ชาลเก้ 04 หยุดสถิติไม่ชนะใครในบุนเดสลีก้าที่ 30 นัดติด หลังถล่ม ฮอฟเฟ่นไฮม์ 4-0 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่นั่นก็ไม่ใช่สถิติยอดแย่เท่าที่ลีกสูงสุดเมืองเบียร์เคยมีมา
ทีมดังกล่าวที่เราหมายถึงก็คือ แทสมาเนีย เบอร์ลิน ที่ครองสถิติสุดแย่ไม่ชนะใครมากสุดมานานกว่า 50 ปี และยังไม่มีใครทำลายหรือเทียบเท่าได้ จนทำให้สโมสรจากเมืองเบอร์ลิน ถูกขนานนามว่าเป็น ‘ทีมที่แย่ที่สุดในบุนเดสลีก้าตลอดกาล’
ฤดูกาลที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์กลายเป็นคำที่นิยามถึงสโมสรนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งปัจจุบัน พวกเขาโลดแล่นอยู่ในในลีกระดับ 5 ของเยอรมัน และวนเวียนอยู่ในลีกระดับล่างเป็นส่วนใหญ่
ทว่าเรื่องราวเหล่านี้มีอะไรที่น่าสนใจมากกว่านั้น เพราะนี่กลับเป็นสถิติที่แม้แต่แฟนบอล รวมถึงประธานสโมสรแทสมาเนีย ยังไม่อยากให้ใครทำลาย ทั้ง ๆ ที่มันเป็นสถิติที่ทีมส่วนใหญ่พยามหลีกเลี่ยงที่สุด
แต่เพราะอะไรกันทำให้พวกเขาคิดเช่นนั้น…
แย่สุดในประวัติศาสตร์เมืองเบียร์
ว่ากันตามตรงแล้ว ทีมเล็ก ๆ อย่าง แทสมาเนีย เบอร์ลิน ไม่เคยคาดคิดว่าพวกเขาจะได้ขึ้นมาเล่นในบุนเดสลีก้า ฤดูกาล 1965-66 เลยด้วยซ้ำ
ย้อนกลับไปในปี 1965 แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ถูกเพิกถอนใบอนุญาต และถูกปรับให้ตกชั้น เนื่องจากละเมิดกฏค่าเหนื่อยของผู้เล่น แต่สมาคมฟุตบอลเมืองเบียร์ต้องการให้มี สโมสรจากเบอร์ลิน อยู่ในลีกสูงสุด
เมื่อบวกกับเหตุผลทางการเมืองบางอย่าง ทำให้ทีมสมัครเล่นอย่าง แทสมาเนีย ได้ขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดของประเทศแบบไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง ๆ
ผลลัพธ์ที่ออกมาก็เป็นไปตามที่หลายคนคาดเดาในตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นไม่ชนะในลีกนานที่สุด, ชนะน้อยที่สุด (2 นัด), ทำแต้มได้น้อยที่สุด (8 คิดเป็น 10 หากเปลี่ยนมาใช้กฏชนะ 3 แต้ม) และ แพ้มากที่สุด (28) ในบุนเดสลีก้า ฤดูกาลเดียว
นอกจากนี้ ทีมจากเมืองหลวงเยอรมัน ยังเสียประตูมากที่สุด (108 ลูก), ยิงได้น้อยที่สุด (15 ลูก) และ มีผลต่างประตูได้เสียแย่ที่สุด (-93)
แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขากลับไม่มีความรู้สึกลำบากใจเกี่ยวกับสถิติสุดห่วยเหล่านี้เท่าไหร่นัก
สถิติที่แฟนภูมิใจ
ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นทีมยอดแย่ในประวัติศาสตร์ของลีกสูงสุด แต่แฟนบอลของ แทสมาเนีย กลับเปิดใจว่าพวกเขาต้องการเก็บสถิตินี้ไว้กับทีมรักต่อไป หลายคนปรากฏตัวในสนาม โอลิมเปียสตาดิโอน พร้อมด้วยป้ายที่มีข้อความว่า ‘รักษาสถิตินี้ให้ แทส ด้วย’ ในเกมที่ ชาลเก้ บุกไปพ่ายต่อ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ในเกมแรกของปี 2021
เจ้าของสโมสร อัลเมียร์ นูมิค เปิดเผยแบบไม่ปิดบังว่า เรื่องนี้เป็นโอกาสทางการเงินที่พวกเขาสามารถทำได้ และจากชื่อเสียงของสโมสรที่ทำให้ของที่ระลึกในสโมสรเป็นที่ต้องการของแฟนบอลทั่วโลก
“ผมไม่สนหรอกว่า ชาลเก้ จะไม่ชนะต่อไป หรือแม้แต่จะตกชั้นในท้ายที่สุด” นูมิค เจ้าของทีม ผู้เป็นแฟนตัวยงของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมอริของชาลเก้า กล่าวในเว็บไซต์ Fussball.De ในเดือนธันวาคม
“ในทางกลับกันเรื่องราวนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตัวตนของ ‘แทส’ มันก็จริงที่เราเล่นในบุนเกสลีก้า เพียงฤดูกาลเดียว ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 5 ทศวรรษครึ่งที่แล้ว แต่เรามักจะกลายเป็นที่สนใจไปทั่วประเทศด้วย”
“เราไม่ต้องทำอะไรเพื่อโฆษณาเลย ซึ่งนี่ทำให้เราได้รับความสนใจจากสปอนเซอร์ บางคนอาจคุ้นเคยกับทีมในลีกรองอย่าง เอฟซี วิคตอเรีย เบอร์ลิน และ เบอร์ลินเนอร์ เอเค แต่ (พวกเขา) ก็ไม่ต่างจาก แทสมาเนีย หรอก แม้ว่าเราจะอยู่ในลีกระดับ 5 เท่านั้น (วิคตอเรีย เบอร์ลิน และ เบอร์ลินเนอร์ อยู่ลีกระดับ 4)”
ชาลเก้ก็เทียบไม่ได้
ล่าสุด สถิตินี้คงเป็นของ แทสมาเนีย ไปอีกนานหลายปี เมื่อ คริสเตียน โกรส อดีตกุนซือท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เข้ามาทำหน้าที่คุมทีมราชันสีน้ำเงินคนที่ 4 ในฤดูกาลนี้ พาทีมคว้าชัยชนะครั้งแรกในลีก กับเกมที่ถล่ม ฮอฟเฟ่นไฮม์ 4-0 ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ เจ้าของแชมป์ลีก 7 สมัย จมอยู่ท้ายตาราง หลังผ่านไปแค่ 14 เกมในลีก มี 7 แต้มห่างจากโซนปลอดภัย และเก็บคลีนชีทไม่ได้นาน 26 นัด
จริง ๆ ชาลเก้ ดูไร้อนาคตมาตั้งแต่ยุคของ เดวิด วากเนอร์ อดีตกุนซือฮัดเดอร์สฟิลด์แล้ว ที่ไม่ชนะใคร 18 นัดติด ก่อนโดนปลด ขณะคุมทีมได้ 2 นัดแรกในฤดูกาล 2020-21 แม้ มานูเอล บาม จะพยายามเข้ามากู้สถานการณ์ก็ชะตาขาดหลังทำงานได้ 79 วัน และถูกแทนที่ด้วยตำนานสโมสรอย่าง ฮับ สตีเฟ่นส์ ในฐานะกุนซือชั่วคราว
ชาลเก้ หยุดสถิติไม่ชนะใครในบุนเดสลีก้าของสโมสรไว้ที่ 30 นัด และถือเป็นชัยชนะนัดแรกของพวกเขาในลีกฤดูกาลนี้ หลังก่อนหน้านี้ เป็น 1 ใน 2 ทีมร่วมกับ เชฟฟิดล์ ยูไนเต็ด ที่สะกดคำว่าชัยชนะไม่เจอจากบรรดาสโมสรใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปทั้งหมด ซึ่งต่อมาทีมดาบคู่ก็ชนะตามหลังชาลเก้ ในเกมที่เฉือน นิวคาสเซิล 1-0 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
หากเทียบกับบรรดา 5 ลีกใหญ่แล้ว แทสมาเนีย ก็ยังไม่แย่เท่ากับ ดาร์บี้ เค้าน์ตี้ สโมสรจากอังกฤษที่ไม่ชนะใครเลย 32 นัดติดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2007-08
แต่สถานะตำนานที่ แทสมาเนีย จารึกไว้ในฤดูกาล 1965-66 จะยังคงอยู่ในวงการฟุตบอลของเยอรมันต่อไป ถึงแม้ใครต่อใครก็ยกให้พวกเขาเป็นสโมสรที่ยอดแย่ที่สุดตลอดกาลใน บุนเดสลีก้า ก็ตาม