หลังจากที่บาร์เซโลน่า และ อาแจ็กซ์ ผ่านเข้ารอบไปได้ในการแข่งขันเมื่อวานที่ผ่านมา เหลืออีกแค่ 2 ทีมเท่านั้นที่จะผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกในศึกชิงแชมป์สโมสรแห่งยุโรป หรือ ที่ใครหลายๆคนรู้จักกันในชื่อ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
และผู้จัดการทีมก็มีส่วนไม่น้อยในการพาทีมผ่านเข้ารอบลึกๆในทัวร์นาเม้นต์ ซึ่งบางคนก็ได้รับการยกย่องมานานหลายปีแล้ว ขณะที่บางคนก็เป็นกุนซือหน้าใหม่ไฟแรงในรายการนี้ที่เพิ่งได้โอกาสโชว์ฝีมือในฟุตบอลยุโรป
แต่ใครกันล่ะคือกุนซือที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรายการนี้ ทาง UFA ARENA จัดอันดับกุนซือเหล่านั้นผ่านบทความด่านล่างนี้แล้วล่ะ
ปล. บทความนี้เขียนขึ้นก่อนเกมวันพุธที่ 17 เมษายน 2019
6.เอริค เทน ฮาก – อาแจ็กซ์
ทีมที่คุม : โก อเฮด อิเกิ้ลส์, บาเยิร์น มิวนิค II, อูเทร็คท์, อาแจ็กซ์
ความสำเร็จ : 0
เอริค เทน ฮากเข้ามารับงานช่วงกลางซีซั่น 2017-2018 และพาอาแจ็กซ์จบอันดับสองในเอเรดิวิซี่ แต่ทว่าในตอนนั้นทีมได้ตกรอบในดัชต์ คัพ ไปแล้ว เช่นเดียวกับบอลยุโรปอย่าง แชมเปี้ยนส์ลีก หรือ ยูโรป้า ลีก ทำให้เขาไม่ได้มีโอกาสโชว์ฝีเท้าในเวทีระดับทวีป ณ ตอนนั้น
แต่ในปีนี้ เทน ฮาก ได้สร้างให้ทีมอาแจ็กซ์กลายเป็นที่พูดถึงในฟุตบอลยุโรปอีกครั้ง หลังสามารถเอาชนะแชมป์เก่าอย่าง เรอัล มาดริด ได้ในเบอร์นาเบวถึง 4-1 รวมถึงปั้นดาวรุ่งมาประดับวงการลุกหนังมากมายไม่ว่าจะเป็น แฟรงกี้ เดอ ยอง, มัธไทจ์ เดอ ลิกต์, ดาวิด เนเรซ, ดอนนี่ ฟาน เดอ บีค หรือ ฮาคิม ซีเยค
น่าเสียดายที่ตัวของกุนซือวัย 49 ปียังไม่มีรางวัลหรือความสำเร็จมาการันตีถึงฝีมือได้ แต่การเข้าบุกไปชนะยูเวนตุสถึงอัลลิอันซ์ สเตเดี้ยม 2-1 และผ่านเข้าสู่รอบรองฯมาได้ น่าจะทำให้แฟนบอลทั่วโลกจับตาดูฝีมือของเอริค เทน ฮาก มากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
5.แซร์จิโอ้ คอนไซเซา – ปอร์โต้
ทีมที่คุม : โอลฮาเนนเซ่, อคาเดมิก้า, บราก้า, วิตอเรีย กิมาไรส์, น็องต์ส, ปอร์โต้
ความสำเร็จ : 2 โทรฟี่ (พรีเมียร่า ลีก้า, โปรตุกีส ซุปเปอร์ คัพ)
คอนไซเซาได้ทำหน้าที่กุนซืออยู่บ้านเกิดอยู่หลายปี ก่อนจะย้ายไปหาประสบการณ์ต่างแดนกับ น็องต์ส ในลีกเอิง ฝรั่งเศส ซึ่งพาทีมจบถึงอันดับ 7 ในฤดูกาล 2016-2017 และจากนั้นเขาก็กลับแดนฝอยทองเพื่อทำหน้าที่กุนซือกับปอร์โต้ แทนที่ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ ที่ย้ายไปคุมวูล์ฟแฮมป์ตันในอังกฤษ
และในปีแรกกับปอร์โต้ กุนซือวัย 44 ปี ก็ไม่ทำให้แฟนๆ เดอะ ดราก้อนส์ ผิดหวัง เมื่อพาทีมคว้าแชมป์ลีกฝอยทองครั้งแรกในรอบ 5 ปี รวมไปถึง โปรตุกีส ซุปเปอร์ คัพ ก่อนเปิดฤดูกาล 2018-2019 ด้วย แถมในบอลยุโรป คอนไซเซาก็พาทีมทะลุมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยการผ่านด่าน โรม่า ยอดทีมจากอิตาลีมาได้แบบหักปากกาเซียนพอสมควร
โชคไม่ดีที่ในรอบนี้ ลูกทีมของคอนไซเซาต้องมาพบกับยอดทีมจากเกาะอังกฤษอย่าง ลิเวอร์พูล อีกทั้งยังโดนยิงไปก่อนในนัดแรกที่แอนฟิลด์ถึง 2 ลูก โดยที่พวกเขาทำไม่ได้เลยแม้แต่ประตูเดียว อย่างไรก็ตาม ปอร์โต้ก็มีโอกาสเข้ารอบอยู่เหมือนกันกับเกมนัดที่สองในบ้านของตัวเอง และถ้าพวกเขาฝ่าด่านหงส์แดงในรอบนี้ไปได้จริงๆ ชื่อเสียงของ คอนไซเซา ต้องเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวอย่างแน่นอน
4.เอร์เนสโต้ บัลบาร์เด้ – บาร์เซโลน่า
ทีมที่คุม : แอธเลติก บิลเบา, เอสปันญ่อล, โอลิมเปียกอส, บียาร์เรอัล, โอลิมเปียกอส (รอบ 2), บาเลนเซีย, แอธเลติก บิลเบา(รอบ 2), บาร์เซโลน่า
ความสำเร็จ : 9 โทรฟี่ (ซุปเปอร์ ลีก กรีซ 3 สมัย , กรีก ฟุตบอล คัพ 2 สมัย, สแปนิช ซุปเปอร์คัพ 2 สมัย, ลาลีก้า, โคปา เดล เรย์)
สำหรับตัวของ เอร์เนสโต้ บัลบาร์เด้ อาจจะไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของแฟนบาร์ซ่าเท่าไหร่ รวมถึงมีปัญหาในการทำทีมอยู่บ้างในบางครั้ง แต่เขาก็ยังคว้าแชมป์มาประดับตู้โชว์ของสโมสรได้อยู่ โดยคว้าแชมป์ลีกและบอลถ้วยในฤดูกาลที่ผ่านมา
และในฤดูกาลนี้ พวกเขาก็เตรียมตัวฉลองด้วยการคว้าแชมป์ลีกมาครอง 2 ปีติดต่อกัน แม้ว่าเพิ่งเสมอกับบียาร์เรอัล 4-4 และ ฮูเอสก้าไป 0-0 ในเกมลาลีก้า 2 นัดล่าสุดก็ตาม นอกจากนี้ตัวของบัลบาร์เด้เอง ยังเป็นคนที่ดึงศักยภาพของลิโอเนล เมสซี่ ออกมาใช้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ รวมถึงทำให้บาร์เซโลน่ายังเป็นทีมที่มีเกมรุกยอดเยี่ยมเป็นอันดับต้นๆของยุโรปต่อไปได้จนถึงปัจจุบัน ทั้งๆที่เสียเนย์มาร์ให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมื่อปี 2017
หลังจากตบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแบบสบายเท้าในรอบ 8 ทีมสุดท้าย มีโอกาสไม่น้อยที่บาร์เซโลน่าจะกลับไปคว้าแชมป์รายการนี้อีกครั้งรอบ 4 ปี หากทำได้จริง ชื่อของบัลบาร์เด้จะต้องได้รับการยกย่องจากแฟนบอลทั่วโลกอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
3.เมาริซิโอ้ โปเช็ตติโน่ – สเปอร์ส
ทีมที่คุม : เอสปันญ่อล, เซาธ์แฮมป์ตัน, สเปอร์ส
ความสำเร็จ : 0
สิ่งที่โปเช็ตติโน่ทำให้กับสเปอร์ตลอดเกือบ 5 ปีที่ผ่านมาคือสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้อย่างแท้จริง เพราะก่อนหน้าที่กุนซือชาวอาร์เจนไตน์จะเข้ามา พวกเขาทำได้แค่เฝ้าฝันกับการจบอันดับ 4 เพื่อไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกเท่านั้น แต่ล่าสุดพอชพาไก่เดือยทองติดท็อปทรีมา 3 ปีติดต่อกันแล้ว และน่าจะทำได้เป็นปีที่ 4 ติดต่อกันในฤดูกาลนี้
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อในฤดูกาลนี้ของโปเช็ตติโน่กับสเปอร์สคือพวกเขายังไม่ได้ใช้เงินแม้แต่ปอนด์เดียวในการเสริมทัพหรือซื้อนักเตะใหม่เข้ามา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังพาทีมผ่านเข้ารอบลึกๆในฟุตบอลยุโรปมาได้แบบสวยสดงดงาม
และถึงแม้ว่าทีมของพอชจะตกรอบในบอลยุโรปด้วยน้ำมือของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ชัยชนะในนัดแรกที่รังเหย้าใหม่ของสเปอร์สก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เขามีกึ๋นเพียงใดในการเผชิญหน้ากับทีมของเป็ป กวาร์ดิโอล่า ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นทีมอันดับต้นๆในยุโรป เช่นเดียวการปั้นแข้งชาวผู้ดีให้มีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่สมัยทำหน้าที่อยู่กับทีมนักบุญแล้ว แต่ข้อเสียอย่างเดียวที่ทำให้เขาถูกปรามาสบ่อยๆก็คือ ความสำเร็จที่ไม่เป็นรูปธรรมเท่านั้นเอง ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่เราจะได้เห็นโทรฟี่ใบแรกของโปเช็ตติโน่ซักที
2.เจอร์เก้น คล็อปป์ – ลิเวอร์พูล
ทีมที่คุม : ไมนซ์ 05, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, ลิเวอร์พูล
ความสำเร็จ : 5 โทรฟี่ (บุนเดสลีก้า 2 สมัย, เยอรมัน คัพ, เยอรมัน ซุปเปอร์ คัพ 2 สมัย)
เช่นเดียวกับ โปเช็ตติโน่ของสเปอร์ส, คล็อปป์ได้เข้ามาปฏิวัติเปลี่ยนแปลงรูปแบบของทีมมากกว่าการประสบความสำเร็จแบบจับต้องได้ หลังจากที่พวกเขาไม่ได้คว้าแชมป์อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยในรอบหลายปีที่ผ่านมา
กุนซือชาวเยอรมันเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบของของหงส์แดงไปอย่างสิ้นเชิงไม่ว่าในเรื่องของกลยุทธ์หรือในแง่ของความมั่นอกมั่นใจที่เพิ่มมากขึ้น การเข้าถึงรอบชิงในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลที่แล้วเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ดีว่าคุณภาพของพวกเขายกระดับมามากกว่าทีปีก่อนๆแค่ไหน ซึ่งความพ่ายแพ้ในครั้งนั้นก็เป็นปัญหาในตัวนักเตะมากกว่าแผนการเล่นของคล็อปป์เอง แถมหลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่าเขาคนนี้เคยโค่นล้มมหาอำนาจในลูกหนังเมืองเบียร์อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ด้วยการคว้าแชมป์บุนเดสลีก้ามาครองได้ถึง 2 สมัย
มาในฤดูกาลนี้ ทีมของคล็อปป์ได้ยกระดับขึ้นอีกขั้นด้วยรักษาความยอดเยี่ยมของ 3 ประสานในแนวรุก เพิ่มเติมด้วยแนวรับระดับโลกย่าง เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ก และ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัว แต่ว่าคล็อปป์และลิเวอร์พูลจะสามารถคว้าโทรฟี่มาครองได้ในปีนี้หรือไม้ เวลาเท่านั้นคือคำตอบ
1.เป็ป กวาร์ดิโอล่า – แมนฯซิตี้
ทีมที่คุม : บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค, แมนซิตี้
ความสำเร็จ : 25 โทรฟี่ (ลาลีก้า 2 สมัย, โคปา เดล เรย์ 2 สมัย, สแปนิช ซุปเปอร์ คัพ 2 สมัย, แชมเปี้ยนส์ลีก 2 สมัย, ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ 3 สมัย, ฟีฟ่า คลับ เวิล์ดคัพ 3 สมัย, บุนเดสลีก้า 3 สมัย, เยอรมัน คัพ 2 สมัย, พรีเมียร์ลีก, อีเอฟแอล คัพ 2 สมัย, เอฟเอ คอมมิวนิตี้ ชิลด์)
ความสำเร็จที่ผ่านมาของชายที่ชื่อว่า เป็ป กวาร์ดิโอล่า เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าเขาคือกุนซือที่เก่งกาจที่สุดในรายการนี้ เขาคว้าแชมป์ทุกรายการที่เขาคุมทีมเข้าแข่งขัน คงมีเพียงแต่รายการแชมเปี้ยนส์ลีกที่เป็ปเฝ้าฝันจะครอบครองมันเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้
โอกาสนั้นอาจจะน้อยลงกว่าตอนแรก หลังออกไปพ่ายให้กับสเปอร์ในนัดแรกของรอบ 8 ทีมสุดท้ายเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย ประกอบกับทีมที่กวาร์ดิโอล่าสร้างขึ้นจนกลายเป็นหนึ่งในทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนังอังกฤษก็มีแววไม่น้อยที่เขาจะทำได้เหมือนตอนอยู่บาร์เซโลน่า
การเป็นเจ้ายุโรปนั่นใครก็รู้ดีว่าเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตามก็คงไม่มีใครแปลกใจมากนัก หากเรือใบสีฟ้าภายใต้การกุมบังเหียนขอบ เป็ป กวาร์ดิโอล่า จะคว้าแชมป์รายการนี้มาครองอีกครั้งไม่ว่าจะภายในฤดูกาลนี้หรือฤดูกาลหน้าก็ตาม