ในยุค 90… สถาบันลูกหนังของ ลิเวอร์พูล ได้สร้างยอดนักเตะขึ้นมาเฉิดฉายในทีมชุดใหญ่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด , ไมเคิ่ล โอเว่น , ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ , เจมี่ คาร์ราเกอร์ หรือ สตีฟ แม็คมานามาน
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กลับมีดาวรุ่งเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทะลุขึ้นมาแจ้งเกิดกับ ลิเวอร์พูล ได้ ดั่งเช่นแกนหลักในทีมชุดปัจจุบัน ที่มีแค่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาโนลด์ รายเดียวที่ถือเป็นผลผลิตจากอะคาเดมี่ของสโมสร ส่วนเด็กคนอื่นๆที่เหลือก็ต้องโบกมือลาเพื่อโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพการค้าแข้ง
และต่อไปนี้ คือ 5 นักเตะจากโรงเรียนหงส์แดงวิทยาคมที่กำลังสยายปีกอยู่กับสโมสรอื่นหลังก้าวออกมาจากรั้ว แอนฟิลด์
มิเกล ซาน โฆเซ่ (แอธเลติก บิลเบา)
ลิเวอร์พูล เซ็นสัญญาคว้าตัว มิเกล ซาน โฆเซ่ มาจาก แอธเลติก บิลเบา เมื่อปี 2007 แต่ในขณะที่ยังไม่ได้ปรากฏตัวให้กับทีมชุดใหญ่เลยสักนัด เขาก็ถูกส่งกลับไปให้ บิลเบา ยืมตัวในฤดูกาล 2009-10 ก่อนที่ยอดทีมจากแคว้นบาสก์จะทำการซื้อขาดในปี 2010
ปัจจุบัน ซาน โฆเซ่ อายุ 30 ปี และลงเล่นให้กับ บิลเบา ไปแล้วถึง 385 นัด ยิงได้ 37 ประตู โดยเขาถือเป็นกองกลางตัวรับที่รักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างคงเส้นคงวามาตลอด และหลายๆครั้งก็ยังสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจในการถอยลงไปเล่นเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟแก้ขัดอีกต่างหาก
ด้วยผลงานที่แสดงออกมา ทำให้ดาวเตะสแปนิชเคยถูกเรียกตัวติดธงกระทิงดุในปี 2014 และได้รับโอกาสลงสนามรับใช้ทีมชาติไปทั้งสิ้น 7 นัด พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของทัพลา โรฆ่าเมื่อครั้งที่ลุยศึก ยูโร 2016 ด้วย
ปีเตอร์ กูลัคซี่ (แอร์เบ ไลป์ซิก)
ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะทุ่มเงินคว้าตัว อลิสซอน เบ็คเกอร์ มาร่วมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว ด้วยค่าตัวถึง 67 ล้านปอนด์ พวกเขาทนใช้งานนายด่านที่ไว้ใจไม่ได้มาหลายปี ทั้งที่สามารถมอบโอกาสให้ ปีเตอร์ กูลัคซี่ ลองพิสูจน์ตัวเองได้
จอมหนึบชาวฮังกาเรี่ยน ย้ายเข้ามาค้าแข้งบนถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อปี 2007 ก่อนที่จะถูกปล่อยยืมตัวไปให้กับ เฮียร์ฟอร์ด ยูไนเต็ด , ทรานเมียร์ โรเวอร์ และ ฮัลล์ ซิตี้ ซึ่งท้ายที่สุด เขาก็โดนขายไปให้กับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก โดยที่ยังไม่ได้ลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่เลยสักนัด และที่ออสเตรีย เจ้าตัวสามารถพาต้นสังกัดซิวดับเบิ้ลแชมป์ในประเทศได้ทั้งสองฤดูกาลที่เฝ้าเสาให้กับทีม จนถูก แอร์เบ ไลป์ซิก ดึงตัวไปเสริมทัพในเวลาต่อมา
กูลัคซี่ เป็นนายทวารตัวเลือกแรกของทีมตั้งแต่มาถึง และลงเล่นให้กับ ไลป์ซิก ไปแล้วทั้งสิ้น 135 นัด โดยในช่วงเวลาที่เขาอยู่กับสโมสร มือกาววัย 29 ปี เป็นส่วนสำคัญที่พาต้นสังกัดเลื่อนชั้นขึ้นสู่บุนเดสลีก้าในฤดูกาล 2016-17 รวมถึงการช่วยให้ทีมคว้าตั๋วไปเล่น แชมเปียนส์ ลีก ได้สองครั้งในสามปีที่ ไลป์ซิก โลดแล่นบนลีกสูงสุดเมืองเบียร์
คอเนอร์ คัวดี้ (วูล์ฟแฮมป์ตัน)
คอเนอร์ คัวดี้ ถือเป็นเด็กท้องถิ่นของ ลิเวอร์พูล ที่เข้าร่วมกับสโมสรตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเจ้าตัวเริ่มเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับกับทีมเยาวชน และได้รับโอกาสลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ด้วย 2 นัด ก่อนที่จะย้ายออกจากถิ่น แอนฟิลด์ แบบถาวรในปี 2014 เพื่อไปอยู่กับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์
หลังผ่านไป 1 ปีในการค้าแข้งกับ เดอะ เทอร์เรียส์… วูล์ฟแฮมป์ตัน ก็จัดการคว้าตัว คัวดี้ ไปร่วมทัพ โดยในสองซีซั่นแรกกับพลพรรคหมาป่า ดาวเตะเลือดผู้ดีเล่นในบทบาทกองกลาง แต่เมื่อกุนซือคนปัจจุบันอย่าง นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ ก้าวเข้ามากุมบังเหียนในปี 2017 เขาก็ถูกถอยลงไปเล่นเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟตัวกลางในแผนการเล่นแบบสามแนวรับ
คัวดี้ กลายเป็นสมาชิกคนสำคัญในแผงแบ็คทรีของนายใหญ่ชาวโปรตุกีส พร้อมติดทีมยอดเยี่ยมของ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ในฤดูกาล 2017-18 นอกจากนี้ เมื่อ วูล์ฟ เลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกในปีต่อมา เจ้าตัวก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีม และจบซีซั่นดังกล่าวด้วยการพาต้นสังกัดคว้าโควต้าลุย ยูโรปา ลีก ได้ตั้งแต่ปีแรกที่กลับมาวาดลวดลายบนลีกสูงสุด แบบที่ตัวเขาไม่พลาดการลงสนามเลยสักนาทีเดียว
โดยในปัจจุบัน ปราการหลังวัย 26 ปี ยังคงสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน จนมีกระแสรบเร้าให้ แกเร็ธ เซาธ์เกต เรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษในอนาคตอันใกล้ด้วย
ซูโซ่ (เอซี มิลาน)
เมื่อปี 2010 ลิเวอร์พูล เดินทางไปสอย ซูโซ่ มาจากทีมในลีกรองของสเปนอย่าง คาดิซ ซึ่งในขณะนั้น เจ้าตัวตกเป็นเป้าสนใจจากสองยักษ์ใหญ่แดนกระทิงอย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า อยู่ด้วย โดยแนวรุกสแปนิช ได้รับโอกาสลงประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของหงส์แดงในปี 2012 และได้เล่นไป 20 นัดในซีซั่นเปิดตัว ก่อนที่จะถูกปล่อยไปให้กับ อัลเมเรีย ยืมตัวในฤดูกาล 2013-14
แต่เมื่อกลับมาจากบ้านเกิด เขาดันต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เนื่องจากไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก่อนที่จะถูกขายไปให้กับ เอซี มิลาน ในเดือนมกราคมปี 2015 ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้มีช่วงเวลาที่ดีนักในการเริ่มต้นกับรอสโซเนรี่ และถูกปล่อยไปให้กับ เจนัว ยืมตัวในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2015-16
อย่างไรก็ตาม หลังกลับมาจากการฝึกวิชาที่เจโนวา ซูโซ่ ก็สถาปนาตัวเองกลายเป็นแกนหลักของปีศาจแดงดำทันที โดยปีกวัย 25 ปี ลงสนามในสีเสื้อ มิลาน ไปแล้วทั้งสิ้น 137 เกม พร้อมฝากผลงานไว้ที่ 23 ประตู 31 แอสซิสต์ และเป็นพลังขับเคลื่อนในแนวรุกที่ทีมขาดไม่ได้ในเวลานี้
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป็นนักเตะคนเดียวในลิสต์นี้ที่ ลิเวอร์พูล ไม่ได้ขายด้วยความเต็มใจ สโมสรต้องการเขา แต่เจ้าตัวปฏิเสธที่จะต่อสัญญาฉบับใหม่ และพยายามบีบให้ต้นสังกัดปล่อยตัว จนได้ย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สมใจเมื่อปี 2015
แม้ สเตอร์ลิ่ง จะมีฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นกับ แมนฯ ซิตี้ ตั้งแต่ช่วงแรก แต่ในแง่ของจำนวนประตู เขาซัดไปเพียง 21 ลูก จาก 94 นัด ในสองซีซั่นแรกที่ค้าแข้งบนถิ่น เอติฮัต สเตเดียม อย่างไรก็ตาม หลังการมาถึงของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในฤดูกาล 2017-18 สตาร์ทีมชาติอังกฤษก็ได้รับการตีบวกขึ้นไปอีกขั้น โดยเขาจัดการกดไปถึง 23 ประตูในซีซั่นดังกล่าว และซัดเพิ่มเป็น 25 ประตูในปีต่อมา
ทำให้เวลานี้ ดาวเตะวัย 24 ปี ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในแนวรุกที่เก่งที่สุดของโลกไปเรียบร้อย โดยเจ้าตัวทำไปแล้ว 75 ประตู 65 แอสซิสต์ จาก 195 นัดที่ลงเล่นภายใต้ยูนิฟอร์มเรือใบสีฟ้า รวมถึงคว้าแชมป์รายการสำคัญร่วมกับต้นสังกัดไปแล้วถึง 6 ถ้วยด้วยกัน ทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดอยู่เพียงเท่านี้อีกต่างหาก