สลับขั้วลูกหนัง : 6 แข้งดังที่เคยค้าแข้งทั้งเสือเหลือง-เสือใต้

 

ตลอดเวลา 56 ปีที่บุนเดสลีก้า เยอรมันได้ก่อตั้งมา ทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในวงการลูกหนังเมืองเบียร์ คงหนีไม่พ้นชื่อของ บาเยิร์น มิวนิค อย่างแน่นอน

 

แต่ในช่วง 8-9 ปีที่ผ่านมา โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์เป็นทีมที่ขึ้นมาท้าทายมหาอำนาจเบอร์หนึ่งอย่างบาเยิร์น มิวนิค ได้มากที่สุด ถึงขั้นแย่งแชมป์ลีกไปครองถึง 2 ปีติด ทำให้เกมระหว่างเสือใต้กับเสือเหลืองคือหนึ่งในเกมที่น่าติดตามที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าทั้ง 2 ทีมอาจจะไม่ใช่คู่แข่งร่วมเมืองกันโดยตรงก็ตาม

 

และแน่นอนว่า เมื่อไหร่ที่มีผู้เล่นย้ายสลับขั้วไปอยู่ทีมตรงข้ามกันย่อมกลายเป็นข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิพม์หรือโลกออนไลน์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งล่าสุด มัตต์ ฮุมเมิ่ลส์เตรียมลาเสือใต้เพื่อกลับไปซบเสือเหลืองอีกครั้งเป็นรอบที่ 2  

 

แต่ทว่าก็ไม่ใช่ฮุมเมิ่ลส์คนเดียวที่เคยย้ายไปเล่นให้กับทั้ง 2 ทีมในเมืองเบียร์ ทาง UFA ARENA จึงขออาสาพาแฟนบอลไปย้อนดู 6 นักเตะชื่อดังที่เคยเล่นให้ดอร์ทมุนด์-บาเยิร์นตั้งแต่ยุคอดีตจนถึงยุคปัจจุบัน

 

 

มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์

 

 

กองหลังชาวเยอรมันสร้างชื่อกับโบรุสเซียดอร์ทมุนด์จนกลายเป็นกองหลังระดับโลกได้ และคว้าแชมป์บุนเดสลีก้าได้ถึง 2 สมัยซ้อน ในฤดูกาล 2011 และ 2012 พร้อมด้วยถ้วยเดเอฟเบ โพคาลอีกสมัย แต่แฟนบอลส่วนใหญ่อาจจะลืมไปว่า ฮุมเมิ่ลส์ เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับทีมอริร่วมประเทศอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ตั้งแต่สมัยเป็นเยาวชนโน้น

 

ฮุมเมิ่ลส์อยู่กับแคมป์เสือใต้รุ่นเยาว์มาตั้งแต่ปี 1995 ซึ่งเขามีอายุเพียงแค่ 7 ขวบเท่านั้น ก่อนได้สัญญาอาชีพในปี 2006 แต่ในตอนนั้น บาเยิร์นมียอดกองหลังอย่าง ลูซิโอ้, แดนนี่ ฟาน บุยเต็น และ มาร์ติน เดมิเคลิส อยู่ ทำให้โอกาสโชว์ของมีไม่มากและลงเล่นในทีมชุดใหญ่นัดเดียวเท่านั้น จากนั้นก็ถูกปล่อยให้ดอร์ทมุนด์ยืมไปใช้งานในปี 2008 และถูกขายขาดให้ในปี 2009 แต่ยอดทีมจากแคว้นบาวาเรียหารู้ไม่ว่ากำลังยื่นอาวุธให้กับศัตรูในอนาคตข้างหน้า

 

ฮุมเมิ่ลส์กลายเป็นแข้งตัวหลักของเสือเหลืองภายในเวลาไม่นานและช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 21 ปี ด้วยผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมแบบนี้ไม่แปลกใจที่บาเยิร์นจะคว้าเขากับไปยังถิ่นอัลลิอันซ์ อารีน่าอีกครั้งในปี 2016

 

หลังจากอยู่มาได้ 3 ปี ล่าสุดกองหลังวัย 30 ปีเตรียมย้ายกลับไปเล่นในถิ่นซิกนัล อีดูน่า ปาร์ค เป็นครั้งที่ 2 หลังดอร์ทมุนด์ตกลงค่าตัวกับบาเยิร์น มิวนิคได้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการย้ายทีมกลับไปกลับมาครั้งนี้ ตัวเขาก็หวังว่าจะทำผลงานให้ดีขึ้นจนกลับมาเป็นกองหลังเบอร์หนึ่งของโยอาคิม เลิฟในทัพอินทรีเหล็กอีกครั้ง หลังเสียตำแหน่งตัวจริงให้กับแข้งดาวรุ่งไปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

 

มาริโอ เกิตเซ่

 

 

แม้การย้ายกลับมาบ้านเก่าของฮุมเมิ่ลส์จะเป็นที่ฮือฮาของแฟนบอลทั่วโลกพอสมควร แต่ว่าเขาก็ไม่ใช่นักเตะรายแรกที่ย้ายจากทีมอริลุ้นแชมป์กับมายังทีมเก่า ซึ่งคนๆนั้นก็คือชายที่มีชื่อว่า ‘มาริโอ เกิตเซ่’

 

เพลย์เมกเกอร์ชาวเยอรมันเป็นเด็กปั้นของดอร์ทมุนด์แต่ปี 2001 และก้าวขึ้นมาเล่นในชุดใหญ่ได้ด้วยวัยเพียง 17 ปีเท่านั้น ด้วยความสามารถที่โดนเด่นเกินวัยทำให้เขาเป็นแข้งหนุ่มคนโปรดของ เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่เสือเหลืองในตอนนั้น และมีส่วนพาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีก้า 2 สมัยซ้อนด้วย ซึ่งในปีต่อมาฟอร์มการเล่นของเกิตเซ่ก็พัฒนาขึ้นไปอีกเมื่อได้เล่นร่วมกับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ มาร์โก รอยส์ ในแดนหน้า โดยยิงไปได้ 16 ลูก กับ 13 แอสซิสต์ในฤดูกาล 2012-13

 

แต่แล้วแฟนๆเสือเหลืองก็ต้องใจสลาย เมื่อบาเยิร์น มิวนิค คู่อริตัวฉกาจได้เข้ามาคว้าตัวเกิตเซ่ด้วยการฉีกสัญญามูลค่ากว่า 37 ล้านยูโร อีกทั้งตัวเกิตเซ่ต้องการย้ายไปร่วมงานกับเป็ป กวาร์ดิโอล่าด้วย นั่นทำให้สโมสรสีเหลืองดำต้องปล่อยแข้งอนาคตไกลให้คู่แข่งไปอย่างไม่เต็มใจนัก

 

แต่ถึงแม้เขาจะคว้าแชมป์กับบาเยิร์นมากมายก็จริง แต่ก็ไม่ได้เป็นดาวเด่นในทีมเหมือนที่ดอร์ทมุนด์ ก่อนจะย้ายกลับมาในถิ่นเวสต์ฟาเลน สตาดิโอนอีกครั้งในปี 2016 และถึงแม้ว่าโรคระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานผิดปกติจะทำให้เขาใช้เวลาอยู่บนม้านั่งสำรองซะส่วนใหญ่ แต่ในฤดูกาลที่ผ่านมา แข้งวัย 27 ปีก็ยิงในลีกถึง 7 ประตู และกลับมาเป็นนักเตะขวัญใจแฟนเสือเหลืองอีกครั้งแล้ว

 

 

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

 

 

เช่นเดียวกับฮุมเมิ่ลส์ เลวานดอฟสกี้สร้างชื่อให้แฟนบอลทั่วโลกได้รู้จักในช่วงค้าแข้งกับดอร์ทมุนด์และเป็นกุญแจสำคัญพาทีมเสือเหลืองคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ 2 สมัยในยุคของเจอร์เก้น คล็อปป์ แต่หลังจากนั้นในปี 2014 หัวหอกชาวโปลก็ย้ายข้ามฝากไปอยู่กับบาเยิร์น มิวนิค ทีมอริลุ้นแชมป์ตามหลัง มาริโอ เกิตเซ่ ไปติดๆ

 

แต่นี้ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของเลวานดอฟสกี้ เพราะนับแต่ย้ายมาในถ้ำเสือใต้ เขาก็สามารถพัฒนาตัวเองให้กับกลายเป็นศูนย์อันดับต้นของโลกได้อย่างเต็มปาก และคว้าแชมป์บุนเดสลีก้าได้ 5 ปีติด เช่นเดียวกับรางวัลดาวซัลโว เลวานดอฟสกี้ก็เหมาคนเดียว 4 ครั้งจาก 5 ปีหลังสุดด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปีที่ผ่านมา ดาวยิงสูงสุดทีมชาติโปแลนด์มีข่าวลือว่าเตรียมย้ายจากถิ่นอัลลิอัซน์ อารีน่า อยู่บ่อยครั้ง และในซัมเมอร์นี้ก็มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่เขาจะย้ายทีมจริงๆ เนื่องจากบาเยิร์นได้ประกาศเตรียมยกเครื่องทีมใหม่ในซัมเมอร์นี้ ซึ่งนักเตะวัย 30 ปีอย่างเลวานฯก็มีโอกาสเข้าข่ายว่าจะโดนโละออกจากทีมอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

 

 

ทอร์สเท่น ฟริงส์

 

 

กองกลางชาวเยอรมันอีกคนที่น่าจะคุ้นหูแฟนบอลรุ่นใหม่อยู่บ้างเล็กน้อย ทอร์สเท่น ฟริงส์ เป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากๆในสมัยที่เขาเล่นให้กับเวร์เดอร์ เบรเมน จึงไม่แปลกใจที่ทีมใหญ่ทั้งในและต่างประเทศจะรุมจีบเขาเป็นว่าเล่น แต่แล้วทีมที่คว้าลายเซ็นฟริงส์ไปครองก็คือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ โดยย้ายไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 10 ล้านยูโร ในปี 2002 และประสานงานในแดนกลางร่วมกับ โธมัส โรซิคกี้ได้อย่างลงตัว

 

หลังจากอยู่ในถ้ำเสือเหลือง 2 ฤดูกาล ในปี 2004 ฟริงส์ก็ได้ย้ายไปร่วมทีมบาเยิร์น มิวนิค คู่แข่งร่วมลีก และจดปากเซ็นสัญญาถึง 3 ปี พร้อมกับพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ไปครองในฤดูกาลนั้นอย่างสวยงาม

 

หากมองแค่ภายนอกแล้ว กองกลางทีมชาติเยอรมันก็ดูประสบความสำเร็จและไปได้สวยในชีวิตค้าแข้งดี แต่ทว่าจริงๆ ฟริงส์ไม่ความสุขในทีมเสือใต้เลย เนื่องจากตัวเขาถูก เฟลิกว์ มากัธ กุนซือในตอนนั้น จับไปเล่นในตำแหน่งที่เขาไม่ถนัดจนฟอร์มตก ทำให้ปีต่อมา เขาเลือกย้ายกลับเล่นให้ทีมนกนางนวลอีกครั้ง และอยู่ยาวๆถึง 6 ปี ก่อนจะย้ายไปโกยเงินดอลล่าร์กับโตรอนโต้ เอฟซี ในเมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ และแขวนสตั๊ดที่นั่นเลยในปี 2012

 

 

โธมัส เฮลเมอร์

 

 

แฟนเสือเหลืองงงกันยกใหญ่ เมื่อทีมไปคว้าตัว โธมัส เฮลเมอร์ แข้งโนเนม จากอาร์เมเนีย บีเลเฟลด์ สโมสรในลีกรองเมืองเบียร์มาร่วมทีม แต่คำถามเหล่านั้นก็ค่อยๆหมดไป เมื่อเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมคุมเกมรับของทีมได้อย่างเหนี่ยวแน่นและมั่นคง แถมยังเล่นได้หลากหลายตำแหน่งในแผงหลังไม่ว่าจะเป็น กองหลัง, สวีปเปอร์ หรือแม้กระทั่งกองกลางตัวรับ

 

ขวัญใจเสือเหลืองได้เล่นในถิ่นเวสต์ฟาเลน สตาดิโอน 6 ปี ก็ขอขึ้นบัญชีย้ายทีมเพื่อหาความท้าทายใหม่ ซึ่งทีมที่เล็งตัวเขาไว้ก็คือ บาเยิร์น มิวนิค แต่ทว่าสโมสรไม่ต้องการขายเฮลเมอร์ให้กับทีมร่วมลีกเช่นกัน จึงตัดสินใจขายให้กับโอลิมปิค ลียง ที่ยื่นข้อเสนมมาพร้อมๆกันแทนในปี 1992 แต่หลังจากนั้นไม่ถึง 3 เดือน โอแอล ก็ขายเฮลเลอร์ให้กับ เสือใต้ ด้วยค่าตัวสูงถึง 7.5 ล้านยูโร โดยที่เขายังไม่ได้ลงเล่นให้กับทีมแดนน้ำหอมแม้แต่นัดเดียว จนทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องดราม่าครั้งใหญ่ในวงการลูกหนังเมืองเบียร์อยู่ไม่น้อย และส่งผล แบร์ตี้ โฟกท์ส กุนซือทีมชาติเยอรมัน ณ ตอนนั้น ต้องหั่นชื่อ เฮลเมอร์ พ้นทัพทีมชาติเยอรมันชุดสู้ศึกยูโร 1992 ไปเลย เพื่อลดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนบอลทั่วประเทศ (ที่ไม่ใช่แฟนบอลบาเยิร์น)

 

แม้จะมีเสียงก่นด่าและสาปส่งจากแฟนบอลดอร์ทมุนด์ให้หมดอนาคตในอาชีพค้าแข้งไปเลย แต่ทว่าเฮลเลอร์ก็ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ลีกและบอลถ้วยในประเทศมากมายกับยอดทีมแคว้นบาวาเรียได้อย่างดงามและได้กลายเป็นกัปตันทีมเสือใต้ในช่วงปลายยุค 90 แต่ทว่าช่วงบั้นปลายอาชีพ กองหลังจอมแกร่งก็หมดสภาพกองหลังจอมแกร่ง เมื่อย้ายไปดับอยู่กับซันเดอร์แลนด์ในพรีเมียร์ลีก  ก่อนจะแขวนสตั๊ดไปแบบช้ำๆในปี 2000

 

 

คริสเตียน แนร์ลิงเกอร์

 

 

คริสเตียน แนร์ลิงเกอร์อาจจะเกิดในเมืองดอร์ทมุนด์ แต่ทว่าเขาเริ่มต้นฝึกวิชาลูกหนังตั้งแต่อายุ 13 ปีกับบาเยิร์น มิวนิค สโมสรยักษ์ใหญ่ในประเทศ และด้วยฝีเท้าที่โดดเด่นเกินเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน ทำให้เขาได้เลื่อนขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ในปี 1992 ขณะมีอายุได้ 19 ปี

 

ในอีก 3 ปีต่อมากองกลางชาวเยอรมันก็ก้าวขึ้นเป็นตัวหลักของทีมเต็มตัว พร้อมพาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีก้าในฤดูกาล 1993-94 และ ฤดูกาล 1997-98 รวมไปถึงแชมป์เดเอฟเบ โพคาลปี 1998 และแชมป์ยูฟ่า คัพ 1995 ด้วย

 

แนร์ลิงเกอร์อยู่กับพี่เสือมานานถึง 6 ปีเต็มๆ เขาก็ตัดสินหาความท้าทายใหม่ด้วยการย้ายกลับไปเล่นให้ทีมในเมืองเกิดอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในปี 1998 แต่ทว่าตลอด 3 ปีในทีมเสือเหลือง อาการบาดเจ็บค่อยรบกวนอยู่บ่อยครั้งจนทำให้เขาไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งได้เหมือนสมัยที่อยู่กับบาเยิร์น มิวนิค และยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น หลังย้ายไปอยู่กลาสโกว์ เรนเจอร์ เมื่อปี 2001 หรือ ไกเซอร์สเลาเทิร์นในปี 2004  ส่งผลให้เขาต้องปิดฉากอาชีพค้าแข้งด้วยเพียง 33 ปีเท่านั้น