ล้างตานัดชิง, ม้ามืดนอกสายตา : 4 ประเด็นน่าจับตา UCL รอบ 8 ทีมสุดท้ายฤดูกาล 2020-21

 

ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2020-21 เดินทางมาถึงรอบ 8 สุดท้ายแล้ว พร้อมกับความดุเดือดเข้มข้นที่เพิ่มขึ้นมากกว่ารอบที่ผ่านมาเป็นเท่าตัว

 

นอกเหนือจากการที่ยอดทีมจากประเทศต่าง ๆ พบกัน แล้ว เหตุที่ทำให้เกมรอบนี้ถูกคาดหวังจากแฟนบอลมากมาย คือการรีแมตช์คู่ชิงชนะเลิศถึง 2 คู่จาก 3 ฤดูกาลหลังสุด รวมถึงสโมสรตัวแทนจากอังกฤษที่ผ่านมาเข้าถึงรอบนี้ถึง 3 ทีม มากเหนือชาติไหน ๆ ในฤดูกาลปัจจุบัน

 

โดยเกมเลกแรกจะแข่งขันกันในวันอังคารที่ 6 และ วันพุธที่ 7 เมษายน จากนั้นจะดวลกันเลกสองในสัปดาห์ต่อไป

 

ดังนั้น UFA ARENA จึงวิเคราะห์ 4 ประเด็นใหญ่ที่น่าสนใจมากที่สุดจากทั้งหมด 4 คู่ในแชมเปี้ยนส์ลีก 8 ทีมสุดท้ายของฤดูกาลนี้

 

 

ถอนแค้น ณ กรุงเคียฟ? | เรอัล มาดริด พบ ลิเวอร์พูล

 

Real Madrid - La Liga: How have Real Madrid and Liverpool changed since the  2018 Champions League final? | Marca

 

เมื่อ ลิเวอร์พูล ถูกจับฉลากมาพบกับ เรอัล มาดริด สิ่งหนึ่งระหว่างทั้งคู่ก็โผล่ขึ้นในหัวของแฟนบอลทั่วโลกทันที 

 

ขณะที่  ‘หงส์แดง’ เดินหน้าคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก และ พรีเมียร์ลีกในปี 2019 และ 2020 ตามลำดับ พวกเขาเคยพบกับความผิดหวังมาแล้วในนัดชิงเมื่อปี 2018 ซึ่งพ่ายให้กับ ‘ราชันชุดขาว’ ผู้คว้าแชมป์ยุโรป 3 สมัยติด ณ เวลานั้น

 

ฤดูกาลนั้นถือเป็นปีแรกที่ยอดเยี่ยมสำหรับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทว่าเขาได้โชว์ฝีเท้าเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้นในโอลิมปิก สเตเดี้ยม เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ หลังปะทะกับ เซรคิโอ้ รามอส กองกัปตันทีมคู่แข่ง

 

ท้ายที่สุด ตัวแทนจากสเปน เอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 3-1 โดย 2 ประตูที่พวกเขาได้มาจากความผิดพลาดของ ลอริส คาริอุส นายด่านจอมเฟอะฟะของ ‘หงส์แดง’

 

ทั้ง ลิเวอร์พูล และ มาดริด ไม่ได้เปลี่ยนแปลงทีมไปมากนักในช่วงปีต่อ ๆ มาหลังจากวันนั้น โดยมีนักเตะที่เล่นในนัดชิง 9 คนยังค้าแข้งกับสโมสรอยู่ แต่ 3 ตัวละครหลักในค่ำคืนที่กรุง เคียฟ จะไม่ได้ลงเล่นในเกมวันอังคารนี้

 

คนแรกคือ รามอส คู่แค้นของ ซาลาห์ เนื่องจากอาการบาดเจ็บ, แกเร็ธ เบล เจ้าของลูกยิงจักรยานอากาศที่ย้ายไปเล่นกับ สเปอร์ส แบบยืมตัว และ คาริอุส ที่จะไม่เฝ้าเสาเพื่อโยนบอลให้กับ เบนเซม่า ยิงประตูแน่นอน หลังถูกปล่อยให้ ยูนิโอน เบอร์ลิน ยืมตัวไปใช้งาน

 

 

จับตาฮาแลนด์ | แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

 

Manchester City 'plan £100m summer move for Erling Haaland' as club look to  replace Sergio Aguero | Daily Mail Online

 

ช่างเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากในการสุ่มดูฟอร์มนักเตะในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก จนทำให้บางประเทศต้องจำกัดการเดินทางจากต่างแดน ดังนั้นนี่ถือเป็นโชคดีสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ สามารถมาเยือนพวกเขาถึง เอติฮัด สเตเดี้ยม ได้ในวันอังคารนี้

 

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ ‘เรือใบสีฟ้า’ ตกเป็นข่าวว่าต้องการคว้ากองหน้าฟอร์มแรงของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เพื่อแทนที่ เซร์คิโอ้ อเกวโร่ ดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของสโมสรที่จะลาทีมไปหลังหมดสัญญาในซัมเมอร์นี้

 

นอกจากนี้ ฮาแลนด์ ยังมีประวัติเกี่ยวโยงกับ ซิตี้ ไม่น้อย เนื่องจากเขาเป็นลูกชายของ อัลฟ์ อิงเก้ ฮาแลนด์ อดีตกองกลางของสโมสร ซึ่งย้อนไปช่วง 2 ปีก่อน หลายคนจดจำ หอก ‘เสือเหลือง’ ในฐานะนี้เท่านั้น ก่อนจะเขย่าวงการลูกหนังแบบไม่มีใครคาดคิดในเวลาต่อมา

 

ดาวเตะทีมชาตินอร์เวย์ รั้งตำแหน่งดาวซัลโวของ แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลนี้อยู่ ด้วยจำนวน 10 ประตู จากการลงสนาม 6 เกม ขณะที่คนอื่น ๆ ยังไม่มีใครยิงได้เกิน 6 ลูกแม้แต่คนเดียว นอกจากนี้ยังทำสถิติยิง 20 ประตูเร็วสุดในประวัติศาสตร์ของรายการ โดยลงเล่นเพียงแค่ 14 นัดเท่านั้น ซึ่งในอดีตไม่เคยมีใครยิงได้เท่านี้ จากการลงเล่นน้อยกว่า 24 นัดมาก่อน

 

มีเพียง 5 คนเท่านั้นที่ยิงประตูในลีกมากกว่า ฮาแลนด์ จาก 5 ลีกใหญ่ยุโรป (โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, ลิโอเนล เมสซี่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ อังเดร ซิลวา) โดยตอนนี้ยิงไป  21 ตุงในบุนเดสลีก้า

 

เพราะฉะนั้นคงเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นไม่น้อย หาก ฮาแลนด์ สามารถยิง 1 ในทีมจาก พรีเมียร์ลีก ที่มีข่าวสนใจคว้าตัวเขาไปร่วมทีมในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายนี้ 

 

 

เมื่อเสือใต้ไร้เลวี่ | ปารีส แซงต์ แชร์กแมง พบ บาเยิร์น มิวนิค

 

Bundesliga | 5 reasons Bayern Munich will beat Paris Saint-Germain in the  UEFA Champions League

 

ด้วยผลงานที่แสดงให้เห็นตลอดหลายปีที่ผ่านมา บาเยิร์น มิวนิค เป็นหนึ่งในสโมสรที่มีมาตรฐานสูงเป็นอันดับต้น ๆ ในยุโรป โดยเฉพาะในฤดูกาลก่อนที่เดินหน้ากวาดทริปเบิ้ลแชมป์มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ก่อนเก็บเพิ่มอีก 3 ถ้วยไปแล้วในฤดูกาลนี้ (แชมป์สโมสรโลก, ยูฟ่า และ เยอรมัน ซุปเปอร์ คัพ)

 

แม้หมดโอกาสคว้า 3 แชมป์ 2 ฤดูกาลติด แต่ เสือใต้ ก็หวังกับถ้วยยุโรปอยู่เช่นทุกปี และในวันพุธนี้ พวกเขาจะพบกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง คู่แข่งจากนัดชิงดำในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งโดนพวกเขาเฉือนชนะไป  1-0 เมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน

 

แน่นอนว่า ดาวเด่นของ บาเยิร์น คงหนีไม่พ้น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงวัย 32 ปีที่กำลังพีกสุด ๆ ในอาชีพค้าแข้ง โดยในช่วงฤดูกาลที่แล้วจนถึงฤดูกาลนี้ หอกชาวโปลกดไป 101 ประตู จากการลงเล่นเพียง 83 นัดเท่านั้น

 

แต่เรื่องที่พวกเขาไม่อยากให้เป็นก็เกิดขึ้น เมื่อ เลวี่ มีอาการบาดเจ็บหัวเข่าในช่วงพักเบรกทีมชาติ ต้องพักยาว 1 เดือน ซึ่งหมายความว่า เขาจะหมดสิทธิ์ดวลกับ เปแอสเช ในช่วง 2 สัปดาห์นี้แน่นอน

 

ดังนั้นนี่ถือเป็นโอกาสที่ ฮานซี่ ฟลิก และพลพรรคเสือใต้ จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขายังเป็นยอดทีมที่ยิงเฉลี่ย 1.2 ลูกต่อเกมยามที่ไร้ เลวานดอฟสกี้ โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับคู่แข่งที่มีแข้งสายพริ้วบวกความเร็วสูงอย่าง คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ กับ เนย์มาร์

 

อย่างไรก็ตาม หลักฐานก่อนหน้านี้ก็ชี้ชัดว่า ยอดทีมแคว้นบาวาเรีย ไม่มีปัญหายามไร้หอกเบอร์หนึ่ง หลัง 18 เกมก่อนที่ไม่มี เลวานดอฟสกี้ พวกเขาก็ชนะถึง 15 นัดโดยไม่แพ้ใคร และครั้งสุดท้ายที่พวกเขาปราชัยโดยไม่มี เลวี่ คือเกมแชมเปี้ยนส์ลีก ที่พบ เรอัล มาดริด ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเลกแรก เมื่อ 4 ปีก่อน

 

 

ม้ามืดประจำฤดูกาล | ปอร์โต้ พบ เชลซี

 

Porto-Juventus | Porto 2-1 Juventus: Pirlo's men caught cold | UEFA  Champions League | UEFA.com

 

โชเซ่ มูรินโญ่ ดาร์บี้, เดโก้ ดาร์บี้, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ดาร์บี้, เปาโล แฟร์เรร่า ดาร์บี้ น่าจะเป็นชื่อเล่นขำ ๆ ของการพบกันระหว่าง ปอร์โต้ กับ เชลซี ในรอบนี้

 

ทั้ง 2 ทีมมีประวัติเกี่ยวข้องกันไม่น้อย เนื่องจากมี 10 คนที่เคยเล่นให้กับ ปอร์โต้ และ เชลซี ในทีมชุดใหญ่ แม้ปัจจุบันพวกเขาไม่มีแข้งคนไหนที่เล่นให้ทั้ง 2 สโมสรเหมือนเมื่อก่อนแล้ว 

 

แต่ มาล็อง ซาร์ ที่ยอดทีมจากโปรตุเกส ยืมมาจาก สิงห์บลู ก็มีโอกาสดวลต้นสังกัดแม่เช่นกัน และไม่นับรวมอยู่ใน 10 คนข้างต้น เหตุยังไม่เคยลงเล่นในชุดใหญ่ของทีมจากอังกฤษซักนัด

 

ปอร์โต้ ถือเป็นทีมเดียวในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้ที่ยิงประตูใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ อีกทั้งฝ่าด่านหินสุดโหดอย่าง ยูเวนตุส ที่มีดาวเด่นอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาได้ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยกฏประตูทีมเยือน หลังเสมอกัน 4-4

 

นอกจากนี้ การที่ทีมแดนฝอยทอง ทะลุมาไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ไม่น้อย เมื่อเทียบฟอร์มในลีก เนื่องจากตามหลัง สปอร์ติ้ง ลิสบอน จ่าฝูงปรีไมร่า ลีก้า ถึง 7 แต้ม แถมร่วงบอลถ้วยในประเทศไปแล้วเรียบร้อย

 

และ ปอร์โต้ อาจดูมั่นใจเป็นพิเศษ เมื่อต้องพบกับ เชลซีของ โธมัส ทูเคิ่ล ที่เพิ่งหยุดสถิติไม่แพ้ใคร 14 นัดในทุกรายการ หลังปราชัยต่อ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ด้วยสกอร์สุดช็อก 5-2 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

 ที่แย่ไปกว่านั้น สิงห์บลูภายใต้การดูแลของ กุนซือชาวเยอรมัน เริ่มมีปัญหาภายในเสียแล้ว หลังสื่อหลายเจ้ารายงานว่า อันโตนิโอ รูดิเกอร์ มีปากเสียงรุนแรงกับ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า นายทวารของทีม ช่วงฝึกซ้อมวันต่อมาหลังเกมนั้น จน ทูเคิ่ล ต้องสั่งให้ กองหลังร่วมชาติกลับบ้านไปก่อน เพื่อลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้น