โคตรช้ำ: สถิติสุดยอดที่หงส์แดงทำได้ขนาดนี้แต่ยังไม่ดีพอเป็นแชมป์ลีก

 

จบกันไปแล้วกับศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ผลปรากฏว่าเป็นฝั่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่เข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่งคว้าแชมป์ลีกไปครองได้สำเร็จ และกลายเป็นทีมแรกที่ป้องกันแชมป์ลีกได้ในรอบ 10 ปี หลังจากเอาชนะไบรท์ตันได้อย่างสบายเท้า 4-1 เมื่อคืนที่ผ่านมา

 

แต่ว่า ลิเวอร์พูล เป็นอีกทีมที่แฟนบอลทั่วโลกต่างให้ความสนใจในวันนี้มากๆ เพราะนี่เป็นอีกปีที่พวกเขาพลาดคว้าแชมป์ลีกมาครองอีกครั้ง หลังจากต้องอกหักและรอความสำเร็จนี้มานานเกือบ 30 ปีแล้ว ซึ่งครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งที่เหล่า เดอะ ค็อป ต่างช้ำใจมากที่สุด เนื่องจากทีมรักของพวกเขานั้นดีพร้อมไปทุกอย่าง อีกทั้งยังพัฒนาฟอร์มการเล่นและแทคติดต่างๆได้ดีกว่าปีก่อนๆอย่างชัดเจน และลิเวอร์พูลคงจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกได้ครองได้สำเร็จ ถ้าไม่มีชายที่ชื่อ เป็ป กวาร์ดิโอล่า คุมทีมสีฟ้าจากเมืองแมนเชสเตอร์ซะก่อน

 

และนี่คือสถิติสุดยอดของทีมลิเวอร์พูลที่เหนือกว่าทุกทีมในฤดูกาลนี้ แต่ก็ยังดีไม่พอกับการแชมป์ลีกสมัยที่ 19 ของพวกเขาอยู่ดี

 

 

รองแชมป์แต้มเยอะที่สุด

 

 

หลังจบฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมรองแชมป์ที่ทำแต้มได้มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก โดยเก็บไปได้ทั้งสิ้น 97 แต้มจากการแข่งขันทั้งหมด 38 นัด ทุบสถิติในการเป็นรองแชมป์ที่แต้มมากสุดใน 5 ลีกใหญ่ยุโรปที่เรอัล มาดริดเคยทำสถิติไว้ 96 แต้มเมื่อฤดูกาล 2009-10 แต่เรื่องนี้กลับยิ่งตอกย้ำความชอกช้ำเข้าไปอีก

 

97 คะแนนที่ทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ทำได้ในฤดูกาลนี้ นั้นดีเกินพอที่จะทำให้พวกเขาเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก รวมถึงแชมป์ลีกสมัยดิวิชั่นหนึ่งได้ทุกฤดูกาลด้วยซ้ำ ยกเว้นแค่ฤดูกาลนี้กับฤดูกาลที่แล้วที่แมนซิตี้ทำแต้มได้มากกว่าพวกเขาเท่านั้น

 

และนอกจากนี้ หงส์แดงยังเป็นทีมแรกในลีกสูงสุดแดนผู้ดีที่แพ้แค่นัดเดียวตลอดทั้งฤดูกาล แต่ยังไม่ดีพอในการคว้าแชมป์ลีกซะอย่างนั้น

 

 

ดาวซัลโวแพ็คคู่

 

 

ใครที่เคยบอกว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คงเป็นได้แค่แข้งดวงดีที่ดังพลุแตกแค่ปีเดียว คงจะต้องเสียหน้าไม่น้อย เมื่อดาวเตะชาวอียิปต์ก็ยังคงยิงให้ลิเวอร์พูลได้อย่างต่อเนื่องในฤดูกาลนี้ แม้มาตรฐานอาจจะไม่สูงเท่าปีก่อน แต่ก็ช่วยให้หงส์แดงกวาดแต้มสำคัญมากได้มากมายในปีนี้

 

และที่สำคัญซาลาห์ไม่จำเป็นต้องแบกทีมคนเดียวเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป เมื่อ ซาดิโอ มาเน่ ยกระดับตัวเองให้กลายเป็นเพชรฆาตในกรอบเขตโทษและทำประตูได้มากมายไม่ต่างจากซาลาห์เลย จนมีชื่ออยู่บนๆของตารางดาวซัลโวลีกตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นมา

 

ท้ายที่สุด ทั้งคู่ซัดประตูให้หงส์แดงไปคนละ 22 ลูกในลีก คว้าตำแหน่งรองเท้าทองคำประจำฤดูกาลนี้ร่วมกับ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง กองหน้าของอาร์เซน่อล และปีนี้เป็นครั้งแรกที่มีนักเตะจากทีมเดียวจะคว้ารางวัลนี้ร่วมกัน แม้ว่ามันก็ไม่ช่วยให้ลิเวอร์พูลก้าวไปสู่แชมป์ลีกได้ก็ตาม

 

 

นักเตะกวาดรางวัลเยอะที่สุด

 

 

นอกเหนือจากรางวัลดาวซัลโวประจำลีกที่ ซาลาห์ กับ มาเน่ ได้คว้าไปครองร่วมกัน ก่อนหน้านี้ยังมีแข้งหงส์แดงอีกคนที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนกวาดรางวัลต่าๆงมาประดับบารมีด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ที่คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมฟุตบอลอาชีพอังกฤษ หรือ พีเอฟเอ ในปีนี้ไปครอง รวมถึงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2018-19 ด้วย

 

ส่วนอีกคนก็คือ อลิสสัน เบกเกอร์ นายทวารจอมหนึบของทีมที่คว้ารางวัลถุงมือทองคำหลังเก็บคลีนชีตที่ 21นัดในฤดูกาลนี้ โดยเฉือนเอาชนะ เอแดร์สัน ของมือกาวร่วมชาติของแมนเชสเตอร์ ซิตี้แค่นัดเดียวเท่านั้น

 

แม้รางวัลเหล่านี้จะไม่ต่างกับสิ่งปลอบใจที่ช่วยให้เดอะ ค็อป พอจะยิ้มออกได้อยู่บ้าง แต่ผลงานที่ทีมได้ทำในฤดูกาลนี้คือสิ่งที่คอบอลพรีเมียร์ลีกจะจดจำไปอีกนานแสนนาน

 

 

แบ็ก 2 ข้างจอมแอสซิสต์

 

 

ในฤดูกาลนี้คงไม่มีแบ็คคนไหนที่มีฟอร์มการเล่นโดดเด่นไปกว่า เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แล้ว ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมจนติดทีมยอดเยี่ยมของพีเอฟเอในปีนี้ คงจะการันตีได้เป็นอย่างดีว่าทั้งคู่เก่งกาจแค่ไหน

 

มากไปกว่านั้น แบ็คซ้าย-ขวาของลิเวอร์พูลไม่ได้มีดีแค่การเล่นเกมรับเท่านั้น แต่ยังทีเด็ดในการเติมเกมรุกอีกด้วย เพราะพวกเขาแอสซิสต์ร่วมกันถึง 23 ลูกในลีก โดยแบ่งเป็น อาร์โนล์ด 12 ลูก ซึ่งทำลายสถิติกองหลังที่แอสซิสต์มากที่สุดในประวัติศาสร์พรีเมียร์ลีก ส่วน โรเบิร์ตวันก็ทำสถิติแอสซิสต์ได้ 11 ลูก เท่ากับเจ้าของสถิติเดิมของ 2 แบ็คเอฟเวอร์ตันอย่าง เลห์ตัน เบนส์ ในปี 2010-2011 และ แอนดี้ ฮินช์คลิฟฟ์ ในปี 1994-95

 

 

เสียประตูน้อยที่สุด

 

 

การเข้ามาของฟาน ไดจ์ค ช่วยยกระดับเกมรับในทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ให้สูงขึ้นอีกขั้น ซึ่งเห็นได้ชัดจากการพาทีมเข้าไปเล่นในรอบชิงแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แต่การมาของนายทวารที่ชื่อว่า อลิสซอน เบ็คเกอร์ ยิ่งทำให้เกมรับของยอดทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์แข็งแกร่งมากกว่าเดิมเป็นหลายเท่าตัว

 

ตำแหน่งผู้รักษาที่เคยเป็นจุดอ่อนของทีมลิเวอร์พูลมานานหลายปีได้หมดสิ้นไปนับตั้งแต่ อลิสซอนก้าวเข้าในถิ่นแอนฟิลด์ พร้อมกับปรับตัวเข้ากับลีกใหม่ได้อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นหนึ่งในมือกาวที่ดีที่สุดในลีกอย่างไม่มีข้อข้องใจใดๆทั้งสิ้น และคว้ารางวัลถุงมือทองคำไปครองอย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้

 

รวมไปแผงหลังคนอื่นๆในทีมก็ยกระดับการเล่นของตัวเองให้สูงขึ้นจนสถาปนาให้ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมที่มีเกมรับเหนียววแน่นที่สุดในลีกสูงสุดแดนผู้ดี โดยเสียประตูไป 22 ลูกในฤดูกาลนี้ น้อยกว่าแมนซิตี้ทีมแชมป์ที่เสียไป 23 ลูก น่าเสียดายที่มันยังเพียงพอให้พวกเขาคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จในรอบ 29 ปี