หลังจากเหตุการณ์ที่มาเน่ มีอาการหัวร้อนตอนโดนเปลี่ยนตัวออกในเกมชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-0 ทำให้เจ้าตัวแสดงความไม่พอใจใส่ซุ้มม้า
นั่งทันที จนแฟนบอลต่างเป็นกังวลถึงความสัมพันธ์ภายในทีม แม้ว่าตัวกุนซืออย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ จะออกมาคลายความวิตกของ
แฟนๆแล้วก็ตาม
แต่อย่างไรก็ดี การระเบิดอารมณ์ของมาเน่นั้น ยังดูไม่ร้ายแรงนักเมื่อเทียบกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เมื่อนักเตะไม่พอใจการก
ระทำของเพื่อนร่วมทีมจนเกิดเป็นการวางมวยกันในสนาม วันนี้ UFA ARENA จะขอพาทุกคนไปย้อนดูเหตุการณ์สุดเดือด ปล่อย
หมัดใส่เพื่อนร่วมทีมคาสนาม
แพร์ เมแตร์ซัคเกอร์ VS เมซุต โอซฺล
มาเริ่มกันที่คู่เบาๆที่ไม่ถึงกับสาวหมัดใส่กันในสนา เพียงแค่มีการต่อว่ากันเล็กน้อย เมื่อย้อนไปในปี 2013 ในเกมที่อาร์เซน่อล บุกไป
แพ้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้แบบยับเยินถึง 6-3 ในช่วงเวลาหลังจบเกมที่เหล่านักเตะปืนโตต้องเดินไปขอบคุณแฟนบอลที่อุตส่าห์
เดินทางมาเชียร์ทีมรักแม้ว่าจะแพ้
เรื่องดูเหมือนจะไม่มีอะไรกับแค่การเดินขอบคุณแฟนบอล แต่ก็เกิดประเด็นที่ เมซุต โอซิล กองกลางตัวรุกทีมชาติเยอรมัน ที่ผิดหวัง
กับผลงานกลับไม่ยอมเดินไปขอบคุณแฟนบอล จนแพร์ เมแตร์ซัคเกอร์ ปราการหลังเพื่อนร่วมทีมถึงกับเดินไปชี้หน้าต่อว่าอย่างหนัก
ซึ่งหลังจบเกม อาร์เซน เวนเกอร์ ก็ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า “พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงพวกเขาหรอก เพราะเรื่องทั้งหมด แพร์กับเม
ซุต จะเป็นคนเคลียร์กันเอง”
เจมี่ คาร์ราเกอร์ VS อาร์เบลัว
นี้เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่แสดงถึงความตั้งใจและทุ่มเทของปราการหลังอย่าง เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่เกิดขึ้นในเกมกับ เวสต์บรอมวิช เมื่อ
ปี 2009 มีจังหวะที่ อาร์เบลัว เกิดหลุดตำแหน่งทำให้นักเตะอีกฝั่งหลุดตัวประกบมาได้และเกือบจะทำให้ทีมเสียประตู จนแข้งทีม
ชาติอังกฤษ เข้าไปต่อว่าอาร์เบลัวอย่างหนักจนเกือบกลายเป็นการปะทะ
อย่างไรก็ตามหลังจบเกมคาร์ราเกอร์ก็ได้ออกมาอธิบายถึงความเดือดดาลในจังหวะนั้นว่า ตนแค่อยากให้เปเป้ เรน่า เก็บคลีนชีทได้
และคว้ารางวัล โกลเด้น โกลฟไปครอง แม้ว่าสุดท้ายแล้วรางวัลดังกล่าวจะตกไปเป็นของ เอ็ดวิน ฟานเดอซาร์ ของแมนเชสเตอร์
ยูไนเต็ดก็ตาม
สตีฟ แม็คมานามาน VS บรู๊ซ กร็อบเบลล่า
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในเกมเมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ แมตช์ คู่ระหว่างลิเวอร์พูล เจอกับ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งมีความตึงเครียดสูงอยู่เป็นทุนเดิม และ
เมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ก็ย่อมมีการปะทะกันได้ง่าย แต่การปะทะครั้งนี้เป็นการวัดกันของเพื่อนร่วมทีมฝั่งลิเวอร์พูล
ในจังหวะที่ สตีฟ แม็คมานามาน เคลียบอลผิดพลาดจนเกือบเสียประตูให้กับทอฟฟี่สีน้ำเงิน ทำให้ บรู๊ซ กร็อบเบลาร์ นายทวารของ
ทีมเข้าไปต่อว่าอย่างดุเดือด ทั้งด่าทั้งผลักหน้าทำเอาแฟนบอลที่เข้ามาชมเกมเกือบได้ดูมวยแทน
เยนส์ เลห์มันน์ VS มาร์ชิโอ อโมโรโซ
ย้อนไปในปี 2003 ก่อนที่เยนส์ เลห์มันน์ จะย้ายมาเป็นตำนานกับทัพปืนโตเจ้าตัวเคยอยู่กับทัพเสือเหลือง ดอร์ทมุนน์ ในบุนเดสลี
กามาก่อน ซึ่งเจ้าตัวถูกเรียกว่า ‘ไอบ้าเยนส์’ เนื่องจากเขาเป็นนายด่านคนแรกในประวัติศาสตร์บุนเดสลีกา ที่โดนไล่ออกจากสนาม
ถึง 4ครั้ง ตลอดชีวิตการค้าแข้ง และสถิตินี้มันไม่ได้ถูกจารึกไว้จากการไปอัดใส่คู่แข่ง แต่เป็นการอัดพวกเดียวกันเอง
เกมนัดดังกล่าว ดอร์ทมุนน์ เสียประตูให้กับ ชาลเก้ไปก่อน และมือกาวเสือเหลืองมองว่ามันเป็นความผิดพลาดของ อโมโรโซ เพื่อน
ร่วมทีม ก่อนจะปรี่เข้าไปหาถึงกลางสนามเพื่อจะ สาดคำด่าใส่พร้อมผลักแข้งชาวบราซิลจนผู้ตัดสินต้องแจกใบแดงเขาออกไปพัก ที่
น่าตลกก็คือ ประตูดังกล่าวถูกตัดสินว่าไม่เป็นประตูเนื่องจากเป็นลูกล้ำหน้า แถมเกมยังจบลงด้วยสกอร์ 0-0 อีกต่างหาก
แกรม เลอ โซ VS เดวิด แบตตี้
ย้อนไปในปี 1995 ทัพกุหลาบไฟที่เพิ่งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีมาหมาดๆก็ต้องมาเล่นบนเวทียุโรป ซึ่งสมัยนั้นเรียกว่า ยูโรเปี้ยนคัพ เกม
ที่เจอกับ สปาร์ตัก มอสโค ได้เกิดเหตุการณ์ที่นักเตะของ แบล๊คเบิร์น เข้าปะทะกันเองที่ภายหลัง คนที่เป็นประเด็นอย่าง แกรม เลอ
โซ ได้ออกมาเผยว่าการปะทะในครั้งนี้ มีเชื้อไฟมาตั้งแต่ในสนามซ้อมแล้ว จากการผ่านบอลที่ผิดพลาด และมีการปะทะคารมกันมา
ตลอด จนมาประทุในเกมดังกล่าว
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดตั้งแต่ในนาทีที่ 4 ของการแข่งขัน เดวิด แบตตี้ ทำบอลเสียจนทำให้ แกรม เลอ โซ วิ่งปรี่เข้าไปสาวหมัด
ใส่เพื่อนร่วมทีมจน คนอื่นๆต้องเข้ามาห้ามทัพ และแม้ว่าทั้งคู่จะไม่โดนไล่ออกจากสนาม แต่แบล๊คเบิร์น ก็ยังเป็นฝ่ายแพ้ไปถึง 3-0
และตกรอบแบ่งกลุ่มไปในรายการนั้น
เฟร์นันโด ริคเซ่น VS วัลดิสลาฟ ราดิมอฟ
ประเด็นการเข้าปะทะกันของเพื่อนร่วมทีม มักเกิดขึ้นในเกมที่มีความตึงเครียดสูง แต่กรณีนี้ เกิดขึ้นในเกมกระชับมิตร ในช่วงปรีซีซั่น
ปี 2007 ระหว่าง เซนิต เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และมาลาก้า แข้งใหม่ป้ายแดงของฝั่งเซนิตฯอย่าง เฟร์นันโด ริคเซ่น เกิดอาการหัวร้อน
ใส่กัปตันทีมอย่าง วัลดิสลาฟ ราดิมอฟ ถึงขั้นวางมวยกันจนเกมต้องหยุด ก่อนที่ผู้ตัดสินจะมาแจกใบแดงให้ทั้งคู่ออกไปสงบสติ
อารมณ์ แถมเรื่องยังไม่จบแค่นั้น แม้ว่าจะโดนไล่ออกไปแล้ว แต่ริคเซ่นเองยังไม่จบ เดินไปหาเรื่อง ราดิมอฟต่อ จนสตาฟโค้ช ต้อง
เข้ามาจับแยก ก่อนที่ทั้งคู่จะออกมาขอโทษกันภายหลัง
อียัล เบอร์โควิช VS จอห์น ฮาร์ทสัน
นี้เป็นอีกหนึ่งกรณีที่ไม่ได้เกิดขึ้นในสนามแข่งทางการที่มีความกดดันใดๆ แถมยังเป็นแค่การซ้อมทั่วๆไปเท่านั้น ย้อนไปในปี 1998 ที่
สนามซ้อมของเวสต์แฮม ยูไนเต็ด จอห์น อาร์ทสัน ได้ไปเข้าสกัดหนักใส่ อียัล เบอร์โควิช จนล้มลงไปกอง แน่นอนว่ามันมาจาก
ความไม่ตั้งใจ ซึ่งเจ้าตัวก็ยื่นมือเข้าไปช่วยเพื่อนร่วมทีมที่กองอยู่กับพื้น แต่ด้วยความหงุดหงิดทำให้เบอร์โควิช ซัดหมัดเข้าไปที่ขา
ของดาวเตะชาวเวลส์ ทำเอาเจ้าตัวทิ้งความตั้งใจที่จะเข้าไปช่วย เปลี่ยนเป็นลูกเตะเข้าไปที่หัวของเพื่อนหัวร้อนรายนี้เข้าไปเต็มๆจน
ทำให้ เบอร์โควิช ถึงกับกินอะไรไม่ได้เลยไปสองวันเต็มๆ
หลังจากนั้น ฮาร์ทสัน ก็โดนสโมสรแบนไป3นัด และปรับอีก 20,000 ปอนด์ แถมเบอร์โควิชเองก็ออกมาพูดถึงเหตุการณ์นี้แบบ
ติดตลกว่า ถ้าเขาเป็นลูกบอลคงเข้าไปนอนก้นตาข่ายแล้ว และแม้ว่าจะไม่มีการขอโทษออกมาผ่านสื่อ แต่ทั้งคู่ก็ถ่ายรูปคู่กันมาเป็น
เครื่องยืนยันว่าคืนดีกันแล้ว
เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ VS นิคลาส เบนด์ทเนอร์
ย้อนไปในเกมลอนดอนดาร์บี้บนเวทีลีกคัพ เมื่อปี 2008 คู่ระหว่างอาร์เซน่อล ที่กำลังโดนสเปอร์สนำอยู่ถึง 4-0 สถานการณ์ตึง
เครียดสุดๆ อาร์เซน เวนเกอร์ เลือกที่จะส่ง เอ็มมานูเอล อาร์เดบายอร์ ลงสู่สนามเพื่อหวังสกอร์ ซึ่งเจ้าตัวก็ทำได้จริงๆในนาทีที่
65ของการแข่งขัน แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงการทำประตูตีไข่แตกของหอกชาวโตโก แต่เป็นการไปเฮดบัทใส่พวกเดียวกันต่างหาก
ในจังหวะที่ อเดบายอร์ ลงสู่สนามไม่รู้ว่าเจ้าตัวหัวร้อนเรื่องอะไร แต่ตรงไปที่ นิคลาส เบนด์ทเนอร์ ที่ในขณะนั้นเป็นดาวรุ่งที่เพิ่งขึ้น
มาจากทีมเยาวชนไม่นาน พร้อมเอาหัวโขกไปที่แข้งรุ่นน้อง ซึ่งสาเหตุหลักที่ถูกคาดกันว่าเป็นฉนวนเหตุในครั้งนี้ เกิดจากการที่ ดาว
ยิงชาวเดนมาร์ก ไม่ยอมถอดรองเท้าออกในห้องแต่งตัว ซึ่งเป็นกฏของทีม โชคยังดีที่เรื่องราวในครั้งนี้ อเดบายอร์เองไม่ได้ถูกลง
โทษใดๆ ส่วน เบนด์ทเนอร์ เองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บมากมาย
ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์ VS แอนดี้ กริฟฟิน
ในปี 2008อีกเช่นเคย ที่มีกรณีซัดกันเองของเพื่อนร่วมทีมในสนามคราวนี้เป็นทีของ สโต๊ค ซิตี้ ที่เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เวสต์
แฮม ที่ในเกมดังกล่าว พวกเขานำอยู่ 1-0 และกำลังจะจบเกมไปด้วยชัยชนะ พร้อมสามแต้มในมือ แต่จนแล้วจนรอด แอนดี้ กริฟฟิน
แนวรับกัปตันทีมเคลียบอลลูกง่ายๆไม่ขาด จนกลายเป็นสกอร์ของ ทีมเยือนบุกมาแบ่งแต้มไปได้สำเร็จ
หลังจากเสียประตูสำคัญ พวกเขาต้องมาเขี่ยลูกเล่นใหม่ กองหน้าของทีมอย่าง ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์ ็เกิดอาการหัวเสียกับประตูที่ผิด
พลาด ตรงเข้าไปหากัปตันทีมฝั่งตัวเอง ก่อนใช้มือตบเข้าไปที่หน้าเพื่อนร่วมทีมอย่างจัง จนคนอื่นๆในสนามต้องรีบเข้ามาห้ามทัพ
เอาไว้ และผู้ตัดสินก็ไล่ดาวยิงจาไมกาออกจากสนามไป พร้อมมีการแบน 3เกม ปรับอีก 20,000ปอนด์จากสโมสร
ลี โบว์เยอร์ VS คีออน ไดเออร์
นี้เป็นเหตุการณ์ที่นับว่าอื้อฉาวที่สุดในวงการฟุตบอลอังกฤษ เพราะก่อนหน้านี้เหตุการณ์มันไม่ชัดเจนมากนัก อย่างมากก็มีผลักกัน
บ้าง แต่รอบนี้เป็นการแลกหมัดกันในสนามอย่างโจ้งแจ้งระหว่าง ลี โบว์เยอร์ และ คีออน ไดเออร์ สองดาวเตะของนิวคาสเซิล
ย้อนไปในปี 2005 เกมคู่ระหว่าง นิวคาสเซิล พบ แอสตัน วิลล่า เกมมีความตึงเครียดสูงมาก เนื่องจากสาลิกาดง ตกเป็นฝ่ายตามหลัง
อยู่ แถมยังเหลือผู้เล่นแค่ 10คน จากการที่ สตีเว่น เทย์เลอร์ โดนไล่ออกไป ซึ่งในวันนั้น ดายเออร์ ที่ควรเป็นตัวทำเกมไปด้านหน้า
กลับเลือกส่งบอลคืนหลังในหลายๆจังหวะ แทนที่จะส่งให้กับ โบว์เยอร์เพื่อทำเกมรุก ทำให้เจ้าตัวเกิดความไม่พอใจ ตรงเข้าไปสาว
หมัดใส่หน้าอีกฝ่าย และแน่นอนไม่มีใครยอมใครเปิดฉากซัดกันเองนัวเนียจนเสื้อขาดยับ สุดท้ายทุกคนในสนามก็ต้องวิ่งมาห้ามกันวุ่
วาย ก่อนจะโดนไล่ออกกันทั้งคู่ และโดนโทษปรับเงินและถูกแบน 6 นัดจากเหตุการณ์ดังกล่าว