ตลอด 126 ปีแห่งความเป็นคู่อริกันของ อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และช่วงเวลาที่น่าจดจำมากมายนับไม่ถ้วน
พวกเขาดวลกันครั้งแรกในสมัยที่ยังใช้ชื่อทีมเก่าในปี 1894 ซึ่งจบลงด้วยผลเสมอ 3-3 แต่ช่วงเวลาที่พวกเขาเริ่มแข่งขันแย่งกันชิงดีชิงเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นช่วงยุค 90 และ 2000 ที่ทั้ง 2 ทีมต่างคงสถานะเป็นสโมสรเบอร์ต้น ๆ ในอังกฤษ และมีลุ้นคว้าแชมป์ในทุกรายการที่ลงเล่น ไม่แปลกที่การแข่งขันระหว่าง ปืนใหญ่ และ ปีศาจแดง จะดุเดือดสุด ๆ ณ ช่วงเวลานั้น
แม้สถานะในปัจจุบันของพวกเขาเปลี่ยนไปไม่ใช่ตัวเต็งลุ้นแชมป์เหมือนก่อน แต่ความสนุกสนานในเกมการแข่งขันก็ยังมีให้แฟนบอลได้เห็นอยู่พอสมควร และถือเป็นอีกเกมที่หลายคนให้ความสนใจเสมอยามดวลแข้งกัน
ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาทุกท่านไปพบกับ 10 แมตช์ระหว่างผีกับปืนที่ดีที่สุดตลอดกาลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
อาร์เซน่อล 4-5 แมนยูไนเต็ด | 1957-58
นี่เป็นเกมนัดสุดท้ายสำหรับทีมของ แมตส์ บัสบี้ ก่อนประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่มิวนิค ดาวรุ่งที่ออกสตาร์ทเป็นจริง 5 คนในสนามไฮบิวรี่เกมนั้นได้แก่ ดันแคน เอ็ดเวิร์ดส์, ทอมมี่ เทย์เลอร์, มาร์ค โจนส์, เอ็ดดี้ โคลแมน และ โรเจอร์ เบิร์น เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมนี้ทั้งหมด
ปีศาจแดงเป็นฝ่ายออกนำไปก่อนในครึ่งแรกถึง 3-0 จาก เทย์เลอร์, เอ็ดเวิร์ดส์ และ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน แต่ปืนใหญ่ก็ไม่ยอมแพ้ไล่ตามตีเสมอได้ 3-3 โดย จิมมี่ บลูมฟิลด์ กด 2 ประตูในเกมนั้น ทว่าท้ายที่สุด เดนนิส ไวโอเล็ต และ เทย์เลอร์ ก็กดอีกคนละประตูให้ ยูไนเต็ด คว้า 3 แต้มกลับไปได้
แมนยูไนเต็ด 0-1 อาร์เซน่อล | 1990-91
สกอร์ที่น้อยนิดในเกมนี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญ เพราะนี่คือเกมที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันที่ดุเดือดของ อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฟุตบอลอังกฤษยุคใหม่
หลังจาก ไนเจล วินเทอร์เบิร์น เข้าปะทะกับ เดนนิส เออร์วิน แบ็คจากปีศาจแดง นักเตะทั้ง 21 คนในสนามก็เข้ามาตะลุมบอลจนเกือบยกพวกตีกันไม่ต่างจากฮูลิแกนลูกหนังเลย
กันเนอร์สได้ประตูชัยจาก อันเดอร์ส ลิมปาร์ แต่จากเหตุการณ์ดังกล่าวทั้ง 2 ทีมก็ถูกปรับพร้อมตัดแต้มด้วย แต่ทีมจากลอนดอนก็สามารถคว้าแชมป์ลีกไปครองได้ในบั้นปลายฤดูกาลนั้น
แมนยูไนเต็ด 0-1 อาร์เซน่อล | 1997-98
3 เกมในลีก และตามหลัง แมนยูไนเต็ด จ่าฝูงเพียง 6 แต้มเท่านั้น ทำให้ อาร์เซน่อล สามารถควบคุมชะตาชีวิตของพวกเขาเองได้ในการคว้าแชมป์ และการคว้าชัยที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนและปัจจัยสำคัญที่ทำให้เป็นเช่นนั้นในเวลาต่อมา
ทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังยันเสมอได้จนกระทั่งนาทีที่ 79 เดนนิส เบิร์กแคมป์ วางบอลข้ามแนวรับยูไนเต็ดให้กับ มาร์ค โอเวอร์มาร์ส ก่อนที่ปีกชาวดัตช์จะแตะหลบ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล และยิงมุมแคบเข้าไปตุงตาข่าย และส่งผลให้ อาร์เซน เวนเกอร์ คว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้กับการคุมปืนใหญ่แบบเต็มฤดูกาลเป็นครั้งแรก
อาร์เซน่อล 1-2 แมนยูไนเต็ด | 1998-88
แม้จะไม่ใช่เกมลีก แต่ความดุเดือดเร้าใจของเกมระหว่าง อาร์เซน่อล และ ยูไนเต็ด ก็มีไม่ต่างกันในการแข่งขันเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศนัดรีเพลย์ เมื่อ เดวิด เบ็คแฮมยิงประตูให้ ปีศาจแง ออกนำไปก่อน แต่โมเมนตั้มตกกลับมาทางปืนใหญ่ เมื่อ เดนนิส เบิร์กแคมป์ยิงตีเสมอ ก่อนที่ รอย คีน จะโดนไล่ออกจากการทำฟาล์วใส่ โอเวอร์มาร์ส
ช่วงท้ายเกม ฟิล เนวิลล์ ดันเข้าบอลพรวดพราดใส่เรย์ พาร์เลอร์จนทำทีมเสียจุดโทษ และสาวกปีศาจแดงบางคนที่เซ็งจัดทนไม่ไหวเดินออกกันแล้ว แต่ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ลดันเซฟลูกยิงของ หอกชาวดัตช์เอาไว้ได้จนทำให้การแข่งขันลากยาวไปจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ
จากนั้นหนึ่งในโมเม้นต์ที่ถูกกล่าวขานถึงมากที่สุดของวงการฟุตบอลถือกำเนิดขึ้นเมื่อ ไรอัน กิ๊กส์ตัดบอลจากลูกส่งของปาทริค วิเอร่า ก่อนกระชากลากเลื้อยหนีลี ดิ๊กสัน, มาร์ติน คีโอว์น และ โทนี่ อดัมส์ ก่อนจัดการยิงแสกหน้าเดวิด ซีแมนเข้าไปตุงตาข่าย
แมนยูไนเต็ด 0-0 อาร์เซน่อล | 2003-04
นี่เป็นหนึ่งในเหตุการณ์โด่งดังและได้รับการจดจำมากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก เมื่ออาร์เซน่อลที่ทำท่าว่าจะพ่ายแพ่ในเกมนั้น กลับได้ 1 แต้มกลับไป หลัง รุด ฟาน นิสเตลรอย ซัดจุดโทษที่ได้ในช่วงทดเวลาชนคานดังสนั่น
ภาพหลังจากนั้นคือการเข้ามาเยาะเย้ยของ มาร์ติน คีโอว์น, เรย์ พาร์เลอร์ และแข้งคนอื่นๆของปืนใหญ่ ใส่กองหน้าดัตช์แมนที่พลาดในช่วงเวลาสุดสำคัญ
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้คงไม่เป็นที่รู้จักหาก ฟาน นิสเตลรอย ยิงประตูลูกนั้นเข้าไป และที่สำคัญแชมป์ลีกพ่ายของ อาร์เซน เวนเกอร์ ก็คงไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
แมนยูไนเต็ด 2-0 อาร์เซน่อล | 2004-05 (พิซซ่าเกต)
สถิติไม่แพ้ใครในลีก 49 เกมของ อาร์เซน่อล ยุติลงด้วยน้ำมือของ แมนยูไนเต็ด ที่เอาชนะไปได้ 2-0 ณ สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยได้ประตูจากจุดโทษของ ฟาน นิสเตลรอย ในนาทีที่ 72 และ เวย์น รูนี่ย์ ที่บวกเพิ่มลูกที่ 2 ในนาทีสุดท้าย
หลังเกมจบก็เกิดการปะทะกันในอุโมงค์สนาม เมื่อ อาร์เซน เวนเกอร์ นายใหญ่กันเนอร์ส กล่าวหาว่า กองหน้าชาวดัตช์เป็นพวกเขาขี้โกง และผู้เล่นทั้ง 2 ฝั่งก็เข้าตะลุมบอลกัน
เฟอร์กูสัน พยายามเข้ามาปกป้องนักเตะตัวเอง แต่จากนั้นมีการขว้างปาอาหารกันทั่วไปหมดและ เฟอร์กี้ก็โดนพิซซ่าในตำนานปาเข้าเต็มหน้า ซึ่งแม้จับมือใครดมไม่ได้ใตอนนั้น แต่ในที่สุดฟาเบรกัสมายอมรับเมื่อปี 2017 ว่าเขานั่นเองคือตัวการของพิซซ่าชิ้นนั้นเอง
อาร์เซน่อล 2-4 แมนยูไนเต็ด | 2004-05 (วิเอร่า ปะทะ คีน)
แม้ว่าการปะทะกันส่วนใหญ่ของทั้งสองทีมจะเกิดขึ้นหลังจบเกม แต่ครั้งนี้ความเดือดระเบิดขึ้นก่อนที่ผู้ตัดสินจะได้เป่านกหวีดด้วยซ้ำ
ปาทริค วิเอร่า เข้าไปข่ม แกรี่ เนวิลล์ ว่าเขาจะไม่เล่นหนักใส่นักเตะของอาร์เซนอลหลังจากที่อันโตนิโอ เรเยสตกเป็นเป้าหมายในการพบกันก่อนหน้านั้น โดยเขาตะโกนในอุโมงค์ว่า “เนวิลล์ เนวิลล์… วันนี้แกไม่ได้เตะพวกเราในสนามหรอกเว้ย!”
รอย คีน กัปตันทีมปีศาจแดง ได้ยินถึงกับฉุนสุด ๆ หวังเข้าไปปกป้องลูกทีมและโดน กัปตันปืนใหญ่ บีบน้ำจากขวดใส่ทำให้เกิดความวุ่นวายยกใหญ่จนเกรแฮม โพลล์ ผู้ตัดสินใจเกมนั้น ต้องเข้ามาสงบสติอารมณ์กัปตันทีมปีศาจแดง ก่อนเดินเข้าสู่สนามไม่กี่นาที
“เดี๋ยวเจอกูข้างนอก” ประโยคเด็ดจาก คีโน่ ที่พูดใส่ กองกลางชาวฝรั่งเศส ในช่วงชุลมุน และท้ายที่สุด ทีมที่ได้เฮเป็นยูไนเต็ดที่เอาชนะ 4-2
อาร์เซน่อล 0-0 แมนยูไนเต็ด | 2004-05
ทั้ง 2 ทีมโคจรมาดวลกันในนัดชิง เอฟเอ คัพ ในปี 2005 เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1979 และเป็นอีกครั้งที่ อาร์เซน่อล เป็นฝ่ายคว้าแชมป์บอลถ้วยไปครองได้ เพียงแต่ตต้องตัดสินกันถึงช่วงดวลจุดโทษ
ทีมของ อาร์เซน เวนเกอร์ โชว์ฟอร์มได้ดีกว่า ปีศาจแดง ชัดเจน แต่ก็ไม่สามารถจบสกอร์ได้ ทำให้พวกเขาต้องมาตัดสินหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ใช้การดวลจุดโทษชี้ขาดในเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศด้วย
อย่างที่กล่าวไปว่า อาร์เซน่อล กลายเป็นทีมที่คว้าชัยไปครองในนัดชิงครั้งนั้น แต่นี่เป็นนัดสุดท้ายที่ วิเอร่า ลงเล่นให้กับสโมสรจากลอนดอนเหนือ และกลายเป็นแชมป์เมเจอร์ครั้งสุดท้ายของ กันเนอร์ส ที่ต้องรอคอยกว่า 9 ปีถึงจะกลับมาสัมผัสความสำเร็จนี้อีกครั้ง
อาร์เซน่อล 2-1 แมนยูไนเต็ด | 2006-07
เธียร์รี่ อองรี อาจใช้เวลาใน เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม สนามใหม่ของอาร์เซน่อลเพียงแค่ฤดูกาลเดียวในปี 2006-07 แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็สร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำทิ้งท้ายให้เหล่า กูนเนอร์ส จดจำไปตลอดกาลในเกมดวลกับ แมนยูไนเต็ด
เวย์น รูนี่ย์ ยิงให้ทีมเยือนออกนำไปก่อน แต่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ก็ตีเสมอได้ในนาทีที่ 83 จากนั้นในนาทีสุดท้าย เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ ครอสบอลจากกราบขวาให้กับ ดาวยิงเลือดน้ำหอม กระโดดโหม่งเต็มหัวผ่าน เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าไป
แมนยูไนเต็ด 8-2 อาร์เซน่อล | 2011-12
ไม่มีการดวลกันครั้งไหนที่สร้างความอับอายให้กับ อาร์เซน่อล มากไปกว่าผลการแข่งขันที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในช่วงต้นฤดูกาล 2011-12 อีกแล้ว
ทีมของ อาร์เซน เวนเกอร์ ที่ไม่ใช่ผู้ท้าชิงลุ้นแชมป์ลีกอีกต่อไป โดน ปีศาจแดงของ เฟอร์กี้ ถล่มไปแบบหมดสภาพ และไม่มีใครคิดว่าภาพเหล่านี้จะเกิดขึ้นเลย แม้แต่แฟนบอลทีมเจ้าบ้านเองด้วยก็ตาม
เวย์น รูนี่ย์ กดแฮตทริกในเกมนั้น และได้อีก 5 ประตูที่เหลือจาก แอชลี่ย์ ยัง (2), นานี่, พาร์ค จี ซุง และ แดนนี่ เวลเบ็ค ขณะที่ทีมเยือนได้ประตูปลอบใจจาก ธีโอ วัลค็อตต์ และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
แม้จะ อาร์เซน่อลจะกลับมาคว้าชัยได้ในอีกหลาย ๆ เกมต่อมาที่พบกัน แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่พวกเขากล้าพูดได้เต็มปากว่าสามารถล้างแค้นกับความพ้ายแพ้ 8-2 ในปี 2011 ไปแล้ว