ในที่สุด ลูก้าส์ ดีญ ก็เลือกลา เอฟเวอร์ตัน เพื่อย้ายไปร่วมทีม แอสตัน วิลล่า ตามที่สื่อหลายๆสำนักในอังกฤษ คาดการณ์เอาไว้ และเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดี
เชื่อว่าแบ็คชาวฝรั่งเศส คงหวังอย่างยิ่งว่าความสัมพันธ์ของเขากับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ว่าที่หัวหน้าใหม่ใน วิลล่า ปาร์ค จะราบรื่นและเข้ากันได้ดีกว่าที่เขาเคยพบเจอกับ ราฟาเอล เบนิเตซ บอสคนเก่าในทีม ‘ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน’
โดยจุดเริ่มต้นของสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ของทั้งคู่เริ่มกู่ไม่กลับในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และต่างโจมตีผลัดกันไปมาผ่านสื่อ จนสุดท้ายต้องมีใครคนคนใดคนหนึ่งเลือกเดินจากไป
ทว่าปัจจัยอะไรกันที่ทำให้พวกเขาทั้งคู่แตกหักถึงขั้นนี้กัน…
ถูกดร็อปเพราะแท็คติก?
นับตั้งแต่ย้ายจาก บาร์เซโลน่า มาค้าแข้งในอังกฤษ เมื่อปี 2018 ดีญ ก็เป็นแบ็คซ้ายตัวหลักให้กับ เอฟเวอร์ตัน มาโดยตลอด ทั้งในยุคของ มาร์โก้ ซิลวา หรือ คาร์โล อันเชล็อตติ ที่ถ้าหากไม่บาดเจ็บหรือติดโทษแบนก็จะเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งนี้เสมอ
อย่างไรก็ตาม สถานะของเขาค่อยๆเปลี่ยนไปไม่รู้ตัวหลัการมาของ ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน คนใหม่ ในซัมเมอร์ปี 2021
หลังได้ลงไป 13 นัดในลีก ตอนแรกก็ดูเหมือนว่าราฟาจะตัดสินใจดร็อปแบ็คซ้ายทีมชาติฝรั่งเศสด้วยเหตุผลทางด้านแทคติก จนกระทั่งหลายๆอย่างที่ชัดเจนขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม
แบ็คซ้ายแดนน้ำหอมไม่ได้ลงเล่นในเกมกับอาร์เซนอลเมื่อเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลา 1 สัปดาห์หลังจากเกมที่โดน ลิเวอร์พูล บุกมาถล่ม 4-1 ถึงกูดิสัน ปาร์ค
สิ่งที่ทำให้แฟน ‘ท็อฟฟี่’ ข้องใจไม่น้อยคือการที่ กุนซือชาวสแปนิช จับ เบน ก็อดฟรี่ย์ มาเล่นเป็นแบ็คซ้ายในเกมดวล ปืนใหญ่ โดยที่ ดีญ ผู้เล่นตำแหน่งนั้นโดยธรรมชาติไม่มีชื่อแม้กระทั่งตัวสำรอง
ราฟา อธิบายหลังเกมนั้นว่า “ในฐานะผู้จัดการทีม คุณต้องตัดสินใจด้วยการเลือกทีม คุณต้องแน่ใจว่าทีมทำผลงานได้และเบน ก็อดฟรีย์ ทำได้ดี ดังนั้นผมยินดีเป็นอย่างยิ่งกับสิ่งนั้น”
“สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าทีมกำลังทำผลงานได้ดี และเรามีความคิดที่ถูกต้อง”
แลกหมัดกันผ่านสื่อ
แน่นอนว่า ดีญ ไม่เห็นด้วยกับความคิดดังกล่าวชัดเจน และตอบโต้กลับไปทันทีผ่านสตอรี่อินสตาแกรมของเขา
“อย่าเชื่อสิ่งทุกสิ่งที่คุณอ่าน สิ่งที่สำคัญคือสโมสร สู้ได้เยี่ยมมากๆพวกกับเกมเอาชนะ อาร์เซน่อล” แบ็คซ้ายวัย 28 ปี กล่าว
“ผมเสียใจที่ไม่ได้เล่น ผมตั้งตารอที่จะได้เล่นให้ เอฟเวอร์ตัน เหมือนเดิม แต่ผู้จัดการเลือกที่จะไม่เลือกผม นั่นคือฟุตบอล”
แค่นี้หลายคนก็ได้กลิ่นแแปลกระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ดูไม่ราบรื่นเท่าไหร่แล้ว
และแน่นอนว่า เบนิเตซ ก็ไม่พอใจกับการใช้โซเชียล มีเดีย ครั้งนั้นของนักเตะชาวฝรั่งเศส เท่าไหร่นัก ก่อนแสดงให้เห็นว่าใครคือหัวหน้า ใครคือลูกน้องตามสไตล์ของราฟา
นับตั้งแต่นั้น เขาก็ไม่ได้ลงเล่นให้ ท็อฟฟี่ อีกเลยแม้แต่นาทีเดียว แม้จะนั่งสำรองในเกมพบ ไบรท์ตัน แต่ กุนซือเลือดกระทิง ก็เลือกใช้ เชมัส โคลแมน แบ็คขวาตัวเก๋า มาเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายแทน
นั่นทำให้ แข้งแดนน้ำหอม ตกเป็นข่าวว่าแจ้งสโมสรขอย้ายทีมในตลาดหน้าหนาวนี้ โดยได้รับความสนใจจากทีมร่วมลีก ทั้ง เชลซี ที่ประสบปัญหาแบ็คซ้ายเดี้ยงเกือบยกทีม และ แอสตัน วิลล่า ที่หวังเสริมแกร่งเพื่อขยับขึ้นมาตารางบน
จนกระทั่งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ราฟา ไม่ลังเลใจจัดหนักลูกทีมที่เป็นข่าวแบบไม่ลังเลในงานแถลงข่าวก่อนเกมล่าสุดในศึกเอฟเอ คัพ ที่พบกับ ฮัลล์ ซิตี้ ที่เอาชนะไปได้แบบหืดจับ 3-2
“คุณคาดหวังให้ผู้จัดการทีมทำอะไรเมื่อผู้เล่นคิดที่จะย้ายออกไป?” อดีตกุนซือ ลิเวอร์พูล กล่าว
“คิดถึงเหล่าแฟนบอลและอดีตผู้เล่น… ปีเตอร์ รีดจะพูดอะไร? ถ้าผู้เล่นมาหาผู้จัดการและบอกว่าเขาไม่ต้องการอยู่ที่นี่?”
“หากคุณได้รับเงินก้อนโตเพื่อผลงาน คุณต้องแสดงออกมาและต้องพร้อม… คุณต้องเอาผลประโยชน์ของตัวเองไปไว้เบื้องหลังผลประโยชน์ของสโมส ผู้คนล้วนคิดถึงตัวเองก่อนทีม”
แตกหักโดยสมบูรณ์
แต่มีหรือที่อดีตแข้ง บาร์เซโลน่า จะยอมให้โดนต่อว่าแบบไม่เป็นธรรมอยู่ฝ่ายเดียว และสามารถทำให้ ราฟา ตกที่นั่งลำบากด้วยการโพสต์ภาพๆเดียวและประโยคสั้นๆบนอินสตราแกรมของเขา
“ไม่มีวันหยุดพัก”
นอกจากนี้ การที่เขาตัดรูปยิมของสโมสรแลเหล่า เอฟเวอร์โตเนี่ยน ให้เป็นภาพเดียวกัน ถือเป็นการโต้แย้งทุกสิ่งที่ ราฟาพูดถึง ทั้งในแง่จรรยาบรรณในการทำงานและความมุ่งมั่นต่อสโมสรของ ดิญ ว่าทำเต็มที่ไม่แพ้ใคร
ด้วยผลงานของทีมที่ยังไม่สม่ำเสมอที่แฟน ‘ท็อฟฟี่’ ส่วนใหญ่ ยังมองว่าดาวเตะชาวฝรั่งเศส ควรได้รับโอกาสลงสนามมากกว่านี้ ไม่ใช่จับดองแบบไม่มีเหตุผล
และสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเป็นการยืนยันว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่มาถึงจุดจบลงเรียบร้อย และไม่มีทางกลับไปจูบปากร่วมงานกันแน่นอน
นี่จึงน่าสนใจไม่น้อยว่าในการแถลงข่าวครั้งต่อไปของราฟา เขาจะพูดถึงว่าที่อดีตลูกทีมคนนี้ว่าอย่างไร หลังเตรียมย้ายซบ ‘สิงห์ผงาด’ อย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้
ทว่าผลงานในสนามและเวลาจะเป็นตัวบ่งบอกเองว่า ความคิดระหว่าง เบนิเตซ หรือ ดีญ ใครจะเป็นฝ่ายถูกต้องมากกว่ากัน
บทความที่เกี่ยวข้อง
