ล้มก่อนลุก! 5 กุนซือที่พ่ายนัดเปิดตัวแต่ประสบความสำเร็จภายหลัง

 

แฟรงค์ แลมพาร์ด เพิ่งประเดิมงานคุมทีมอย่างเป็นทางการนัดแรกกับ เชลซี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ด้วยการบุกไปปราชัยต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยับเยินถึง 0-4 ซึ่งก็แน่นอน นี่มันคือการออกสตาร์ทที่เปรียบเสมือนฝันร้ายสำหรับบรรดาผู้จัดการทีมหน้าใหม่ชัดๆ

 

อย่างไรก็ตาม แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่บางราย ก็มีจุดเริ่มต้นที่ไม่ได้สวยงามเช่นเดียวกับ แลมพาร์ด และต่อไปนี้ คือ 5 กุนซือที่เปิดฉากเกมแรกของตัวเองด้วยความพ่ายแพ้ แต่สามารถกลับมายืนได้อย่างสง่าผ่าเผยหลังกาลเวลาล่วงเลยไป

 

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

อ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด 2-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, 1986

 

 

การครองบัลลังก์ปีศาจแดงอย่างเกรียงไกรมายาวนานถึง 27 ปีของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่ได้มีจุดเริ่มต้นที่เป็นมงคลนัก เมื่อ จอห์น อัลริดจ์ และ นีล สแลตเตอร์ ซัดคนละประตูส่งให้จอมคนชาวสกอตต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ตั้งแต่เกมแรกในการกุมบังเหียน แมนฯ ยูไนเต็ด ที่สังเวียน อ็อกซ์ฟอร์ด มาเนอร์ กราวด์

 

แต่เมื่อสิ้นสุดช่วงเวลาของ เฟอร์กี้ บนถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด เจ้าตัวสามารถพาทีมคว้าแชมป์ไปได้ทั้งสิ้น 38 รายการ โดยเป็นแชมป์รายการสำคัญอย่างพรีเมียร์ลีก 13 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2 สมัย ส่วนทางฝั่ง อ็อกซ์ฟอร์ด ในเวลานี้ พวกเขากำลังผจญภัยอยู่ในลีกวัน ทั้งยังไม่มีแนวโน้มที่จะเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ได้ในอนาคตอันใกล้ด้วยซ้ำ

 

ดังนั้น มันก็คงไม่ผิดนัก หากจะใช้ประโยคที่ว่า “พ่ายศึกแต่ชนะสงคราม” กับตำนานกุนซือแห่งโลกลูกหนังรายนี้

 

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า (บาร์เซโลน่า)

นูมานเซีย 1-0 บาร์เซโลน่า, 2008

 

 

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในวัย 37 ปี ที่เพิ่งมีประสบการณ์ในฐานะกุนซือเพียงปีเดียวกับ บาร์เซโลน่า บี ถูกดันขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่ในฤดูกาล 2008-09 และเขาต้องพุ่งชนกับความปราชัยตั้งแต่เกมแรกให้กับทีมน้องใหม่อย่าง นูมานเซีย มิหนำซ้ำในนัดต่อมา เจ้าตัวยังพาทีมทำได้แค่เสมอกับ ราซิ่ง ซานตานแดร์ ที่ คัมป์ นู อีกต่างหาก

 

แต่หลังจากนั้นอีก 20 เกม เป๊ป นำอาซูลกราน่าเดินหน้ากวาดชัยได้ถึง 19 นัด พร้อมจบซีซั่นดังกล่าวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเหมาหมด 3 แชมป์ ทั้ง ลาลีก้า , โกปา เดล เรย์ และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ซึ่งจนถึงตอนนี้ คิดว่าคงไม่มีใครสงสัยในตัวของนายใหญ่เรือใบสีฟ้าคนปัจจุบันแล้ว

 

จุ๊ปป์ ไฮย์เกส (บาเยิร์น มิวนิค)

บาเยิร์น มิวนิค 0-1 โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค, 2011

 

 

จุ๊ปป์ ไฮย์เกส มีช่วงเวลาในการเข้ามาคุม บาเยิร์น มิวนิค 4 หน แต่การกุมบังเหียนรอบที่ 3 ในระหว่างปี 2011-2013 คือครั้งที่ประสบความสำเร็จที่สุดของเจ้าตัว ด้วยการพาทีมซิวทริปเปิ้ลแชมป์ทั้ง บุนเดสลีก้า , เดเอฟเบ โพคาล และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ในฤดูกาล 2012-13

 

แต่จุดเริ่มต้นสู่ความยิ่งใหญ่ก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ใจนึก เมื่อขรัวเฒ่าวัย 66 ปีในเวลานั้น นำยอดทีมจากบาวาเรียพ่ายให้กับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 0-1 ตั้งแต่เกมเปิดตัว และจบซีซั่นแรกอย่างน่าเจ็บใจด้วยการเป็นพระรองทั้งสามถ้วยสำคัญ ก่อนที่ปีต่อมา ไฮย์เกส จะสามารถพา บาเยิร์น สร้างประวัติศาสตร์อย่างที่กล่าวไปข้างต้น

 

เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน (นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด)

เชลซี 1-0 นิวคาสเซิ่ล, 1999

 

 

31 ปีผ่านไป นับตั้งแต่ที่ บ็อบบี้ ร็อบสัน ชิมลางงานกุนซือครั้งแรกกับ ฟูแล่ม เจ้าตัวก็ได้มีโอกาสหวนกลับมายังสโมสรที่ตัวเองตามเชียร์ตั้งแต่วัยเด็กอย่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในฐานะผู้จัดการทีม

 

อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่การออกสตาร์ทแบบที่วาดฝัน เมื่ออดีตนายใหญ่ทีมชาติอังกฤษนำทีมบุกพ่ายสิงโตน้ำเงินครามที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ พร้อมพาทีมจมท้ายตารางด้วยการแพ้ไปถึง 6 จาก 7 นัดแรก แต่การคว้าชัยแบบถล่มทลายเหนือ เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 8-0 ในเกมถัดมา ถือเป็นการปลดล็อคครั้งสำคัญในการก้าวสู่ยุคใหม่ภายใต้ร่มเงาของ ร็อบสัน

 

แม้ท้ายที่สุดแล้ว กุนซือผู้ล่วงลับจะไม่สามารถช่วยให้ นิวคาสเซิ่ล คว้าแชมป์รายการใดได้เลย แต่ผลงานการพาทีมเล็กๆอย่าง เดอะ แม็กพายส์ บินสูงได้อย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่กุมบังเหียน ก็ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเหล่า ทูน อาร์มี่ ไปแล้วเรียบร้อย

 

เอ็ดดี้ ฮาว (บอร์นมัธ)

ดาร์ลิงตัน 2-1 บอร์นมัธ, 2009

 

 

เอ็ดดี้ ฮาว ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมขัดตาทัพของ บอร์นมัธ แทนที่ จิมมี่ ควินน์ ในเดือนมกราคมปี 2009 ทั้งที่ขณะนั้น เจ้าตัวมีอายุเพียง 32 ปี และยังไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมมาก่อนเลย

 

แม้เทรนเนอร์ผู้เปรียบเสมือนลูกหม้อของสโมสร จะนำต้นสังกัดแพ้ในสองเกมแรกของการทำหน้าที่ แต่เขาก็ยังได้รับสัญญาถาวรจากทีม โดยในช่วงเวลาดังกล่าว เดอะ เชอร์รี่ มีคะแนนห่างจากโซนปลอดภัยถึง 17 คะแนน แต่เมื่อจบฤดูกาล เจ้าตัวกลับสามารถพาทีมรอดตกชั้นได้อย่างเหลือเชื่อ และในซีซั่นต่อมา กุนซือหนุ่มยังจัดการนำต้นสังกัดเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกวันได้อีกด้วย

 

และก็เป็น ฮาว ผู้นี้เอง ที่เสก บอร์นมัธ ให้ขึ้นมายืนอยู่บนเวทีพรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรเมื่อปี 2015 ทั้งยังสามารถพาทีมยืนหยัดบนลีกสูงสุดได้จวบจนปัจจุบัน