ลูคัส เลว่า อาจไม่ได้รับการจดจำในฐานะหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของ ลิเวอร์พูล แต่เขากลับได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่เข้าไปอยู่ในหัวใจของเดอะ ค็อปแทบทุกราย
กองกลางชาวบราซิเลี่ยน ใช้เวลาค้าแข้งบนถิ่นแอนฟิลด์นานถึง 10 ปี ลงสนามให้กับทีมไปกว่า 346 นัด ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีม ลาซิโอ้ ในปี 2017 พร้อมได้รับคำสรรเสริญมากมายจากเพื่อนร่วมทีมที่เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกันในวันที่เปลี่ยนสีเสื้อ
ทำไมนักฟุตบอลที่ครั้งหนึ่งเคยโดนแม้กระทั่งแฟนบอลของตัวเองโห่ ถึงกลายมาเป็นชายที่ทั้งเพื่อนร่วมทีมและสาวกหงส์แดงรักในวันที่จากไป? เหตุผลทั้ง 7 ข้อต่อไปนี้น่าจะสามารถอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
ถูกแฟนบอลหงส์แดงโห่
แฟนบอลของลิเวอร์พูลพร้อมที่จะหนุนหลังและปกป้องผู้เล่นของตัวเองอย่างเต็มที่ แต่พวกเขาก็ไม่กลัวที่จะทำให้นักเตะได้รับรู้เมื่อฟอร์มการเล่นยังไม่ถึงขั้น
ย้อนกลับไปในปีแรกของ ลูคัส บนถิ่นเมอร์ซี่ไซด์ เขาถูกแฟนบอลของตัวเองโห่ใส่ในเกมที่ ลิเวอร์พูล เปิดรังเสมอกับ ฟูแล่ม ไปแบบน่าผิดหวัง 0-0 แน่นอนว่าการโดนคนที่ควรจะคอยให้กำลังใจโห่ใส่ถือเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดสำหรับนักฟุตบอลสักคน แต่แทนที่ ลูคัส จะแค้นเคือง เจ้าตัวกลับน้อมรับความโกรธของเดอะ ค็อปด้วยความเข้าใจ
“คุณต้องเข้าใจกองเชียร์ พวกเขาอยากให้ ชาบี อลอนโซ่ ลงเล่นในตอนนั้น และเขาอยู่บนม้านั่งสำรอง” ลูคัส กล่าว “เกมออกมาไม่ดี เราเล่นกันได้ไม่ดี ผมเข้าใจพวกเขานะ การโชว์ฟอร์มให้ดีจึงเป็นวิธีเดียวที่คุณจะเปลี่ยนแปลงมันได้”
ขณะที่กุนซือของลิเวอร์พูลในเวลานั้นอย่าง ราฟาเอล เบนิเตซ ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า “ผู้คนแค่ไม่รู้ว่า ลูคัส นั้นเก่งขนาดไหน”
สองปีต่อมา ลูคัส ได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของสโมสร และนี่คือวิธีการเอาคืนแฟนบอลหงส์แดงที่โห่ใส่เขาในวันนั้น
พี่เลี้ยงแสนดี
ด้วยความที่อยู่มานาน ทำให้ ลูคัส ได้มีโอกาสต้อนรับเพื่อนร่วมทีมใหม่หลายราย และเขาก็เต็มใจที่จะช่วยเหลือแข้งเหล่านั้นในการปรับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เล่นที่ย้ายมาจากต่างแดน
“ใครก็ตามที่ย้ายเข้ามาร่วมทีม ลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ , สถานะหรือประสบการณ์เป็นยังไง หากคุณกำลังมองหาแบบอย่างหรือตัวอย่าง สำหรับผม คุณไม่ต้องมองไปไหนไกลกว่า ลูคัส เลว่า” จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ยกย่อง
“มันไม่สำคัญกับ ลูคัส ไม่ว่าคุณจะมาจากรันคอร์นหรือริโอ เขาจะให้เวลากับคุณเสมอ และใช้ประสบการณ์ที่มีช่วยเหลือคุณหรือทีมเมื่อจำเป็น”
The #LFC squad say their goodbyes to @LucasLeiva87 from Hong Kong.#ThanksLucas pic.twitter.com/9mQ20ip21t
— Liverpool FC (@LFC) July 18, 2017
พร้อมเล่นทุกตำแหน่งเพื่อทีม
แม้มันยากที่จะเชื่อ แต่จริงๆแล้ว ลูคัส มาถึง ลิเวอร์พูล ในฐานะกองกลางตัวรุก
ทิม วิคเครี่ กูรูแห่งวงการลูกหนังอเมริกาใต้ ได้ส่งข้อความถึงแฟนบอลหงส์แดงเมื่อตอนที่ดาวเตะแซมบ้าเซ็นสัญญากับเดอะ เร้ดส์ใหม่ๆว่า “เขาเป็นนักเตะที่น่าตื่นเต้น เป็นนักเตะในแบบที่ฟุตบอลบราซิเลี่ยนไม่ได้ผลิตออกมามากนักในช่วงหลัง”
“เขาเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางที่ค่อนไปทางตัวโฮลเดอร์ และนั่นทำให้ฟูลแบ็คได้เติมขึ้นไปเล่นเกมรุก ลูคัส เป็นนักเตะที่แตกต่าง”
“เขาตัวใหญ่ , เป็นชายผมบลอนด์ที่มีทั้งพลัง , ความแข็งแกร่งทางกายภาพ และมาพร้อมกับความสามารถในการเล่นเกมรุก เขาสามารถผ่านบอลได้ดี และรักที่จะลุยไปข้างหน้า เขาสามารถยิงประตูได้ทั้งจากระยะไกล และในตำแหน่งถัดจากกองหน้า”
นอกจาก เบนิเตซ จะเปลี่ยน ลูคัส ให้กลายเป็นผู้เล่นในแบบที่ วิคเครี่ บอกแล้ว เอล บอสยังจับอดีตแข้งทีมชาติบราซิลถอยลงไปยืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟด้วย และ แอนดี้ แคร์โรลล์ ก็เคยออกมาเล่าถึงการเผชิญหน้ากับกองหลังพาร์ทไทม์รายนี้
“โอ้พระเจ้า เขาเล่นเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟในตอนที่เจอกับเรา” แคร์โรลล์ บอกกับ Daily Mail “ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร ทุกครั้งที่ผมเข้าหาบอล เขาจะตอดผมนิดหน่อยตลอด ผู้ตัดสินไม่เคยให้ฟาวล์กับผม ที่แปลกคือผมไม่เคยอยากได้ฟาวล์ แต่เขาทำแบบนั้นกับผมทุกครั้ง”
รักมั่นหงส์แดง
ลูคัส ตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับการอำลาถิ่นแอนฟิลด์นับครั้งไม่ถ้วนในตลอดระยะเวลา 1 ทศวรรษที่ค้าแข้งกับสโมสร แต่เขากลับบอกปัดโอกาสต่างๆแบบไม่ต้องคิดนานเลย
คริสเตียน เพอร์สโลว์ อดีตผู้อำนวยการของลิเวอร์พูล ได้นำ รอย ฮ็อดจ์สัน เข้ามากุมบังเหียนในปี 2010 พร้อมบรรยายสรรพคุณของ ลูคัส ให้ผู้จัดการทีมคนใหม่ได้รับรู้ทันที แต่ในความเป็นจริงแล้ว กุนซือทั้ง 5 คนไล่ตั้งแต่ ราฟาเอล เบนิเตซ , รอย ฮ็อดจ์สัน , เคนนี่ ดัลกลิช , เบรนแดน ร็อดเจอร์ส และ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ซื้อนักเตะใหม่ในตำแหน่งของ ลูคัส เข้ามาทั้งสิ้น
โดยอดีตมิดฟิลด์เกรมิโอ้ เคยได้รับการทาบทามจากทั้ง อินเตอร์ มิลาน , นาโปลี , เบซิคตัส และ กาลาตาซาราย แต่เจ้าตัวก็เลือกที่จะอยู่เล่นให้กับหงส์แดงต่อ แม้จะมีโอกาสที่ดีรออยู่ที่อีกฟากของประตูก็ตาม
ท้ายที่สุด ลูคัส ก็จบเส้นทางการค้าแข้งกับ ลิเวอร์พูล ในฐานะนักฟุตบอลที่อยู่กับสโมสรยาวนานที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งมีผู้เล่นต่างชาติเพียงแค่ 4 คนเท่านั้นที่อยู่กับหงส์แดงนานกว่าเขา และ 2 จาก 4 คือนักเตะที่อยู่ในช่วงยุคก่อนสงครามโลกนู่นเลย
เลือดนักสู้
หลังจากชนะรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของสโมสรประจำฤดูกาล 2010-11 ลูคัส ก็ได้ต่อสัญญากับ ลิเวอร์พูล พร้อมได้รับการคาดหวังอย่างมากในซีซั่นใหม่ที่กำลังจะมาถึง
ทว่าโชคชะตาก็เหมือนเล่นตลก เมื่อในเดือนธันวาคมปี 2011 ในเกมลีกคัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่หงส์แดงบุกไปเอาชนะ เชลซี ได้ 2-0 ลูคัส ต้องปิดฉากฤดูกาลไปอย่างน่าเศร้า เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บที่เอ็นไขว้หน้าหัวเข่าจากการปะทะกับ ไรอัน เบอร์ทรานด์
หลังหายเจ็บกลับมา ลูคัส ก็ไม่เคยกลับไปอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองอีกเลย และนักเตะในตำแหน่งเดียวกับเขาก็ถูกดึงเข้ามาเพิ่มในช่วงซัมเมอร์ปี 2012 ทั้ง โจ อัลเลน และ นูริ ซาฮิน ขณะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็ยังอยู่ ทำให้จากที่เคยเป็นตัวเลือกแรก ลูคัส กลับต้องหลุดไปเป็นตัวเลือกลำดับที่ 5 โดยปริยาย
แต่แทนที่จะหมดอาลัยตายอยาก ลูคัส กลับก้มหน้าทำงานหนักต่อไป และพยายามทำตัวเองให้มีประโยชน์กับทีมให้ได้มากที่สุด
รู้จักตัวเอง
แม้จะเล่นเป็นกองกลางตัวรุกมาก่อนที่จะย้ายเข้ามาร่วมทีม ลิเวอร์พูล แต่ ลูคัส ก็รู้ถึงขีดจำกัดของตัวเองเป็นอย่างดี
“ที่นี่ในอังกฤษ เมื่อผู้คนคิดถึงนักฟุตบอลบราซิเลี่ยน พวกเขาจะคิดถึง โรบินโญ่ หรือ โรนัลดินโญ่ นักเตะที่มีลูกเล่นแพรวพราว” ลูคัส บอกกับ The Independent ในปี 2008 “แต่เราไม่สามารถลืมนักเตะดีๆในบราซิลที่เล่นในแบบที่ต่างออกไปได้ ผมเป็นกองกลาง ผมไม่สามารถโชว์ทริคหรือทำอะไรแบบนั้นได้”
ชัดเจนว่าการยิงประตูก็ไม่ใช่จุดแข็งของ ลูคัส เช่นกัน แต่ในบทบาทคนที่คอยสกรีนคู่แข่งก่อนถึงแนวรับ หรือในฐานะเซนเตอร์ฮาล์ฟ การยิงประตูก็ไม่ใช่หน้าที่หลักอยู่แล้ว ดาวเตะชาวบราซิเลี่ยนอยู่ที่นั่นเพื่อทำลายเกมบุกของฝั่งตรงข้าม พร้อมสร้างเกมขึ้นมาจากแนวลึก และเขาก็สามารถทำมันออกมาได้ดี
เดอะ ค็อปพันธุ์แท้
ลูคัส เข้าใจถึงความหมายของการเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล , เข้าใจถึงความสำคัญของสโมสรที่มีต่อเมือง และตระหนักได้ถึงสิทธิพิเศษของการได้สวมเสื้อหงส์แดง
เช่นเดียวกับนักเตะต่างชาติที่รับใช้สโมสรมาเป็นเวลานาน ลูกชายของเขาเกิดที่เมืองลิเวอร์พูล และเข้าเรียนที่โรงเรียนในเมืองแห่งนี้ อีกทั้ง ลูคัส ยังเป็นทูตให้กับมูลนิธิของสโมสรลิเวอร์พูลด้วย
กองกลางที่ปัจจุบันอายุ 33 ปีแล้ว พยายามอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้เพื่อตอบแทนทีมรักของตัวเอง และทั้งหมดก็ได้ทำให้เขาเข้าไปนั่งในหัวใจของแฟนบอลหงส์แดง โดยที่ไม่ต้องได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดของสโมสรด้วยซ้ำ