ | ลาว 75,000 ยูโร (2.6 ล้านบาท)

 

เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งทีมชาติลาว เคยอยู่กับทีมชุดเยาวชน บีอีซี เทโรศาสน และมีโอกาสลงเล่นร่วมกับ “เจ้าเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ มาแล้ว สมัยที่ทั้งคู่ยังคงเป็นดาวรุ่งทัพ “มังกรไฟ” เมื่อปี 2009 – 2011

 

หลังจากนั้น สุขพร วงศ์เชียงคำ ย้ายไปพิสูจน์ตัวเองกับหลายสโมสรของไทย ทั้ง กระบี่ เอฟซี, พิษณุโลก เอฟซี, สระบุรี เอฟซี, ศรีสะเกษ เอฟซี และ ชัยนาท ฮอร์นบิล เมื่อฤดูกาล 2019 พร้อมกับโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจในถิ่น เขาพลอง สเตเดี้ยม กระทั่งฝีเท้าของเขากลายเป็นที่ยอมรับจากทั้งแฟนบอลชาวไทยและชาวลาว

 

ปัจจุบันแข้งเจ้าของฉายา “เมสซี่ลาว” ถูกดึงมาอยู่กับ พีที ประจวบ เอฟซี แชมป์ฟุตบอลถ้วย โตโยต้า ลีก คัพ ปีที่ผ่านมา ส่วนผลงานในนามทีมชาติลาว สุขพร วงศ์เชียงคำ ลงสนามไปแล้ว 48 นัด ยิง 14 ประตู

 

 

เธียร์รี่ จันทา บิน | กัมพูชา 225,000 ยูโร (7.9 ล้านบาท)

 

กองกลางทีมชาติกัมพูชา วัย 29 ปี ถือว่ามีเส้นทางการค้าแข้งที่น่าสนใจไม่น้อย เนื่องจากเจ้าตัวเริ่มต้นด้วยการเป็นนักเตะเยาวชนของ สตารส์บูร์ก สโมสรแกร่งในลีกฝรั่งเศส ทว่าท้ายที่สุดเขาไม่สามารถก้าวขึ้นไปเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ได้ ก่อนโยกค้าแข้งกับอีกหลายทีมลีกล่างเมืองน้ำหอม กระทั่งมาอยู่กับ กระบี่ เอฟซี ในปี 2017

 

อย่างไรก็ตามผลงานของ เธียร์รี่ จันทา บิน กับขุนพล “อินทรีอันดามัน” ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ส่งผลให้เขาตัดสินใจย้ายหาความท้าทาย ในศึก มาเลเซีย ซูเปอร์ ลีก กับ ตรังกานู เมื่อฤดูกาล 2018 ก่อนมาอยู่กับ เปรัค เอฟเอ ซีซั่นนี้

 

สำหรับผลงานระดับทีมชาติ เธียร์รี่ จันทา บิน เคยได้รับโอกาสลงเล่นให้ทีมชาติฝรั่งเศส ชุด U17 เมื่อปี 2007 ก่อนถูกเรียกติดทีมชาติกัมพูชา ปี 2014 และลงสนามกับทัพ “อังกอร์ วอร์ริเออร์” ไปแล้ว 36 นัดจนถึงปัจจุบัน ยิง 3 ประตู

 

 

ฮาริสส์ ฮารูน | สิงคโปร์ 300,000 ยูโร (10 ล้านบาท)

 

กองกลางตัวเก๋าวัย 29 ปี คือหนึ่งในนักเตะที่ประสบความสำเร็จมากสุดของวงกาลฟุตบอลสิงคโปร์ เลยก็ว่าได้ หลังเจ้าตัวคว้าแชมป์มาแล้วมากมายทั้งระดับสโมสรและทีมชาติ

 

โดย ฮาริสส์ ฮารูน สร้างชื่อโด่งดังสมัยที่เขาย้ายจาก ยัง ไลอ้อนส์ ในลีกบ้านเกิดไปอยู่กับ ยะโฮร์ ดารุล ตักซิม สโมสรยักษ์ใหญ่ของมาเลเซีย ในปี 2014 ก่อนพาทีมผงาดซิวแชมป์ มาเลเซีย ซูเปอร์ ลีก ไปแล้ว 5 สมัย, มาเลเซีย เอฟเอ คัพ 1 สมัย และเอเอฟซี คัพ 1 สมัย

 

ขณะที่ผลงานกับทีมชาติสิงคโปร์ ฮาริสส์ ฮารูน คือหนึ่งในแกนหลักสำคัญของทีมลอดช่องชุดคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ปี 2012 และมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ เมื่อปี 2016 อีกด้วย

 

 

อ่อง ธู | เมียนมาร์ 300,000 ยูโร (10 ล้านบาท)

 

ศูนย์หน้าตัวเก่งชาวเมียนมาร์ เคยสร้างชื่อกับการลงเล่นบนลีกสูงสุดของเมืองไทย สมัยที่เขาอยู่กับ โปลิศ เทโร เมื่อฤดูกาล 2018 หลังซัดประตูให้กับทีม “มังกรโล่เงิน” ไปถึง 11 ลูก จากการลงสนามทั้งหมด 31 เกม

 

หลังจากนั้นซีซั่นถัดมาปี 2019 อ่อง ธู ก้าวกระโดดมาอยู่กับสโมสรยักษ์ใหญ่ศึกไทยลีก อย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัวจากต้นสังกัด ยาดานาบอน เอฟซี ทว่าเขากลับไม่ประสบความสำเร็จกับการค้าแข้งในถิ่น เอสซีจี สเตเดี้ยม ยิงได้แค่เพียง 3 ลูก เท่านั้น จากการลงเล่น 13 เกม ให้กับ “กิเลนผยอง”

 

ปัจจุบัน อ่อง ธู ในวัย 24 ปี กลับมาอยู่กับ ยาดานาบอน เอฟซี ทีมแกร่งศึก เมียนมาร์ เนชั่นแนล ลีก และกำลังตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับหลายสโมสรทั้งในระดับอาเซียนและไทยลีก ส่วนผลงานกับทีมชาติเมียนมาร์ ลงสนามไปแล้ว 41 นัด ยิง 10 ประตู นอกจากนั้นเจ้าตัวยังเคยได้รับรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน เมื่อปี 2015 และผ่านการลงเล่นศึกฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 20 มาแล้วในปีเดียวกัน

 

 

เก งอค ไฮ | เวียดนาม 300,000 ยูโร (10 ล้านบาท)

 

ปราการหลังกัปตันทีมชาติเวียดนาม โชว์ฟอร์มสุดยอดตลอดหลายปีที่ผ่านมา พร้อมกับเป็นกำลังสำคัญพาขุนพล “มังกรทอง” ทะลุเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศศึก เอเอฟซี เอเชียน คัพ 2019 และผงาดคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 มาครองได้สำเร็จ

 

ส่วนระดับสโมสร เก งอค ไฮ เริ่มต้นค้าแข้งฟุตบอลอาชีพกับ ซงลาม เหงะอาน เมื่อปี 2012 ก่อนทำผลงานยอดเยี่ยมต่อเนื่องกระทั่งถูกดึงมาอยู่กับ เวียตเทล สโมสรน้องใหม่ศึก วีลีก ซีซั่น 2019 ก่อนพาทีมจบได้ถึงอันดับ 6 ของตาราง

 

นอกจากนั้น เก งอค ไฮ ยังเคยตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับสโมสรดีกรีแชมป์ไทยลีก อย่าง “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด มาแล้วอีกด้วย เมื่อช่วงปลายปี 2019

 

 

ลิริดอน ครานซิกี้ | มาเลเซีย 350,000 ยูโร (12 ล้านบาท)

 

กองกลางตัวรุกชาวโคโซโว เพิ่งได้รับสัญชาติมาเลเซีย เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา และได้รับการอนุญาติจากทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ให้สามารถลงเล่นกับทีม “เสือเหลือง” ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

โดยดาวเตะวัย 28 ปี ค้าแข้งลีกมาเลย์ มานานกว่า 5 ปี นับตั้งแต่ย้ายจาก ออสมานลิสปอร์ เอฟซี สโมสรลีกตุรกี มาอยู่กับ เคดาห์ เมื่อปี 2015 กระทั่งถูกทีมดังแห่งแหลมมลายูอย่าง ยะโฮร์ ดารุล ตักซิม คว้าตัวมาร่วมทัพในซีซั่น 2020

 

สำหรับผลงานของ ลิริดอน ครานซิกี้ ตลอดการลงเล่นศึก มาเลเซีย ซูเปอร์ ลีก กับ 3 สโมสร ทั้ง เคดาห์, มะละกา ยูไนเต็ด และ ยะโฮร์ ดารุล ตักซิม ระหว่างปี 2016 – 2020 ลงสนามไปแล้วทั้งหมด 61 นัด ยิง 15 ประ

 

 

สเตฟาโน่ ลิลิปาลีย์ | อินโดนีเซีย 350,000 ยูโร (12 ล้านบาท)

 

แข้งเพลย์เมกเกอร์ลูกครึ่งเนเธอร์แลนด์ – อินโดนีเซีย เริ่มต้นด้วยการเป็นนักเตะทีมเยาวชน อูเทร็คท์ สโมสรดังศึก เอเรอดีวีซี ฮอลแลนด์ และเคยได้รับโอกาสลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่มาแล้วเมื่อปี 2010 ทว่าท้ายที่สุดเจ้าตัวไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริง ก่อนตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ อัลเมเร่ ซิตี้ ในปี 2012

 

หลังจากนั้น สเตฟาโน่ ลิลิปาลีย์ โยกเล่นให้กับอีกหลายสโมสร ทั้ง คอนซาโดเล่ ซัปโปโร่ (ญี่ปุ่น), เทลสตาร์ (เนเธอร์แลนด์), เอสซี คัมบูร์ (เนเธอร์แลนด์) กระทั่งย้ายมาอยู่กับ บาหลี ยูไนเต็ด เมื่อปี 2017 และเพิ่งมีส่วนสำคัญพาทีมคว้าแชมป์ อินโดนีเซีย ลีก้า 1 ซีซั่น 2019 ที่ผ่านมา

 

สำหรับผลงานระดับทีมชาติ สเตฟาโน่ ลิลิปาลีย์ เคยเล่นให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ U17 ถึง 5 เกม ก่อนเลือกเล่นให้ทีมชาติอินโดนีเซีย ชุดใหญ่ และลงสนามไปแล้วทั้งหมด 24 นัด ยิง 3 ประตู พาทีมประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยการคว้าตำแหน่งรองแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016

 

 

ชนาธิป สรงกระสินธ์ | ไทย 1,900,000 ยูโร (66.8 ล้านบาท)

 

สุดยอดมิดฟิลด์ตัวรุกทีมชาติไทย อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมนับตั้งแต่ที่ย้ายไปค้าแข้งในศึก เจลีก กับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร่ ตั้งแต่เมื่อปี 2017 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน

 

โดยฟอร์มโดดเด่ดที่สุดของ “เจ้าเจ” เกิดขึ้นเมื่อซีซั่น 2018 หลังเขาลงสนามให้กับทัพ “นกเค้าแมวเมืองเหนือ” บนลีกสูงสุดแดนปลาดิบทั้งหมด 30 นัด ยิง 8 ประตู พร้อมกับทำอีก 3 แอสซิสต์ ก่อนได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรและติดทีมยอดเยี่ยมศึก เจลีก ประจำฤดูกาลดังกล่าวในท้ายที่สุด

 

ส่วนผลงานกับทัพ “ช้างศึก” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ลงสนามไปแล้วทั้งหมด 56 นัด ยิง 8 ประตู เคยพาทีมประสบความสำเร็จสูงสุดคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2 สมัย เมื่อปี 2014 และ 2016 นอกจากนั้นแข้งวัย 26 ปี ยังเคยตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับสองสโมสรดังของยุโรปอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ และ มาลาก้า มาแล้วด้วย

 

 

นีล เอเธอริดจ์ | ฟิลิปปินส์ 2,400,000 ยูโร (84.4 ล้านบาท)

 

นายด่ายวัย 30 ปี ถือเป็นผู้เล่นที่มีดีกรีไม่ธรรมดา เคยผ่านการลงเฝ้าเสาในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาแล้วกับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ เมื่อซีซั่น 2018/2019 พร้อมกับเก็บคลีนชีทได้ถึง 10 เกม และมีสถิติการเซฟช่วยทีมสูงถึง 141 ครั้ง มากสุดอันดับ 2 ของลีก เป็นรองแค่เพียง ลูคัส ฟาเบียงสกี้ ที่มีจังหวะเซฟสูงถึง 148 ครั้ง

 

ส่วนผลงานตลอดซีซั่น 2019/2020 ที่ผ่านมา กับทีม “พิราบสีน้ำเงิน” ในศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิพมือกาวลูกครึ่งอังกฤษ – ฟิลิปปินส์ ลงสนามทั้งหมด 16 นัด และสามารถรักษาคลีนได้ถึง 4 เกม

 

ขณะที่ผลงานกับทีมชาติฟิลิปปินส์ นีล เอเธอริดจ์ ลงสนามไปแล้ว 32 นัด นั้บตั้งแต่ปี 2008 และเก็บคลีนชีทให้กับ “ดิ อัซคาลส์” มากถึง 12 นัด