11 ปีที่รอคอย : เส้นทางสู่แชมป์สคูเด็ตโต้สมัยที่ 19 ของงูใหญ่

 

ในที่สุดช่วงที่เวลาที่ อินเตอร์ มิลาน รอคอยสิ้นสุดลง เมื่อพวกเขาการันตีคว้าแชมป์เซเรียอา ฤดูกาล 2020-21 อย่างเป็นทางการ

 

‘งูใหญ่’ นำเป็นจ่าฝูงเก็บไป 82 แต้ม จากการลงแข่ง 34 นัด และผลการแข่งขันของ อตาลันต้า ทีมอันดับ 2 จบลงด้วยการเสมอกับ ซาสซูโอโล่ ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หมายความว่า ‘เนรัซซูรี่’ ผงาดคว้าสคูเด็ตโต้มาครอบครองเรียบร้อย

 

นี่ถือเป็นแชมป์ลีกครั้งแรกของพวกเขา นับตั้งแต่เคยทำไว้ในฤดูกาล 2009-10 หรือเป็นเวลานานกว่า 11 ปีด้วยกัน ก่อนที่ อันโตนิโอ คอนเต้ และลูกทีมจะลบล้างความผิดหวังได้สำเร็จกับบอลลีกในฤดูกาลล่าสุด

 

หากย้อนมองกลับไปถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน และทรมานเหลือเกินสำหรับแฟนของ อินเตอร์ เนื่องจากเป็นทศวรรษที่ทีมไม่ประสบความสำเร็จในแง่ของถ้วยรางวัลเลย ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอย้อนไปพบกับจุดเริ่มต้นของความผิดหวังก่อนผงาดคว้าแชมป์ลีกที่รอคอยใน 11 ปีต่อมา

 

 

ช่องว่างขนาดใหญ่

 

Rafael Benitez at Inter Milan: The Changes | Bleacher Report | Latest News, Videos and Highlights

 

โชเซ่ มูรินโญ่ พา อินเตอร์ คว้าทริปเบิ้ลแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ในฤดูกาล 2009-10 ก่อนลาทีมไปคุม เรอัล มาดริด ในซัมเมอร์ปี 2010 และ ราฟาเอล เบนิเตซ มารับช่วงเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่

 

ฝีมือและชื่อชั้นของ ‘เอล ราฟา’ ถือว่าไม่ธรรมดา หลังเคยแสดงผลงานคว้าแชมป์ลีกกับ บาเลนเซีย 2 สมัย รวมถึงกับ ลิเวอร์พูล ในถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก กับ เอฟเอ คัพ มาแล้ว 

 

นอกจากนี้ แข้งตัวหลักของพวกเขาจากฤดูกาลที่แล้วอยู่ครบ ทั้ง เวสลี่ย์ สไนเดอร์, ซามูเอล เอโต้, ดิเอโก้ มิลิโต้, เอสเตบัน กัมบิอาสโซ่ ไม่แปลกที่ ‘งูใหญ่’ จะถูกยกให้เป็นเต็งแชมป์ในฤดูกาล 2010-11

 

แต่ช่องว่างที่ เดอะ สเปเชียล วัน ทิ้งไว้กลับใหญ่กว่าที่หลายคนคิด เมื่อ กุนซือชาวสแปนิช พาทีมหมดโอกาสป้องกันแชมป์ตั้งแต่ช่วงไม่ถึงครึ่งฤดูกาล เมื่อหล่นมาอันดับ 7 ไม่แปลกที่บอร์ดบริหารจะปลด เบนิเตซ พ้นตำแหน่งในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน

 

ต่อมา อินเตอร์ ได้แต่งตั้ง เลโอนาร์โด้ อดีตกองกลางของสโมสร มาเป็นผู้จัดการทีม ซึ่งทำผลงานได้น่าพอใจขึ้นกว่าเดิม แต่ก็จบเพียงอันดับ 2 เสียแชมป์ลีกให้กับ เอซี มิลาน คู่อริร่วมเมือง แต่อย่างน้อยก็ได้แชมป์โคปปา อิตาเลีย มาเชยชม ก่อนที่ กุนซือชาวบราซิลเลี่ยน จะลาออกไปในซัมเมอร์ปี 2011

 

 

เข้าสู่ยุคตกต่ำ

 

Unhappy Inter face buoyant Milan - Eurosport

 

แชมป์บอลถ้วยกลายเป็นความสำเร็จครั้งสุดท้ายที่ อินเตอร์ มิลาน ทำได้ ก่อนที่พวกเขาจะจบฤดูกาลแบบมือเปล่ามานานกว่า 10 ปี ถ้าหากนับแค่แชมป์ลีกก็ยาวนานอีกนิดเป็น 11 ปี

 

นับตั้งแต่ฤดูกาล 2011-12 เป็นต้นมา ‘งูใหญ่’ เจ้าของแชมป์สคูเด็ตโต้ 18 สมัยในตอนนั้น เข้าสู่ยุคมืดของสโมสร พร้อมเปลี่ยนมือผู้จัดการทีมเป็นว่าเล่น อีกทั้ง พวกเขาก็ไม่สามารถปลุกปั้นนักเตะขึ้นมาแทนที่สตาร์หน้าเก่าที่ย้ายทีมได้

 

จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่, เคล้าดิโอ้ รานิเอรี่ ทำผลงานได้ย่ำแย่สุดในฤดูกาล 2011-12 ก่อนจะถูกปลด และแต่งตั้ง อันเดรีย สตรามัชโชนี กุนซือหนุ่มไร้ประสบการณ์วัย 36 ปีเข้ามาคุมทีม ซึ่งทำผลงานสอบผ่านกับอันดับ 6 ในลีก พอให้ บอร์ดสโมสร วางใจคุมทีมต่อไปในฤดูกาลถัดมา 

 

แต่เมื่อได้มาลองงานเต็มฤดูกาลจริง ๆ กุนซือชาวอิตาเลี่ยน กลับพบว่ายากกว่าที่คิด เมื่อทำผลงานได้เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร ด้วยการจบอันดับ 9 ชวดไปเล่นบอลยุโรปทุกรายการ

 

ณ ช่วงเวลานี้คือยุคเปลี่ยนเจ้าของสโมสรรายใหม่จาก มัสซิโม่ โมรัตติ กลายเป็น เอริค ตอฮีร์ นักลงทุนจากอินโดนีเซีย แทน ช่วงฤดูกาล 2013-14 ซึ่งได้ วอลเตอร์ มาซซารี่ มากุมบังเหียน แต่ก็พาทีมไปไกลสุดแค่อันดับ 5 เท่านั้น ก่อนโดนปลดในฤดูกาลต่อมา

 

แม้จะเอา โรแบร์โต้ มันชินี่ ผู้เคยพา ‘งูใหญ่’ คว้าแชมป์ลีกมาแล้ว 3 สมัย มาทำหน้าที่ต่อช่วงกลางฤดูกาล 2014-15 ก็ยังไม่สามารถชุบชีวิตทีมให้กลับมาผงาดอีกครั้งได้อย่างที่ควรจะเป็น ด้วยการจบอันดับ 8 และ อันดับ 4 ในฤดูกาล 2015-16

 

 

จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่

 

Inter Milan appoint youngest-ever president Steven Zhang aged just 26

 

การเปลี่ยนอแปลงระลอกใหม่เกิดขึ้นในถิ่น จูเซปเป้ เมียซซ่า อีกครั้ง เมื่อ เอริค ตอฮีร์ ปล่อยหุ้นจำนวนหนึ่งออกจากมือ ซึ่งเมื่อรวมกับหุ้นของมัสซิโม่ โมรัตติ เดิม ส่งผลให้ กลุ่มทุน ซูหนิง จากประเทศจีน กลายเป็นเจ้าของสโมสรรายใหม่ของทีมในเดือนมิถุนายนปี 2016 โดยมหาเศรษฐีแดนชวา ยังทำหน้าที่เป็นประธานสโมสรต่อไป

 

ทว่าทรงของทีมก็ยังเข้าอีหรอบเดิม เมื่อเก้าอีกุนซือ กลายเป็นเก้าอี้ดนตรี เปลี่ยนไปมาถึง 3 หน ในฤดูกาล 2016-17 ทั้ง แฟรงค์ เดอ บัวร์, สเตฟาโน่ ปิโอลี่ ก่อนมาจบที่ สเตฟาโน่ เวคคี่ กับอันดับ 8 ในลีก

 

แน่นอนว่า 3 กุนซือข้างต้นไม่มีใครสอบผ่านในสายตาของ บอร์ด เนรัซซูรี่ เลย จึงหันไปคว้าตัว ลูเซียโน่ สปัลเลตติ กุนซือมากประสบการณ์ในวงการบอลเลี่ยนอีกคนมาทำหน้าที่คุมทีมในฤดูกาล 2017-18 และแสงแห่งความหวังก็มาถึง เมื่อเขาพาทีมจบอันดับ 4 ในลีก คว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นนครั้งแรกในรอบ 6 ปี 

 

นอกจากนี้ในช่วงฤดูกาลถัดมา เกิดการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งสำคัญอีกครั้ง เมื่อ สตีเว่น จาง วัย 26 ปี ลูกชายของ จาง จินตง ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของกลุ่มบริษัทซู่หนิง โฮลดิ้งส์ กรุ๊ป ที่เข้ามาบริหารทีมเมื่อปี 2016 ก้าวขึ้นเป็นประธานสโมสรคนใหม่ แทนที่ ตอฮีร์ ที่ดำรงตำแหน่งมา 5 ปี พร้อมลั่นวาจาในแถลงการณ์ต่อว่า ตนเองจะพาสโมสรก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ให้ได้

 

อย่างไรก็ตาม ผลงานของ สปัลเลตติ ในฤดูกาล 2018-19 ไม่ได้แย่ลงแต่อย่างใด เพียงแต่มันย่ำอยู่ที่เดิม เมื่อคว้าอันดับ 4 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน แต่นี่ถือเป็นความล้มเหลวในสายตาของบอร์ดสโมสร เนื่องจากพวกเขาควักกระเป๋าเสริมทัพไม่น้อย ทั้งรายของ รัดย่า เนียงโกลัน หรือกองหน้าดาวรุ่งอย่าง เลาตาโร่ มาร์ติเนซ จาก ราซิ่ง

 

 

คนที่งูใหญ่ตามหา

 

Antonio Conte hits back at Inter Milan critics after win over Sassuolo in Serie A - Eurosport

 

เมื่อทำไม่ได้ตามเป้าก็ต้องแยกย้าย และ อินเตอร์ ก็ไม่รอช้าดึง อันโตนิโอ คอนเต้ เข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ทันทีในซัมเมอร์ปี 2019 ผู้มีดีกรีไม่ธรรมดากับการสร้าง ยูเวนตุส ให้กลับมาเป็นยอดทีมเบอร์หนึ่งในประเทศเมื่อ 7 ปีก่อน

 

มากไปกว่านั้น บอร์ดยังทุ่มเงินหนักใน คอนเต้ เสริมทัพ แบบจัดเต็ม และดีลที่เบิ้ม ๆ ที่สุดคงหนีไม่พ้น โรเมลู ลูกากู จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 65 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นอีกนักเตะที่เขาเคยหมายตาไว้ตอนคุม เชลซี อยู่

 

มากไปกว่านั้น โอกาสคว้าแชมป์เซเรียอา ฤดูกาล 2019-20 ถือว่าเปิดกว้างมากกว่าที่เคย เมื่อ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ลาออกจากตำแหน่งกุนซือ ยูเวนตุส ที่คว้าแชมป์มาครอง 5 สมัยติดต่อกัน และกำลังเข้าสู่ยุคใหม่กับ เมาริซิโอ ซาร์รี่ กุนซือสิงห์อมควัน ที่ทีมดึงตัวมาจาก เชลซี

 

นั่นทำให้หลายคนยกให้ เนรัซซูรี่ ของ คอนเต้ คือเต็งแชมป์ในฤดูกาลดังกล่าว และก็เหมือนจะเป็นแบบนั้น เมื่อพวกเขาขึ้นไปรั้งจ่าฝูงลีกอยู่พักหนึ่งเลย 

 

แต่ทว่าความไม่สม่ำเสมอของทีมที่สะดุดเสมอในเกมที่ไม่น่าเสมอ หรือแย่สุด ๆ ถึงขั้นแพ้ทำให้ ‘งูใหญ่’ เสียตำแหน่งจ่าฝูงให้กับ ‘ม้าลาย’ ของ ซาร์รี่ และสุดท้ายก็กลายเป็นทีมเก่าของ คอนเต้ ที่คว้าแชมป์ลีกไปครอง ด้วยผลต่างเพียงแต้มเดียวเท่านั้น

 

 

ส่วนผสมที่ลงตัว

 

Inter Milan crowned Serie A champions for first time in 11 years after Sassuolo draw with Atalanta - Eurosport

 

กระแสข่าวปลดกุนซือชาวอิตาเลี่ยน พ้นตำแหน่งใน จูเซ็ปเป้ เมียซซ่า หนาหูขึ้นเรื่อย ๆ แต่ท้ายที่สุด ตัวของเขาก็ยังทำหน้าที่นี้ต่อไปในฤดูกาล 2020-21 อีกทั้งยังซื้อแข้งหน้าใหม่มาเสริมทัพไม่แพ้ปีก่อน แม้อยู่ในช่วงโควิด-19 ส่งผลด้านการเงิน โดยมีตัวเด่น ๆ อย่าง อัชราฟ ฮาคิมี่ จาก เรอัล มาดริด, สเตฟาโน่ เซนซี่ หรือ นิโคโล่ บาเรลล่า

 

หลังใช้เวลาลองผิดลองถูกมา 1 ปีเต็ม ๆ ดูเหมือน คอนเต้ จะพบแผนการเล่นที่ลงตัวสมบูรณ์แบบที่สุด แม้มันต้องแลกมากับการตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีกแบบรั้งบ๊วยในรอบแบ่งกลุ่มก็ตาม

 

 บิ๊กรอมยังคงรักษามาตรฐานของตัวเองได้ แถมดีกว่าฤดูกาลที่แล้วด้วยซ้ำ พร้อมประสานงานกับ เลาตาโร่ ได้อย่างเข้าขารู้ใจในแดนหน้า โดยยิงประตูรวมกันไปแล้ว 36 ลูกในลีก

 

ขณะที่แดนกลางมี บาเรลล่า กับ มาร์เซโล่ โบรโซวิช เป็นตัวหลักที่ได้ลงเล่นเป็นประจำ แต่แข้งคนอื่น ๆ ก็มีส่วนร่วมกับทีมด้วยเช่นกัน ทั้ง โรแบร์โต้ กายาร์ดินี่, อาร์ตูโร่ วิดัล, เซ็นซี่ โดยเฉพาะ คริสเตียน อีริคเซ่น ที่หลายคนมองว่าหมดอนาคต ก็ยังกลับมาลงเล่นในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล พร้อมทำผลงานได้โดดเด่นจนยึดตำแหน่งตัวจริงได้เรื่อยมา

 

ส่วนแผงหลัง คอนเต้ พบว่า สเตฟาน เดอ ฟรายจ์, มิลาน สคริเนียร์ กับ อลเสซานโดร บาสโตนี่ เป็นส่วนผสมที่ลงตัวที่ช่วยให้เกมรับแข็งแกร่ง และสามารถทดแทนจุดด้อยของกันและกันได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งดูไปดูมาก็คล้ายกับตอนที่เขาสร้าง จอร์โจ้ คิเอลลินี่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ กับ อันเรีย บาร์ซาญี่ เป็นแนวรับคนสำคัญของ ‘เบียงโคเนรี่’ ไม่น้อย 

 

เมื่อบวกกับฝีมือการป้องกันประตูที่ยอดเยี่ยม ซาเมียร์ ฮันดาโนวิช ทำให้ อินเตอร์ ชุดนี้มีเกมรับที่แข็งแกร่งที่สุดในลีก โดยมีหลักฐานที่เห็นได้ชัดเจนจากการเสียประตูเพียง 29 ลูกน้อยสุดในลีกฤดูกาลนี้

 

และที่ขาดไปไม่ได้คือตำแหน่ง วิงแบ็ค อย่าง ฮาคิมี่ ที่ทำหน้าที่ตนเองไม่มีตกในฝั่งขวา ส่วนฝั่งซ้าย แม้จะโรเตชั่นกันบ่อย ๆ ทั้ง มัตเตโอ ดาร์เมี่ยน, อิวาน เปริซิช, ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ หรือ อเล็กซานเดอร์ โคลรอฟ แต่ก็ทุ่มเทเต็มที่ในทุกครั้งที่ได้โอกาส

 

หลังผ่านไป 34 นัดในฤดูกาลนี้ ความพยายามของพวกเขาก็สัมฤทธิ์ผล ด้วยการันตีคว้าแชมป์ เซเรียอา ในฤดูกาลนี้ไปครองเรียบร้อย ปิดฉากความผิดหวังที่แนบอล เนรัซซูรี่ รอคอยมานานกว่า 11 ปี

 

นอกจากนี้ยังเป็นการหยุดสถิติคว้าแชมป์ลีกของ ยูเวนตุส คู่อริตลอดกาล ไว้ที่ 9 สมัยอีกด้วย

 

ความสำเร็จอาจเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการสร้างมันขึ้นมา ซึ่งมันอาจใช้เวลามากน้อยแค่ไหน ก็ไม่มีใครสามารถระบุเวลาที่แน่นอนได้ชัดเจน

 

แต่ถ้าได้โอกาสลองผิดลองถูกจนค้นพบสิ่งที่เหมาะสมกับตนเอง ความสำเร็จเหล่านั้นก็อาจเผยโฉมให้เห็น เช่น อินเตอร์ มิลาน ที่พยายามกลับไปชูถ้วยสคูเด็ตโต้สมัยที่ 19 ได้สำเร็จ

 

แม้พวกเขาต้องใช้เวลาร่วมทศววรษเพื่อถ้วยรางวัลนี้ก็ตาม