แม้จะเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ดูไม่ค่อยจะเป็นทางการ และไม่ได้รับความสนใจจากแฟนบอลมากนัก แต่ในที่สุดแล้ว ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2019 ก็รูดม่านปิดฉากลงด้วยความสำเร็จของทีมชาติ “โปรตุเกส”
การซิวแชมป์ครั้งนี้ถือเป็นการ “กู้หน้า” จากความผิดหวังในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่พลพรรค “เซเลเซา” ไปได้ดีที่สุดแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังพลาดท่าแพ้ให้กับ อุรุกวัย 1-2
ภาพรวมของ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เปรียบเปรยดีๆ ไม่ต่างจากศึกชิมลางสำหรับศึกยูโร 2020 ที่ทำให้เราได้เห็นความพร้อมและทิศทางการทำทีมของหลายๆ ชาติ
อย่าง เนเธอร์แลนด์ ที่เป็นยักษ์หลับไม่ได้เล่นรอบสุดท้ายทั้งยูโร 2016 และฟุตบอลโลก 2018 ก็ “ตื่น” ขึ้นอีกครั้งพร้อมขุมกำลังสายเลือดใหม่ ที่นำทีมโดย เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ว่าที่นักเตะบัลลง ดอร์ คนต่อไป
เช่นเดียวกับความสำเร็จของทีม “ฝอยทอง” ที่ทัวร์นาเมนต์นี้ส่งสัญญาณอะไรหลายๆ อย่าง จากแชมป์ ยูโร 2016 มาถึงแชมป์ เนชั่นส์ ลีก 2019 บางทีมันอาจจะถึงเวลาแล้วที่จะเข้าสู่ “ยุคทอง” ของพวกเขา เหมือนที่ครั้งหนึ่งทีมเพื่อนบ้านอย่าง สเปน ได้ครองโลกระหว่างปี 2008-2012
ส่วนสาเหตุอะไรที่จะทำให้ลูกทีมของ เฟร์นานโด ซานโต๊ส ยิ่งใหญ่ต่อเนื่องใน “ยูโร 2020” ที่จะเป็นบทพิสูจน์ถึง “ความเจ๋ง” และการเป็น “เจ้ายุโรป” อย่างแท้จริง วันนี้ขออนุญาตแบ่งเป็น 4 หัวข้อดังนี้
1.”โด้” ยังไหวอยู่
สำหรับนักเตะวัย 34 ปี หลายๆ คนอาจจะอยู่ในบั้นปลายชีวิตลูกหนัง รอวันแขวนสตั๊ดอยู่มะรือมะเรื่อง แต่ไม่ใช่สำหรับชายที่ชื่อ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ที่สภาพร่างกายยังคงเตะปี๊บดังอยู่
เห็นได้จากรูปการซ้อมที่กล้ามเนื้อของเจ้าตัวยังคงเป็นมัดยังกับนักเพาะกาย ผลงานในสนามก็ยังแจ่มแจ๋ว แม้จะดร็อปไปบ้างแต่ 21 ประตูในเซรี่ อา อิตาลี ก็ไม่ได้ขี้เหร่หรือน้อยหน้าใครแต่อย่างใด
ยิ่งล่าสุดระเบิดฟอร์มซัดแฮตทริกใส่ สวิตเซอร์แลนด์ ในรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ย่อมบ่งชี้ได้ดีว่า “ซีอาร์7” ยังคงเป็นนักเตะคนสำคัญที่ทีมชาติโปรตุเกส และชื่อของ โรนัลโด้ ก็ยังข่มขู่แนวรับของทุกชาติได้เป็นอย่างดี
2.นิว “โกลเด้น เจเนอเรชั่น”
กาลครั้งหนึ่ง โปรตุเกส เคยมียุค โกลเด้น เจเนอเรชั่น ที่ยอดเยี่ยม นักเตะอย่าง เฟรนานโด เคาโต้, เปาโล ซูซ่า, รุย คอสต้า, หลุยส์ ฟิโก้, เจา ปินโต และ ริคาร์โด้ ซา ปินโต้ คือกลุ่มนักเตะที่ถูกคาดหมายว่าจะเสกความสำเร็จให้กับทีม “ฝอยทอง”
ทว่าชุดนั้นไม่เคยเฉียดแม้แต่ปลายถ้วยแชมป์ หรือบั่นปลายมาผสมกับน้องๆ รุ่นหลัง (ยุค โรนัลโด้ หรือ มานิเช่) ก็ทำได้ดีที่สุดก็แค่รองแชมป์ ยูโร 2004 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ
ทว่าเข้าสู่ปี 2019 โปรตุเกส กำลังจะมีขุมกำลังระดับ “ขุนพล” มาประดับบารมีชนิดมากหน้าหลายตา หลังหน่ออ่อนที่ฟูมฟักมานานกำลังแตกหน่อ ออกช่อ กันอย่างคึกคัก กลายเป็นสินค้าชั้นดีที่หลายทีมดังทั่วยุโรปต้องรีบจับจอง
ไล่เรียงตั้งแต่แผงหลัง เจา คันเซโร่, เนลสัน เซเมโด้, ราฟาเอล เกร์เรโร่ ต่างอยู่ในวัยเบญจเพสเล่นอยู่ทีมใหญ่กันทั้งสิ้น และอาจจะต้องรวม รูเบน ดิแอส เซนเตอร์ฮาล์ฟของ เบนฟิก้า ที่ซัมเมอร์นี้น่าจะได้ค้าแข้งต่างแดนตามรุ่นพี่ไปอีกคน
แดนกลางจัดจ้านทุกตัวนำทีมโดย แบร์นาร์โด้ ซิลวา แข้งยอดเยี่ยมยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ที่ฤดูกาลนี้กวาดแชมป์แทบทุกรายการที่ลงเล่น ขณะที่ บรูโน่ แฟร์นานเดส มิดฟิลด์จากสปอร์ติ้ง ลิสบอน ก็เนื้อหอมสุดๆ แว่วๆ มากำลังจะกลายเป็นแข้งใหม่ของ “ผีแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วย อันนี้ยังไม่นับรวม รูเบน เนเวส ห้องเครื่องของ วูล์ฟแฮมป์ตัน ที่ฟอร์มฤดูกาลล่าสุดดีเตะตาทีมใหญ่ๆ แน่นอน
แนวรุก เจา เฟลิกซ์ คนนี้ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะนี้คือเด็กหนุ่มวัย 19 ปีที่ใครๆ ก็อยากได้ลายเซ็นต์ เผลอๆ ย้ายซัมเมอร์นี้ค่าตัวจะพุ่งทะลุชาร์ต 120 ล้านยูโร อีกคนที่ฟอร์มดีคือ กอนซาโล่ กูเอเดส จาก บาเลนเซีย ที่เป็นฮีโร่ดับฝันแชมป์ทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ แบบสดๆ ร้อนๆ
ลองเอา “ยังบลัด” กลุ่มนี้ มาร่วมกับ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ เห็นได้ชัดเลยว่าขุมกำลังของ โปรตุเกส ชุดนี้เหลือกินเหลือใช้ไม่แพ้ชาติใดในโลกอย่างแน่นอน
3.ชาติอื่นดร็อปลง
อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ โปรตุเกส เป็นทีมเต็งแชมป์ ยูโร 2020 ก็คือชาติมหาอำนาจหลายอื่นๆ ต่างอยู่ในช่วงผลัดใบกันเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะ 3 ชาติตัวแสบอย่าง เยอรมัน, อิตาลี และ สเปน ที่นับจนถึงตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าใครคือชุดหลักกันแน่
เนเธอร์แลนด์ ที่เข้าชิงกับ โปรตุเกส อาจจะมีขุมกำลังที่ดีขึ้น มีแนวรับที่แข็งแกร่งเพราะมีคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟที่ดีที่สุดในโลกอย่าง เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค และ มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ แต่แนวรุกของพวกเขาลำพังจะพึงแค่ เมมฟิส เดปาย ก็ไม่น่าจะไปไกลเท่าไร
ที่น่าจะเป็นคู่แข่งแบบสมหน้าสมเนื้อที่สุดคงหนีไม่พ้น ฝรั่งเศส ที่ขุมกำลังชุดแชมป์โลก 2018 ก็อยู่กันเกือบครบทีม แก๊งค์ “ป็อกบา, กรีซมันน์ & เอ็มบับเป้” ถ้าท็อปฟอร์มขึ้นมาก็หาทีมมาหยุดยากเช่นกัน
อังกฤษ ที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต เอาสายเลือดใหม่ไปคว้าอันดับ 4 เวิลด์ คัพ หนล่าสุด ก็เป็นอีกทีมที่ประมาทไม่ได้ ชื่อชั้นอาจจะไม่ท็อปเนม แต่พอเอามาเล่นร่วมกันช่างมีสเน่ห์เหลือเกิน
4.เคยเป็นแชมป์มาแล้ว
สำหรับฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ เรื่องของประสบการณ์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หลายๆ ทีมเล่นดี แต่เก๋าไม่พอ ส่วนใหญ่ก็มักจะไปไม่ถึงฝั่งฝัน ไกลหน่อยก็รอบรองฯ หรือเกือบที่สุดก็มักจะได้แค่รองแชมป์
ดู ฝรั่งเศส เป็นตัวอย่าง พวกเขาเป็นแค่รองแชมป์ ยูโร 2016 ทว่าด้วยขุมกำลังหลักเดิมบวกกับประสบการณ์ที่แกร่งวิชามากขึ้น อีก 2 ปีต่อมาพวกเขาก็เก๋าพอที่จะคว้าแชมป์โลกมาครองได้
หรือจะเอาพีกๆ ก็ สเปน พวกเขากวาดเรียบทั้งศึกชิงแชมป์ยุโรป และ ฟุตบอลโลก รวมถึงยังเป็นทีมเดียวในประวัติศาสตร์ที่สามารถป้องกันแชมป์ยูโร ด้วยการเบิ้ลแชมป์ในปี 2008 และ 2012
ดังนั้นการที่ โปรตุเกส เป็นแชมป์เก่า และนักเตะหลักๆ จากชุดนั้นก็ยังอยู่หลายคน ไม่ว่าจะเป็น รุย ปาทริซิโอ, ราฟาเอล เกร์เรโร่, เจา มูตินโญ่, เรนาโต้ ซานเชส, วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่, อังเดร โกเมส รวมถึง คริสติอาโน่ โรนัลโด้
เชื่อว่าเป็นข้อได้เปรียบที่จะช่วยให้ขุนพล “เซเลเซา” จะสามารถฝ่าวิกฤติ ในบางเกมที่จำเป็น “ต้องรอด” ด้วยประสบการณ์ตรงนี้ได้
