ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา มีนักเตะมากหน้าหลายตาที่บอกลาสโมสรเก่าของตนเองและย้ายไปค้าแข้งกับต้นสังกัดใหม่ที่อยู่ในต่างแดน พร้อมด้วย 108 เหตุผลที่เป็นสาเหตุให้พวกเขาย้ายทีมไป
บางคนอาจต้องการย้ายเพื่อโอกาสประสบความสำเร็จชีวิตค้าแข้งที่ดีกว่าเดิม บางคนอาจย้ายเนื่องจากไม่มีโอกาสลงสนามหรือไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของกุนซือทีม หรือไม่สามารถตกลงสัญญาใหม่กับสโมสรนั้นได้ ก็สุดแล้วแต่เหตุผลของแต่ละคนในวงการลูกหนัง
แต่บางครั้งการย้ายทีมใหม่ก็มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเหมือนกัน นอกจากจะได้โอกาสลงเล่นที่มากขึ้น หรืออนาคตที่สดใสในอาชีพค้าแข้งที่มากขึ้น พวกเขาเหล่านั้นอาจจะโชคดีได้ย้ายไปเล่นในลีกหรือรายการบอลถ้วยที่ใหญ่กว่าเดิม อย่างเช่น อเล็กซิส ซานเชซ ที่ย้ายจากแมนยูไนเต็ด มาอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน
นั่นทำให้เขาจะได้กลับไปโชว์ฝีเท้าในรายการยูฟ่า แชมเปี้ยน์ลีก อีกครั้ง ทั้งๆที่ความจริง เขาควรจะได้เล่นแค่ยูโรป้า ลีก ในฤดูกาลใหม่เท่านั้น หากยังอยู่นในแมนเชสเตอร์ต่อไป เช่นเดียวกับ โรเมลู ลูกากู อดีตเพื่อนร่วมทีมในปีศาจแดง
และนี่คือ 7 แข้งดังบุญหล่นทับที่ได้โอกาสไปโชว์ฝีเท้าในแชมเปี้ยนส์ลีกกับทีมใหม่แทนที่จะเป็นในศึกยูโรป้า ลีก กับต้นสังกัดเดิม
โรเมลู ลูกากู (แมนยู ไป อินเตอร์)
เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดในอาชีพค้าแข้งของ โรเมลู ลูกากู หลังประสบปัญหาฟอร์มตกอย่างมาก บวกกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น ยิ่งทำให้กองหน้าชาวเบลเยี่ยมทำอะไรก็ดูขัดหูขัดตาแฟนปีศาจแดงไปเสียหมด
แต่ช่วงเวลาอันเลวร้ายน่าจะจบลงแล้ว หลังอดีตหัวหอกเชลซี, เอฟเวอร์ตัน ได้ย้ายไปค้าแข้งกับอินเตอร์ มิลาน และรวมงานกับ อันโตนิโอ ค้อนเต้ กุนซือที่หมายปองต้องการลูกากูมานานตั้งแต่ตอนคุมทีมอยู่สิงห์บลู ซึ่งตัวของแข้งวัย 26 ปีก็ไม่ทำให้เจ้านายผิดหวัง หลังลดน้ำหนักตัวได้ตามที่สโมสรกำหนดไว้ พร้อมกับซัดประตูแรกในเซเรียอาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อเล็กซิส ซานเชซ (แมนยู ไป อินเตอร์)
ตลอด 18 เดือนเศษๆที่ อเล็กซิส ซานเชซ ค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด น้อยครั้งมากที่เขาจะได้ทำผลงานได้เป็นชิ้นเป็นอัน หรือโชว์ฟอร์มได้ประทับใจแฟนบอลปีศาจแดง ซ้ำร้ายไปกว่านั้น การที่เขาได้รับค่าเหนื่อยมหาศาลกว่า 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์จากฟอร์มการเล่นแบบนี้ (500,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์หากนับรวมโบนัส ) ยิ่งทำให้เขาถูกมองว่าเป็นต้นเหตุทำให้สปิริตของทีมเสียอีกต่างหาก
แต่ด้วยดีกรีที่เคยค้าแข้งกับบาร์เซโลน่า ซึ่งพาทีมคว้าแชมป์มากมาย รวมไปถึงผลงานกับทีมชาติชิลี ทำให้แข้งวัย 30 ปียังมีทีมดังในยุโรปสนใจคว้าตัวไปร่วมทีมอยู่เช่นกัน ก่อนที่ท้ายที่สุด เขาจะย้ายไปซบ อินเตอร์ มิลาน แบบยืมตัว ตามหลังเพื่อนเก่าอย่าง โรเมลู ลูกากู ที่ย้ายไปร่วมทีมงูใหญ่ ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
อันเดร์ เอร์เรร่า (แมนยู ไป เปแอชเช)
อีกหนึ่งแข้งปีศาจแดงที่เก็บกระเป๋าลาทีมในซัมเมอร์นี้ อันเดร์ เอร์เรร่า เลือกย้ายไปอยู่ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยอดทีมมหาอำนาจแห่งลีกเอิง ฝรั่งเศส หลังตัวเขาไม่ได้รับสัญญาใหม่จากสโมสร โดยเซ้นสัญญากันยาวถึง 5 ปีเลย
นั่นทำให้เอาแฟนปีศาจแดงหงุดหงิดไม่น้อยที่ต้องเห็นนักเตะขวัญใจของพวกเขา ลาโรงละครแห่งความฝันไปง่ายๆ อย่างไรก็ตาม ก็ยังพอมีสาเหตุอธิบายในเรื่องที่สโมสรไม่ยอมต่อสัญญากองกลางชาวสแปนิช เนื่องจากเอร์เรร่าต้องการขอค่าเหนื่อยมากเกินไป จากเดิม 80,000 ปอนด์ เป็น 350,000 ปอนด์ หรือมากถึง 5 เท่าจากค่าเหนื่อยเดิมที่ได้รับ
ปาโบล ซาราเบีย (เซบีย่า ไป เปแอชเช)
ปาโบล ซาราเบีย กลายเป็นนักเตะตัวหลักของ เซบีย่าในทันที นับตั้งแต่ย้ายจากเกตาเฟ่มาในปี 2016 และประสานงานกับเพื่อนๆในแนวรุกได้เป็นอย่างดี จนในฤดูกาลที่ผ่านมาเขายิงไป 12 ประตูในลีก เป็นรองแค่ วิสซาม เบน เยแดร์ เท่านั้น (18 ประตู) แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถทำอันดับไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกตามที่หวังได้ แถมอกหักเป็นรองแชมป์ตลอดทุกรายการที่เขาเข้าชิงกับทีม (โคปา เดล เรย์ 2018, สแปนิช ซุปเปอร์ คัพ 2016, ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ 2016)
นั่นทำให้กองกลางตัวรุกวัย 27 ปีตัดสินใจย้ายไปค้าแข้งเพื่อหาความสำเร็จให้ตัวเองอีกครั้ง โดยได้ย้ายมาอยู่เปแอชเชในซัมเมอร์นี้ เซ็นยาว 5 ปี และดูเหมือนว่าเรื่องดีๆจะเกิดขึ้นกับซาราเบียไม่หยุดยามอยู่เมืองหลวงแดนน้ำหอม หลังล่าสุดเขาถูก โรแบร์โต้ โมเรโน่ เรียกชื่อติดทีมชาติสเปนชุดใหญ่เป็นครั้งแรกด้วย
ลูก้า โยวิช (ไอน์ทรัค แฟรงเฟิร์ต ไป เรอัล มาดริด)
ในบรรดากองหน้าดาวรุ่งในยุโรปคงไม่มีนักเตะคนไหนโชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงไปกว่า ลูก้า โยวิช อีกแล้ว เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา หลังซัดไป 27 ลูก กับอีก 7 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 48 นัดในทุกรายการ กับไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ไปไกลถึงรอบตัดเชือกของยูโรป้า ลีกในปีที่แล้วด้วย
ด้วยฝีเท้าและลีลาทำประตูที่โดดเด่น ไม่แปลกที่หัวหอกหนุ่มชาวเซิร์บจะได้รับความสนใจจากทีมยักษ์ในยุโรปมากมาย ก่อนท้ายที่สุด เขาจะได้ย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 60 ล้านยูโร แต่ตอนนี้ โยวิชคงต้องเร่งหาฟอร์มเก่งให้เจอเหมือนสมัยอยู่อินทรีแดงดำให้ได้ เมื่อตกเป็นกองหน้าเบอร์สำรองของทีมไป หลังไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งของ คาริม เบนเซม่า กองหน้าจอมเก๋าของทีมได้ในตอนนี้
อารอน แรมซี่ย์ (อาร์เซน่อล ไป ยูเวนตุส)
ด้วยการเจรจาที่ยื้ดเยื้อส่งผลการต่อสัญญาฉบับใหม่ของอาร์เซน่อล และ แรมซี่ย์ ไม่เป็นไปตามที่แฟนบอลปืนใหญ่คาดหวังไว้ และหลายคนต่างทำใจไว้แล้วว่าอาจจะเสียเขาไปฟรีๆ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังแข้งชาวเวลส์ประกาศลาทีมอย่างเป็นทางการทันทีจบฤดูาล 2018-19 ปิดฉากเส้นทางค้าแข้งกับทีมมานานกว่า 11 ปี
สถานีต่อไปของกองกลางชาวเวลส์ก็คือ ยูเวนตุส ทีมดังจากเซเรียอาที่มีข่าวเชื่อมโยงกันตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ โดยทันทีที่เปิดตัวกับต้นสังกัดใหม่ แข้งวัย 28 ปีก็เผยถึงสาเหตุที่เลือกซบทีมม้าลายว่า ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาตร์ของสโมสร และเป็นโอกาสที่ยากจะปฏิเสธจริงๆ
ธอร์แกน อาซาร์ (มึนเช่นกลัดบัค ไป ดอร์ทมุนด์)
แม้จะมีนามสกุลอาซาร์ห้อยท้าย แต่แน่นอนว่าชื่อของ ธอร์แกน อาซาร์ กลับเป็นที่รู้จักในฐานะน้องชายของ เอเด็น อาซาร์ เท่านั้น ในตอนที่ย้ายมาค้าแข้งกับเชลซี แต่วาช่วงที่ ธอร์แกน ถูก โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ยืมตัวไปใช้งาน ในปี 2014 แฟนบอลหลายคนเริ่มหันมาสนใจในตัวเขามากขึ้น ก่อนจะถูกทีมสิงห์หนุ่มซื้อขาดถาวรมาในปี 2015 หลังทำผลงานได้เข้าตา
หลังจากเก็บสะสมประสบการณ์และชื่อเสียงพอสมควรในบุนเดสลีก้า โบรุสเซีย ดอร์มมุนด์ ทีมดังเมืองเบียร์ที่ต้องการเสริมทีมเพื่อกลับไปคว้าแชมป์ลีกอีกครั้ง ซึ่งเล็งเห็นศักยภาพของอาซาร์คนน้องที่โชว์ให้เห็นมานาน ทำให้เขาได้ย้ายมาร่วมทัพเสือเหลืองด้วยค่าตัว 25.5 ล้านยูโร มีระยะเวลา 5 ปี โดยเป็นเวลาเดียวกับที่ ยูเลี่ยน บรันท์ ย้ายจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาค้าแข้งในถิ่นซึกนัล อิดูน่า ปาร์ค พอดี
