ซักวันผมจะกลับมา : 8 แข้งดังที่กลับมาแจ้งเกิดกับต้นสังกัดดั้งเดิม

 

การถูกปล่อยออกจากทีมคือสิ่งที่นักฟุตบอลดาวรุ่งส่วนใหญ่ต้องพบเจออยู่แล้ว หากต้นสังกัดของเขามองว่านักเตะคนนั้นยังไม่พร้อมหรือเหมาะสมกับทีมในตอนนี้จริงๆ

 

แต่ก็มีหลายคนที่ย้ายไปโชว์ฟอร์มเก่งกับทีมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบยืมตัวหรือแบบถาวร  จนไปเข้าตาสโมสรจริงหรือทีมเก่าอย่างจัง จนในที่สุดพวกเขาเหล่านั้นก็สามารถกลับมาเฉิดฉายกับต้นสังกัดที่แท้จริงได้อีกครั้งในเวลาต่อมา

 

และนี่คือ 8 แข้งที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา พยายามพิสูจน์ตัวเองกับทีม และสามารถกลับมาแจ้งเกิดกับต้นสังกัดของตัวเองได้อย่างเต็มภาคภูมิ

 

 

เคราร์ด ปีเก้ – บาร์เซโลน่า

 

 

เคราร์ด ปีเก้ คือหนึ่งในผลผลิตของลา มาเซีย ศูนย์ฝึกเยาวชนของบาร์เซโลน่า ซึ่งอยู่ในรุ่นเดียวกับ เชส ฟาเบรกาส แต่ก็ย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2004 ก่อนที่จะได้รับสัญญาอาชีพจากเจ้าบุญทุ่มซะอีก แต่ด้วยตำแหน่งกองหลังของปีศาจแดงมีการแข่งขันกันสูงในตอนนั้น ทำให้เขาไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวจริงให้ทีมได้

 

อย่างไรก็ตาม ทีมรักในวัยเด็กของปีเก้ ก็ดึงตัวเขากลับไปร่วมทีมในปี 2008 ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็กลายเป็นกองหลังตัวหลักให้กับบาร์ซ่าจนถึงปัจจุบัน รวมถึงในทีมชาติสเปนด้วย และพาทีมคว้าแชมป์มาแล้วในทุกรายการที่พวกเขาลงแข่งขันด้วย

 

 

แฮร์รี่ เคน – ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์

 

 

ในช่วงแรกที่ แฮร์รี่ เคน อยู่ในทีมไก่เดือยทอง เขามักจะถูกสโมสรปล่อยให้ทีมอื่นๆยืมตัวไปใช้งานเสมอ แต่ไม่มีครั้งไหนที่เคนจะประสบความสำเร็จทั้ง เลย์ตัน โอเรียนท์, มิลวอลล์, นอริช ซิตี้ หรือ เลสเตอร์ ซิตี้ จนทำให้แฟนๆสเปอร์สไม่ได้คาดหวังเลยว่าเขาจะก้าวขึ้นเป็นตัวหลักของทีมได้ในอนาคต

 

อย่างไรก็ตาม กองหน้าชาวอังกฤษก็รอคอยโอกาสของตัวเองอย่างอดทนและยังคงทำหน้าที่ของตัวเองในทีมต่อไป และทันทีที่โอกาสทองมาถึงตัว เคนก็รับไขว่คว้ามันไว้ในทันที ก่อนจะค่อยฉายแววเป็นยอดกองหน้าอันดับต้นๆในพรีเมียร์ลีกและในทวีปยุโรป เช่นที่แฟนบอลทั่วโลกเห็นในปัจจุบัน

 

 

เดวิด เบ็คแฮม – แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

 

กองกลางเท้าช่างทองที่เปิดบอลได้แม่นยำราวจับวางก็เคยมีประสบการณ์โยกย้ายไปเล่นให้ไปหาชั่วโมงบินกับสโมสรอื่นๆนอกเหนือจากต้นสังกัดของตัวเองเช่นกัน โดย เดวิด เบ็คแฮมได้ย้ายไปเล่นให้ เปรสตัน นอร์ธเอนด์ สโมสรในลีกดิวิชั่น 3 ณ ตอนนั้น แบบยืมตัว เมื่อปี 1995

 

ที่นั่นเขาได้ลงเล่นร่วมกับ ว่าที่กุนซือปีศาจแดงในอนาคตอย่าง เดวิด มอยส์ ด้วย แต่สิ่งที่ทำให้คนเริ่มหันหันมาจับตามองตัวริมเส้นหน้าหยกรายนี้คือการทำประตูจากลูกฟรีคิกที่เป็นเครื่องหมายการค้าของเขาในเวลาต่อมา และทำประตูจากลูกเตะมุมโดยตรง ก่อนที่เฟอร์กี้จะดันเขาขึ้นมาเป็นนักเตะตัวหลักในทีมพร้อมกับ เพื่อนรุ่นเดียวกันในชุดเยาวชน และพาทีมกวาดแชมป์มาประดับตู้สโมสรมากมายนับตั้งแต่นั้น

 

 

เอียน รัช – ลิเวอร์พูล

 

 

เพชรฆาตหน้าติดหนวดแจ้งเกิดตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นอาชีพค้าแข้ง และย้ายมาอยู่ลิเวอร์พูลตั้งแต่อายุ 18 ปี พร้อมกับก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าขวัญใจเดอะ ค็อปอย่างรวดเร็ว เอียน รัช ยิงประตูเป็นกอบเป็นกำให้หงส์แดง ก่อนจะย้ายออกไปค้าแข้งต่างแดนกับ ยูเวนตุสในปี 1986 ด้วยค่าตัว 3.2 ล้านปอนด์ ซึ่งสถิติของเกาะอังกฤษในเวลานั้น

 

กองหน้าชาวเวลส์ได้รับอนุญาติให้อยู่กับลิเวอร์พูลอีกฤดูกาล และย้ายไปร่วมทีมจากตูรินจริงๆในปี 1987 แต่ทว่าที่นั่นเขาไม่สามารถปรับให้เขาตัวลีกใหม่ได้นัก ทำให้เขาถูกปล่อยกลับทีมเก่าอีกครั้ง และดูเหมือนว่าไม่มีที่ไหนเหมาะกับรัชไปกว่าลิเวอร์พูลอีกแล้ว เพราะในคำรบที่สองกับทีมสีแดงจากเมอร์ซีย์ไซด์ เขาก็ยังยิงกระจายเหมือนเดิม พร้อมกับลีกได้เพิ่มอีก 2 สมัย และ เอฟเอ คัพ อีก 1 สมัย

 

 

โจ ฮาร์ท – แมนซิตี้

 

 

ในช่วงที่ โจ ฮาร์ท ย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ใหม่ๆ เขาก็ไม่ต่างอะไรกับแข้งดาวรุ่งในทีมที่ต้องย้ายไปเล่นให้ทีมอื่นแบบยืมตัวก่อน โดยย้ายไปอยู่กับ ทรานเมียร์ โรเวอร์ส, แบล็คพูล และ เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ แต่ทีมที่เขาโชว์ฟอร์มได้เข้าตามากที่สุดคงหนีไม่พ้นตอนเฝ้าเสาให้กับทีมลูกโลกในปี 2009-10

 

นายทวารชาวผู้ดีพัฒนาทักษะการเซฟประตูได้อย่างก้าวกระโดดในเวลานั้น และช่วยให้เบอร์ฮิ่งแฮมที่เป็นน้องใหม่พรีเมียร์ลีกอยู่รอดบนลีกสูงสุดอย่างสวยงาม จนทำให้ฮาร์มได้ติดทีมชาติอังกฤษไปลุยฟุตบอลโลกปี 2010 และกลายเป็นมือหนึ่งของทีมเรือใบสีฟ้ายาวนานถึง 6 ปี ก่อนที่เขาเสียสถานะตัวจริงของทีมไปนับตั้งแต่ชายที่ชื่อ เป็ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาเป็นกุนซือในสโมสรแห่งนี้

 

 

แอชลี่ย์ โคล – อาร์เซน่อล

 

 

ยอดทีมจากลอนดอนเหนือคือหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ปั้นนักเตะมาประดับวงการลูกหนังมากมาย และหนึ่งในนั้นคือ แอชลีย์ โคล แบ็คซ้ายลูกหม้อประจำทีม แต่ก็ใช่ว่าเขาจะพุ่งพรวดขึ้นมาแจ้งเกิดกับทีมชุดใหญ่ได้เลย เพราะมันต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าที่เวนเกอร์จะเห็นว่าเขาคู่ควรกับตัวหลักในทีมจริงๆ

 

โคลได้ย้ายไปเล่นให้กับคริสตัล พาเลซ แบบยืมตัวในฤดูกาล 1999-00 ซึ่งเขาทำผลงานได้ดีใช้ได้เลย หลังยิงได้ 1 ประตูจากการลงเล่นพรีเมียร์ลีก 14 นัด และดูเหมือนฟ้าจะเป็นใจให้เขา เมื่อ ซิลวินโญ่ แบ็คตัวหลักของปืนใหญ่ดันบาดเจ็บหลังเริ่มฤดูกาลไม่นาน ทำให้เขาได้รับโอกาสนั้นไว้ จากนั้นเขาก็กลายเป็นแบ็คซ้ายเบอร์หนึ่งประจำทีมอาร์เซน่อลไปโดยปริยาย ก่อนจะย้ายไปประสบความสำเร็จอีกขั้นกับเชลซีในปี 2006

 

 

แฟรงค์ แลมพาร์ด  – เวสต์แฮม

 

 

ด้วยการที่เขาเป็นลูกชายของนักเตะระดับตำนานของขุนค้อนอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด ซีเนียร์  ทำให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด จูเนียร์ ถูกตราหน้าจากเพื่อนๆรุ่นเดียวกันและแฟนบอลว่ามีโอกาสเล่นฟุตบอลได้เพราะมีเส้นสายระดับบิ๊กในวงการลูกหนังเท่านั้น

 

นั่นทำให้กองกลางชาวอังกฤษก็พยายามพิสูจน์ว่าตนเองสามารถก้าวขึ้นเป็นนักเตะระดับโลกได้โดยไม่ต้องพึ่งใบบุญจากพ่อหรือลุงของเขา ด้วยการย้ายไปร่วมทีมสวอนซีก่อนในปีแรกของอาชีพค้าแข้ง และทำให้ผลงานได้โดดเด่นเกินวัยในช่วงเวลาสั้นที่อยู่กับทีมหงส์ขาว

 

อย่างไรก็ตาม ตอนกลับมาลอนดอน แลมพาร์ดก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเองต่อไป แถมต้องพยายามมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว เนื่องจากโดนหลายคนค่อนขอดว่ามีโอกาสเล่นในชุดใหญ่ได้เพราะมี แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ ลุงของเขาเป็นกุนซืออยู่ แต่ในเวลาต่อมา แลมพาร์ดก็พิสูจน์ตัวเองได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ จนกลายเป็นที่รักของแฟนขุนค้อนทุกหมู่เหล่า ก่อนจะย้ายไปเป็นตำนานของเชลซีในปี 2001

 

 

ธิโบต์ กูร์ตัวส์ –  เชลซี

 

 

ใครๆหลายมองว่านายทวารอนาคตไกลอย่าง ธิโบต์ กูร์ตัวส์ คงไม่สามารถแจ้งเกิดในทีมชุดใหญ่ได้แน่นอน หลังย้ายมาร่วมทีมเชลซีในปี 2011 นั่นเป็นเพราะว่าทีมมีนายทวารมือดีและมากประสบการณ์อย่างปีเตอร์ เช็ก ที่จองเบอร์หนึ่งสิงห์บลูมานานหลายปี ทำให้เขาตัดสินย้ายไปร่วมทีมแอตเลติโก้ มาดริด แบบยืมตัว หลังจากย้ายมาอังกฤษไม่นาน

 

ในมาดริดนี่เองคือที่ที่ทำให้เขาก้าวขึ้นไปเป็นผู้รักษาประตูระดับโลกได้ หลังสามารถยืดมือหนึ่งในทีมตราหมีได้ทันที พร้อมทั้งช่วยให้ทีมของดีเอโก้ ซีเมโอเน่ คว้าแชมป์มามากมาย ไม่ว่าจะเป็นยูโรป้าลีกในปี 2012, โคปา เดล เรย์ในปี 2013 และ ลาลีก้าในปี 2014

 

ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมแบบนี้ ไม่แปลกใจที่สิงห์บลูจะดึงตัวเขากลับไป พร้อมกับการันตีตำแหน่งมือหนึ่งให้กูร์ตัวส์ด้วย ซึ่งมือกาวชาวเบลเยี่ยมก็ไม่ทำให้ทีมผิดหวังเมื่อโชว์เหนี่ยวหนึบจนช่วยให้เชลซีกลับมาคว้าแชมป์ลีกอีกครั้ง แต่ว่าในตอนนี้คงไม่มีแฟนเชลซีคนไหนอยากเห็นเขากลับมาในทีมอีกครั้งแน่นอน หลังบีบให้สโมสรขายเขาออกไปให้เรอัล มาดริด เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา