จากอดีตดาวรุ่งที่ใครๆต่างเสียดายพรสวรรค์ และไม่มีใครเหลี่ยวแล มาในวันนี้ ราเวล มอร์ริสัน ได้รับโอกาสกลับมาในเส้นทางลูกหนังอีกครั้ง จากคริส ไวล์เดอร์ กุนซือ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมน้องใหม่ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2019-20
“ผมคุยกับหลายๆคนแล้ว รวมไปถึง แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ ที่เคยร่วมงานกับเขาในคิวพีอาร์ด้วย เขามีความสามารถที่สุดยอดมากๆ ผมอยากได้เข้ามาร่วมทีมทันที มันไม่ได้เป็นเรื่องน่ากลัวหรือกวนใจผมเลย เราจำเป็นต้องเดิมพันกันอีกซักหน่อยในตอนนี้ แต่มั่นใจว่าเขาเป็นผู้เล่นที่ได้แน่ๆ” นายใหญ่ทีมดาบคู่กล่าว หลังคว้าตัวอดีตดาวรุ่งจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาร่วมทีม
อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นดีลที่หลายคนถกเถียงกันว่าเสี่ยงไม่น้อย ด้วยวีรกรรมต่างในทีมที่เขาเคยค้าแข้งด้วยในอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เวสต์แฮม หรือ ทีมต่างๆในยุโรปอย่าง ลาซิโอ
จากนักเตะที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยกย่องว่าเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่เขาเคยเห็นในยุคนี้ ด้วยทัศนคติที่ย่ำแย่สุดขีด ทำให้เขากลับกลายเป็นอดีตดาวรุ่งที่เกือบถูกลืมไปแล้ว หากไม่ย้ายกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกซะก่อน
ทาง UFA ARENA จะขอพาทุกท่านไปย้อนดูเส้นทางค้าแข้งตลอด 6 ปีกว่า ของ ราเวล มอร์ริสัน นับตั้งแต่บอกลา โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จนกระทั่งได้โอกาสครั้งใหม่กับทีมน้องใหม่ในลีกสูงสุดแดนผู้ดีในตอนนี้กัน และหวังว่าว่านายจะไม่ทำพังเหมือนครั้งก่อนล่ะ ราเวล
เวสต์แฮม (2012-2015)
เวสต์แฮมได้คว้าตัวดาวรุ่งไปร่วมทีมในปี 2012 หลังจากที่เขาหมดสัญญากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และมอร์ริสันก็ได้ประเดิมสนามนัดแรกให้ขุนค้อนในเดือนมีนาคมปีเดียวกัน โดยเปลี่ยนลงไปแทน แจ็ค คอลลิสัน ในนาทีที่ 81 กับเกมที่เสมอกับลีดส์ 1-1
ช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสีเสื้อม่วงองุ่น-ฟ้า คือเกมที่เขายิงประตูใส่ สเปอร์ส ในถิ่นไวท์ ฮาร์ท ซึ่งตัวมอร์ริสันลากโซโล่เดี่ยวจากฝั่งตัวเองผ่านคู่แข่งไป 2 คน ก่อนงัดบอลผ่านตัว ฮูโก้ โยริส เข้าไปแบบเหนือชั้น
แต่หลังจากนั้นไม่นาน คำถามเรื่องทัศนคติของลูกหม้อปีศาจแดงก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่แซม อัลลาไดซ์จะลาทีมหลังจบฤดูกาล 2014-15 ในเวลาต่อมา (ซึ่งต่อมา บิ๊กแซมบอกว่า มอร์ริสัน ดาวรุ่งที่น่าเสียพรสวรรค์มากสุดที่เขาเคยร่วมงานด้วย) และนั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบ สำหรับแข้งแมนคูเนี่ยนในถิ่นอัพตัน ปาร์ค เพราะต่อมาไม่นาน มอร์ริสัน ถูกสโมสรยกเลิกสัญญาในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 หลังลงสนามได้แค่ 24 นัดเท่านั้น
เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้,ยืมตัว (2012-13)
มอร์ริสันออกไปเก็บเลเวลและประสบการณ์ในทีมชุดใหญ่ถึง 3 ครั้งในช่วงเวลาที่อยู่กับ เวสต์แฮม และครั้งแรกของเขาคือ การย้ายไปค้าแข้งในถิ่น เซนต์ แอนดรูว์ส
ทุกอย่างเริ่มต้นได้อย่างสวยงาม แม้จะมีปัญหากับ ลี คล้าก กุนซือในช่วงแรก มิดฟิลด์พรสวรรค์สูงลงเล่นไป 27 นัด และยิงไป 3 ประตู ซึ่ง 1 ในนั้นคือลูกสลับเท้าวอลเลย์ใส่ฮัลล์ ซิตี้ ซึ่งถือว่าไม่เลวเลย สำหรับประตูแรกของเขาในลีก
ซึ่งกุนซือทีมลูกโลกตอนนั้นได้กล่าวยกย่องว่า “เขาเป็นนักเตะฟุตบอลที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ พอล แกสคอยน์เลย” แต่ก็กล่าวเพิ่มไปว่า “มันเกี่ยวกับความคิดความอ่านของเขา และเขาก็รับรู้ถึงปัญหาข้อนี้ดี”
คิวพีอาร์, ยืมตัว (2014)
ทีมจากลอนดอนตะวันตกคือจุดหมายที่ 2 ในการไปเล่นแบบยืมตัวของ มอร์ริสัน ซึ่งเขาอยู่กับ คิวพีอาร์ได้แค่ 93 วันเท่านั้น นับตั้งแต่ย้ายไปในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2014 แต่ก็สร้างช่วงเวลา(ดีๆ)ที่น่าจดจำให้ทีมนี้เหมือนกัน แถมตัว แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ กุนซือของทีมก็ยังชอบใจในฝีเท้าเขาไม่น้อย
ประตูแรกของเขาเกิดขึ้นในเกมที่พบกับ เบอร์มิงแฮม ทีมเก่าของเขาก่อนหน้านี้ แถมยังยิงเพิ่มอีกประตูให้ทีมคว้าชัยไป 2-0 และได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมในเกมนั้นด้วย
มอร์ริสันซัดไปทั้งหมด 6 ตุงจากลงสนามให้ ทหารเสือราชินี แค่ 15 นัดเท่านั้น แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงไม่มีส่วนร่วมแม้แต่นาทีเดียวในนัดชิงเพลย์ออฟเลื่อนชั้นที่เอาชนะดาร์บี้ไป 1-0
คาร์ดิฟฟ์, ยืมตัว (2014)
อดีตดาวรุ่งปีศาจแดงได้เวลาโยกย้ายอีกครั้งในช่วงเริ่มฤดูกาล 2014-15 โดยครั้งนี้คือทีมดังจากประเทศเวลส์ โดยย้ายไปเล่นแบบยืมตัว 3 เดือน แต่หลังจากที่เขาได้ประเดิมสนามในเกมที่พบแบล็คพูล เดือนตุลาคมปี 2014 ความอดทนของสโมสรก็ค่อยๆหมดลงเรื่อยๆ
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ราเวล เป็นนักเตะที่มีความสามารถมากมาย” กุนซือ ‘เดอะ บลูเบอร์ด’ รัสเซล สเลด กล่าวพลางถอนหายใจ “เขาเคยอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและเวสต์แฮม สโมสรที่มีผู้จัดการทีมที่มากฝีมือ พร้อมด้วยนักเตะระดับคุณภาพอยู่รอบๆตัว แต่มันไม่เกิดขึ้นกับตัวเขาเลย เขายังคงไม่สามารถเติมเต็มศักยภาพหรือความสามารถที่เขาแสดงให้เห็นออกมาได้ซักนิด”
มอร์ริสันลาสโมสรแดนมังกรแดงในเดือนธันวาคมปี 2014 ในขณะที่เวสต์แฮมก็หมดความอดทนเช่นกัน ได้เอาชื่อเขาขึ้นบัญชีย้ายทีม ตั้งแต่ยังไม่กลับมาสโมสรด้วยซ้ำ
ลาซิโอ (2015-19)
การผจญภัยนอกบ้านของ มอร์ริสัน เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกหลังย้ายไปร่วมทีม ลาซิโอในอิตาลี แบบไร้ค่าตัวในเดือนมกราคมปี 2015 อย่างไรก็ตามนี่กลับเป็นช่วงเวลาที่บ่งบอกว่าเขาคือหนึ่งในนักเตะที่ล้มเหลวในอาชีพค้าแข้งมากที่สุด
กองกลางชาวอังกฤษไม่ได้มีส่วนร่วมกับอินทรีฟ้า-ขาวเลยในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ก่อนที่จะลงเล่นนัดแรก(อย่างไม่เป็นทางการ)ในเกมอุ่นเครื่องพรีซีซั่นถล่ม ออลอนโซ่ ไป 14-0 และประเดิมสนามจริงๆกับเกมแชมเปี้ยนส์ลีกรอบคัดเลือกที่พบกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น แต่ก็ได้ลงสนามแค่ 8 นาทีสุดท้ายเท่านั้นหลังทีมนำคู่แข่งขาดลอย 3-0 แล้ว และจากนั้นอะไรๆก็ยังไม่ดีขึ้นแม้แต่นิดเดียว
“เขาลำบากแล้วล่ะ” บอสใหญ่ลาซิโอ สเตฟาโน่ ปิโอลี่ กล่าวในเดือนกันยายนปี 2015 “เขาจำเป็นต้องพยายามให้มากขึ้นเพื่อทีม อาการบาดเจ็บที่จุกจิกและการที่เขาไม่พูดภาษาอิตาเลี่ยนซักคำ ทำให้พัฒนาการและการปรับตัวให้กับทีมทำได้ช้าลง”
ณ จุดๆนั้น ไม่แปลกที่เขาจะต้องการย้ายทีมอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีทีมไหนสนใจเขาเลยในปี 2016 จึงต้องอยู่กับทีมต่อไป จนกระทั่ง…
กลับคิวพีอาร์, ยืมตัว (2017)
ในที่สุด เขาก็ได้ย้ายทีมสมใจซักที ในเดือนมกราคมปี 2017 โดยครั้งนี้กลับไปเล่นในถิ่น ลอฟตัว โร้ด อีกครั้ง แบบยืมตัวจนจบฤดูกาล
แต่การกลับมาเล่นให้คิวพีอาร์ครั้งที่ 2 ก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมเหมือนครั้งแรกซักเท่าไหร่ เมื่อมอร์ริสันไม่สามารถส่งบอลเข้าไปกองอยู่ก้นตาข่ายได้เลย ก่อนที่ทีมจะจบอันดับที่ 18 ในแชมเปี้ยนส์ชิพแบบน่าผิดหวัง
คลับ แอตลาส, ยืมตัว (2017-18)
สถานีต่อไปมอร์ริสันไปไกลถึง กวาดาลาฮารา ในประเทศเม็กซิโก ซึ่งไปอยู่กับ คลับ แอตลาส สโมสรใน ลีก้า เอ็มเอ็กซ์ เกลาซูร่า ลีกสูงสุดแดนจังโก้
แม้ว่ายังไม่แข้งตัวหลักในทีม โลส ซอร์รอส แข้งแดนผู้ดีก็ยังได้ลงเล่นไป 18 นัดในลีก พร้อมกับยิงไป 4 ประตู ซึ่ง 1 ในนั้นคือลูกฟรีคิกระยะ 25 หลาสุดสวยในเกมที่พบกับ คลับ ยูนิเวอร์ซิดัด นาซิอองนาล และน่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดของเขาในสีเสื้อดำ-แดง แล้วล่ะ
ออสเตอร์ซุนด์ (2019)
มอร์ริสันหมดสัญญากับลาซิโออย่างเป็นทางการในเดือนกรกฏาคมปี 2018 ทำให้นี่เป็นครั้งแรกที่เขากลายเป็นนักเตะไร้สังกัดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ออกจากเวสต์แฮม
ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 สโมสรดังจากสวีเดน ออสเตอร์ซุนด์ได้ยื่นโอกาสให้เขาฝึกซ้อมกับทีมในช่วงพรีซีซั่นที่ มาร์เบลล่า ซึ่งตัวอดีตดาวรุ่งชาวอังกฤษก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม จนทีมมอบสัญญาระยะสั้น 6 เดือนให้กับเขาไปเป็นการตอบแทน
จากนั้นเขาก็ทำผลงานใช้ได้พอตัวและเข้ากับ เอียน เบิร์ชแนล กุนซือชาวอังกฤษได้เป็นอย่างดี (ที่มาแทน แกรแฮม พ็อตเตอร์) ในถิ่น แจมคราฟ์ท อารีน่า แต่ก็ได้ลงสนามแค่ 9 นัดเท่านั้น เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่รบกวนอยู่ไม่หาย เมื่อมาบวกกับค่าเหนื่อยที่สูงพอตัว ทำให้สโมสรตัดสินไม่ต่อสัญญากับเขาเพิ่ม และแยกทางกับทีมแดนไวกิ้งในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา