พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2019-20 จะไม่มีทางเหมือนเดิมอีกต่อไป หลังมีการนำ เทคโนลียีวีดีโอช่วยตัดสิน หรือ VAR มาใช้เป็นครั้งแรก หลังจากที่ลีกชั้นนำต่างแดนในยุโรปได้ใช้งานเทคโนโลยีไปใช้งานกันก่อนหน้านี้แล้ว
แม้จะถูกนำไปใช้ในทัวร์นาเม้นต์รายการใหญ่อย่างกว้างขวางใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น คอนเฟเดเรชั่น คัพ 2017, ฟุตบอลโลกปี 2018, โคปา อเมริกา 2019 หรือ ฟุตบอลโลกหญิงปีล่าสุด แต่ VAR ก็ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำให้เกมล่าช้า และ ใช้เวลานานเกินไป
อย่างไรก็ตาม การใช้ VAR ก็จะช่วยให้การตัดสินต่างๆกระจ่างมากขึ้น ยุติธรรมมากขึ้น และลดความได้เปรียบเสียเปรียบจากผลการตัดสินได้ในระดับที่ดี เพราะนับตั้งแต่พรีเมียร์ลีกมีก่อตั้งขึ้น มีหลายเหตุการณ์ หลายจังหวะที่กรรมการทำหน้าที่ได้ค้านสายตาแฟนบอลทั่วโลก และเกิดขึ้นแทบทุกๆฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งนี้น่าจะช่วยให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้นกว่าปีก่อนๆมาก
และนี่ 10 เหตุการณ์สุดข้องใจในลีกสูงสุดแดนผู้ดีฤดูกาลก่อนที่แฟนบอลคงไม่มีทางได้เห็นอีกต่อไปหลังมี VAR เข้ามาช่วยในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะถึง
เซาธ์แฮมป์ตัน 1-1 วัตฟอร์ด | ลูกยิงที่ไม่ถูกนับของออสติน
ทีมนักบุญได้ประตูขึ้นไปก่อนจาก มาโนโล่ กัปเบียดินี่ แต่ทว่า แตนอาละวาดก็มาตามตีเสมอได้จากลูกยิงของ โฮเซ่ โฮเลบาส แบ็คซ้ายชาวกรีซของวัตฟอร์ด
ต่อมาในช่วงท้ายเกม เซาธ์แฮมป์ตัน ก็มาได้ประตูชัยจาก ชาร์ลี ออสติน และเกือบเก็บ 3 แต้มไปครองแบบสวยงาม น่าเสียยดายที่ผู้ตัดสินในเกมนั้น มองว่า ลูกยิงของหัวหอกชาวอังกฤษ เป็นจังหวะล้ำหน้าของมายะ โยชิดะ แม้ว่ากองหลังทีมนักบุญจะไม่ได้สัมผัสหรือมีเจตนาเล่นบอลแม้แต่นิดเดียว
สเปอร์ส 1-2 ลิเวอร์พูล | จุดโทษไม่เป็นจุดโทษ
ในช่วงท้ายเกม ไก่เดือยทองได้โอกาสทำประตึเสมอ 2-2 จากจังหวะที่ ซอน เฮือง-มิน ได้บอลในกรอบเขตโทษ และถูก ซาดิโอ มาเน่ ปีกจรวดของหงส์แดง ดึงเสื้อจนล้มลงไป
แน่นอนว่าในจังหวะนั้นใครๆต่างมองว่าควรให้จุดโทษกับทีมเจ้าบ้าน แต่ทว่า ไมเคิล โอลิเวอร์ ไม่ได้เป่าเป็นจังหวะฟาวล์แต่อย่างใด พร้อมกับทำมือทำไม่ให้ดาวเตะแดนโสมขาวลุกขึ้นมาเล่นต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะอย่างนั้น
อาร์เซน่อล 1-1 ลิเวอร์พูล | ลูกล้ำหน้าของมาเน่
https://youtu.be/zjfF2FMzmSI?t=23
ลูกยิงของมาเน่ในเกมนั้นไม่ถูกนับเป็นประตู เนื่องจากตัวเขายืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า แต่หากวิเคราะห์กันดีๆแล้ว จะพบว่าลูกนั้นเป็นประตูที่ใสสะอาดและปราศจากมลทินใดๆ
แม้ดาวเตะทีมชาติเซเนกัลจะยืนล้ำหน้าอยู่ แต่คนที่เล่นในจังหวะแรกคือ โรแบร์โต้ ฟีรืมิโน่ หัวหอกหงส์แดง ซึ่งไม่ได้อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าอย่างชัดเจน ส่งผลให้ลูกยิงของมาเน่ไม่ล้ำหน้าตากมกติกาควรถูกนับเป็นประตู
แมนยูไนเต็ด 3-2 นิวคาสเซิล | แฮนด์บอลของ อ.ยัง
หนึ่งในการตัดสินที่ค้านสายตามากที่สุดในฤดูกาล 2018-19 เมื่อแอชลี่ย์ ยัง แบ็คจอมเก๋าของทีมปีศาจแดงทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษจากลูกครอสของ จอนโจ้ เชลวี่ย์ กองกลางสาลิกาดง ซึ่งชัดเจนว่าทำให้บอลเสียจังหวะและเล่นต่อไม่ได้
แต่ทว่า แอนโธนี่ เทย์เลอร์ เชิ้ตดำในเกมวันนั้น ไม่ได้เป่าให้ทีมของ ราฟาเอล เบนิเตซ ได้จุดโทษและแจกใบแดงแก่อดีตแข้งแอสตัน วิลล่า เลย แม้แต่ลูกเตะมุมก็ยังไม่ได้ ก่อนที่ยูไนเต็ดจะพลิกนรกแซงทีมเยือนในนาทีสุดท้ายด้วยสกอร์ 3-2
อาร์เซน่อล 2-2 คริสตัล พาเลซ | ยังไงก็แฮนด์บอล
ปิแอร์ เอเมริค-โอบาเมยอง ยิงประตูให้อาร์เซน่อลออกนำปราสาทเรือนแก้ว 2-1 ในนาทีที่ 56 แต่กูรูลูกหนังหลายคนมองว่านี่ไม่ใช่ประตูที่ทีมปืนใหญ่สมควรได้เลย
ซึ่งสิ่งนั้นดูท่าจะเป็นเรื่องจริง เนื่องจากตอนที่อาร์เซน่อลได้ลูกเตะมุมนั้น ในจังหวะที่กรานิต ชาก้า เปิดบอลเข้ามา มือของ อเล็กซองเดร ลากาเซ็ตต์ ได้ช่วยให้ทิศทางบอลเปลี่ยนมาเข้าทางหัวหอกทีมชาติกาบองอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าแข้งพาเลซจะฟ้องว่ามีการแฮนด์บอล แต่กรรมการก็เป่าให้เป็นประตูของทีมเยือนอยู่ดี
เชลซี 0-0 เอฟเวอร์ตัน | แดงมั้ยจอร์จินโญ่
This tackle from Jorginho should’ve been a straight red. Got a yellow. Systematic fouling from Chelsea and they just get away with it! https://t.co/w6vknq7f8X
— Secret Footballer (@TSF) November 11, 2018
เชลซีเปิดสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ เสมอกับ เอฟเวอร์ตันไปแบบจืดๆ 0-0 แต่อย่างน้อยก็มีจังหวะที่ทำให้แฟนบอลทั้ง 2 ทีมได้ตื่นเต้นอยู่บ้าง เมื่อจอร์จินโญ่ เข้าบอลหนักโคตรๆใส่ กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน เพลย์เมกเกอร์ชาวไอซ์แลนด์
แน่นอนว่าหากดูจากภาพช้ายังไง กองกลางชาวอิตาเลี่ยนก็ต้องโดนใบแดงไปอาบน้ำก่อนใครเพื่อน แต่ทว่าเขากลับได้รับแค่ใบเหลืองเท่านั้น โชคดีที่ตัวของ ซิกูร์ดส์สัน ไม่ได้รับบาดเจ็บหน้าหน้าไปนานในจังหวะนั้น ไม่อย่างงนั้นคงโดนแฟนท็อฟฟี่ถล่มในโลกออนไลน์แน่นอน
แมนซิตี้ 5-0 เบิร์นลีย์ | แค่เหลืองได้ไง
https://youtu.be/KUVUWormYEc?t=108
แชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อนอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านถล่ม เบิร์นลีย์ไปแบบยับเยิน 5-0 ซึ่งเป็นสกอร์ที่ไม่น่าตกใจเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่ทำให้แฟนบอลข้องใจกับมาตรฐานการตัดสินในลีกผู้ดีคือ การให้ใบเหลืองแก่ แวงซองต์ กอมปานี กองหลังกัปตันทีมเรือใบสีฟ้า ตั้งแต่นาทีแรกของเกม
แข้งชาวเบลเยี่ยมเข้าบอลอันตรายใส่ อารอน เลนน่อน ปีกจอมเก๋าของเบิร์นลีย์ ซึ่งไม่ต้องใช้ภาพช้าช่วย กอมปานีก็สมควรได้รับใบแดงมากกว่าใบเหลืองหลายเท่า เนื่องจาก เขาไม่ได้เข้าสกัดโดนบอลแม้แต่น้อย แถมยังยกเท้าสูงไปที่เลนน่อน แถมเข้าบอลได้ช้ามากๆอีก ถ้ามี VAR ยังไงก็ไม่รอดแน่ๆ
เวสต์แฮม 1-1 ลิเวอร์พูล | มองตาเปล่าก็รู้ว่าล้ำหน้า
อีกจังหวะงามหน้าที่ไลน์แมนพรีเมียร์ลีกโชว์ให้แฟนบอลทั่วโลกได้เห็น เมื่อเจมส์ มิลเนอร์ ได้บอลจากทางกราบขวา ก่อนจะเปิดบอลเข้าไปให้ ซาดิโอ มาเน่ ยิงประตูออกนำขุนค้อนไปก่อนในเกมนั้น
แต่ในจังหวะที่แข้งสารพัดประโยชน์ได้บอลจากทางกราบขวา เห็นได้ชัดเจนว่าเขาอยู่ตำแหน่งล้ำหน้า แถมห่างจากกองหลังคนสุดท้ายของเวสต์แฮมอยู่ 1 ช่วงตัวด้วยซ้ำ และที่แย่ไปกว่านั้นคือ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตรงหน้าของไลน์แมนเลย
เอฟเวอร์ตัน 3-0 ฟูแล่ม | จุดโทษง่ายเกิน
เดนนิส โอดอย แข้งของฟูแล่ม ได้มีการปะทะกับ โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน กองหน้าดาวรุ่งของเอฟเวอร์ตันในกรอบเขตโทษ และผู้ตัดสิน โรเจอร์ อีสต์ ก็เป่าให้จุดโทษกับทีมท็อฟฟี่แบบไม่ลังเลใจ
นั่นทำให้กองหลังชาวเบลเยี่ยมหัวเสียทันที เนื่องจากทั้งคู่มีการปะทะกันก็จริง แต่ก็มันดูไม่มีความรุนแรงแม้แต่นิดเดียว แถมตัวแข้งชาวอังกฤษยังมีเจตนาทิ้งตัวเพื่อเรียกจุดโทษอีกต่างหาก
ลิเวอร์พูล 4-0 นิวคาสเซิล | กำเนิดดาวพุ่งล้ม
https://www.youtube.com/watch?v=QkK1_VZ3los
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ คว้าดาวซัลโวได้ 2 ปีติด แต่ทว่าในฤดูกาลที่ผ่านมาตัวเขาถูกวิจารณ์ในแง่ลบมากกว่า ปี 2017-18 มากๆเนื่องจาก ฟอร์มการเล่นโดยรวมที่ไม่ได้ยอดเยี่ยมก่อน และสิ่งสำคัญที่ทำให้หลายคนไม่ชอบสุดๆคือ การพุ่งล่มเอาจุดโทษของแข้งชาวอิยีปต์ที่มีให้เห็นจนชินตา
โดยเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในเกมที่ถล่มนิวคาสเซิลไป 4-0 ซึ่งซาลาห์ล้มลงในกรอบเขตโทษดื้อๆ หลังไปชนกับ พอล ดัมเมตต์ แค่นิดเดียว และเกิดขึ้นบ่อยๆหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นเกมที่ชนะคาร์ดิฟฟ์ 2-0, ชนะคริสตัล พาเลซ 4-3, ชนะเชลซี 2-0
แต่เชื่อว่าฤดูกาลต่อไป คงไม่เห็นซาลาห์ล้มลงแบบง่ายๆเหมือนปีก่อนแล้วล่ะ หรืออยากจะลองท้าทาย VAR ดูก็ได้ ไม่มีใครว่านะ