ย้อนกลับไปในช่วงต้นปี 2007 ฟรานเชสโก้ ฟลาคี่ กำลังกลายเป็นตำนานของ ซามพ์โดเรีย หลังกดไปมากว่า 100 ประตูให้สโมสร แถมมีดีกรีเป็นกัปตันทีม และติดทีมชาติอิตาลีหนแรกด้วย
แต่ชีวิตของเขาก็พลิกพลันแบบไม่ทันตั้งตัวภายใน 1 ชั่วโมงหลังเกมพบ อินเตอร์ มิลาน ณ วันที่ 28 มกราคม ปี 2007 เมื่อเขาถูกตรวจพบมีสารโคเคนในร่างกาย ทำให้ถูกแบนห้ามลงสนามเป็นเวลา 2 ปี อีกทั้งสโมสรก็ยกเลิกสัญญากับเขาทันที
“ผมสูญเสียไปทั้งหมดในช่วงเวลานั้น ผมกลายเป็นไอดอลในเจนัว ผมเริ่มปีนั้นด้วยการยิงไป 2 ประตู และเพิ่งถูกเรียกติดทีมชาติด้วย” ฟลาคี่ เล่าย้อนความ
แม้ 2 ปีต่อจากนั้นอาจทำให้ใครหลายคนมองว่าอาชีพค้าแข้งของ อดีตหอก ‘ลา ซามพ์’ จบลงแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้นเสียทีเดียว…
ชื่อเสียงป่นปี้
จริงๆ ฟลาคี่ ไม่ใช่นักเตะแปลกหน้าในด้านข่าวด้านลบหรือเสียหายเท่าไหร่ในช่วงที่เขาโชว์ฝีเท้าบนฟลอร์หญ้า
ณ ต้นปี 2006 มีการกล่าวหาว่า อดีตดาวเตะซามพ์โดเรีย พยายามล็อคผลการแข่งจนถูกแบน 2 เดือนจากการดักฟังสายโทรศัพท์จากบุคคลที่สาม ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่เคยยอมรับการถูกแบนในครั้งนั้นด้วย
ถึงอย่างนั้น เขาก็ก้าวข้ามอุปสรรคนั้นมาได้ และถูกยกให้เป็นหนึ่งในแข้งชาวอิตาเลี่ยนตำแหน่งเบอร์ 10 มากพรสวรรค์ในยุคของเขา หลังกดไป 110 ประตูให้ ซามพ์โดเรีย รั้งดาวซัลโวอันดับ 3 ตลอดกาลของสโมสร เป็นรองเพียง โรแบร์โต้ มันชินี่ และ จานลูก้า วิอัลลี่ เท่านั้น
แม้โด่งดังกับ ซามพ์โดเรีย และเป็นสโมสรที่ใช้เวลาค้าแข้งมากที่สุด แต่เขาก็เคยคว้าแชมป์ เซเรีย บี และ โคปป้า อิตาเลีย กับ ฟิออเรนติน่า สโมสรแรกในอาชีพมาก่อน
เชื่อว่าจำนวนประตูคงมากกขึ้นกว่านี้แน่นอน ถ้าไม่เกมพบสารโคเคนในร่างกายเมื่อปี 2007 เสียก่อน และหลังโดนแบนเป็นเวลา 2 ปี อดีตลูกหม้อ ฟิออเรนติน่า ก็ได้รับข้อเสนอให้กอบกู้ชื่อเสียงของตัวเองกับ เบรสซ่า และ เอ็มโปลี สโมสรในเซเรีย บี ณ เวลานั้นตามลำดับ แต่เหตุการณ์ในครั้งก่อนก็ตามมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง
ช่วงเดือนธันวาคมปี 2009 หอกชาวอิตาเลี่ยน ตรวจพบสารโคเคนอีกครั้ง ซึ่งหมายความเขากระทำความผิดเดิมซ้ำสอง ทำให้ถูกแบนยาว 12 ปี ซึ่งเป็นการปิดฉากอาชีพค้าแข้งไปในทันที
ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้น แต่เมื่อผ่านไป 12 ปี อดีตดาวเตะ ลา ซาพม์ ที่เกือบติดทัพ อัซซูรี่ ก็เตรียมกลับมาค้าแข้งอีกครั้งในปี 2022
ส่งต่อประสบการณ์
ในช่วงที่ไม่สามารถลงเล่นได้ ฟลาคี่ ทำหน้าที่โค้ชอย่างไม่เป็นทางการให้กับทีมท้องถิ่น บาโย่ อา ริโปลี่ ซึ่งคว้าแชมป์ลีกและบอลถ้วยได้ด้วย อีกทั้งเป็นโค้ชให้กับทีมเยาวชนของ ซิกน่า 1914 และสอนฟุตบอลแบบส่วนตัวให้กับเด็กๆในช่วงที่ไวรัสโควิดระบาด
ซิกน่า 1914 เป็นสโมสรที่อยู่ในลีกระดับ 5 และนี่เป็นทีมที่เขาจะกลับมาอีกครั้งในฐานะผู้เล่นด้วยวัย 46 ปี ซึ่งโทษแบนจะสิ้นสุดลงในเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีก็แค่แซวกันขำกับ อันเดรีย บัลเลรินี่ เพื่อนซี้ที่ดำรงตำแหน่งประธานสโมสร
“ผมตื่นเต้นมากๆ เพราะวันนั้นกำลังมาถึง เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเป็นเรื่องตลก แต่จากนั้นเราก็จริงจังมากขึ้น ผมเคยช่วยทีม ซิกน่า 1914 กับทีมชุดเยาวชน” อดีตดาวเตะวัย 46 ปี กล่าว
“อันเดรีย หลอกล้อผมว่า ‘แกเล่นไม่ไหวหรอก แกแก่เกินไปแล้ว’ ผมไม่ลงเล่นในสนามจริงๆมาเป็นเวลา 12 ปีแล้ว แต่ผมคือคนฟุตบอล ผมมีชีวิตอยู่เพื่ออามรณ์นั้นที่ผมคิดถึงมากเหลือเกิน”
“ตอนนี้ผมกำลังฝึกซ้อมอยู่ และความรู้สึกก็คล้ายกับความรู้สึกตอนเป็นผู้เล่นจริงๆ การเปิดรับและความกดดันนั้นแตกต่างกัน แต่บางอย่างในฟุตบอลเช่น ชีวิตในห้องแต่งตัวก็เหมือนกันในทุกระดับ ”
แม้เอาจริงเอาจังในการกลับมาค้าแข้งมากแค่ไหน แต่อดีตขวัญใจแฟน ลา ซามพ์ ก็รู้สังขารตัวเองดี และตั้งเป้าในการช่วยให้นักเตะในทีมไม่ผิดพลาดซ้ำรอยกับสิ่งที่เขาเคยทำเมื่อ 12 ปีก่อน
“ผมรู้ว่าผมทำพลาดไปและต้องถูกลงโทษกับสิ่งนั้น ผมรู้ตัวดีว่าไม่มีทางเร็วเหมือนที่เคยเป็น แต่ผมก็จะหน้าที่ในส่วนของผม และช่วยให้พวกเขาเชื่อมั่นในตัวเอง อีกทั้งผมยังอยากให้พวกเขาเข้าใจความงดงามของฟุตบอล พวกเขาไม่สูญเสียโอกาสที่ผมเคยโยนทิ้งไปแน่นอน”
ชีวิตเดิมก็เริ่มใหม่ได้
การกลับมาฝึกซ้อมและมีโอกาสได้ลงเล่นอีกครั้งเป็นโอกาสให้ ฟลาคี่ ได้ไตร่ตรองถึงทางเลือกที่เขาเลือก และการเดินทางของเขาได้เริ่มต้นขึ้นอย่างไร
“หลังจากความอับอายเหล่านั้น คุณจะคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่าง อาชีพที่ถูกโยนทิ้งไป, ภาพลักษณ์ต่อสาธารณะ, ความเจ็บปวดที่คุณทำต่อครอบครัว, ผู้คนที่รับไม่ได้ในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมก็พิสูจน์ว่าผมเข้าใจความผิดพลาดของตัวเอง และสามารถสร้างความสัมพันธ์ส่วนใหญ่ได้ใหม่อีกครั้ง”
แน่นอนว่า อดีตดาวเตะชาวอิตาเลี่ยน ลำบากสุดๆในช่วงที่โดนแบนยาวจนหมดโอกาสกลับมายืนในจุดเดิมที่เคย และย่ำแย่ถึงขั้นรู้สึกไม่ดียามได้เห็นการแข่งขันในสนามเลย แต่ก็พยายามเดินหน้าต่อไปในเส้นทางใหม่ที่เขาเลือกเดิน
“ตอนแรก การดูฟุตบอลทำให้ผมรู้สึกไม่ดี แต่จากนั้นผมก็เริ่มมุ่งมั่นทำงานหนักมากขึ้นและค่อยๆเดินหน้าต่อไปได้อีกครั้ง ผมเปิดร้านอาหาร 2 แห่งในเมืองฟลอเรนซ์ และผมใช้เวลาไปกับการเสิร์ฟอาหาร และเนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่าผมกำลังกลับไปเล่นอีกครั้ง ก็ได้รับข้อความต่างๆมากมาย สิ่งนี้พิสูจน์ว่าหลายคนยังรักผมอยู่”
“ผมไม่ใช่เหยื่อ ผมทำผิดพลาดไปและไม่ต้องการให้คนอื่นเดินไปในเส้นทางเดียวกันนี้ ผมได้รับคำแนะนำเชิงบวกมากมายจากโค้ชของผม และนี่หลักฐานสำคัญที่พิสูจน์ว่าความทุ่มเทของผมได้รับการชื่นชม และพ่อแมก็เชื่อใจผมด้วย”
“มันง่ายเกินไปที่จะตัดสินกันจากภายนอก คนที่รู้จักผมจะรู้จักว่าผมเป็นอย่างไร ผมก็เป็นคนเดียวกันเหมือนเมื่อตอนที่ผมอายุ 20 หรือ 30 ปีก่อน”
“ผมรู้ว่าคนเราล้วนทำพลาดและล้มลงได้ แต่ก็สามารถกลับมายืนได้อีกครั้งเช่นกัน ชีวิตเต็มไปด้วยเหตุการณ์ไม่คาดคิด สิ่งที่ต้องการคือทำหน้าที่ของผมและแสดงให้เห็นว่าผมสามารถกลับมาเล่นได้ฟุตบอลได้อีกครั้ง”