“ชาก้า” จุดอ่อนปืนจริงหรือ ?

 

“ชาก้า เป็นผู้เล่นประสบการณ์ ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ เขาทำแบบนี้ทุกสัปดาห์ โดยไม่เคยเรียนรู้เลย”

 

คำวิจารณ์ของ แกรี่ เนวิลล์ ที่ซัดใส่ กรานิต ชาก้า หลังดาวเตะทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ “โชว์โง่” เข้าสกัดจนทำให้ อาร์เซนอล ต้องเสียจุดโทษในเกมพบ สเปอร์ส

 

นับตั้งแต่ ชโคดราน มุสตาฟี่ โดนดร็อปจากทีมตัวจริง ยิ่งทำให้ความเฟอะฟะของดาวเตะเจ้าของฉายา “นิวชาบี อลอนโซ่” ยิ่งฉายแสงชนิดที่แค่เห็นชื่อแฟนบอลก็พร้อมที่จะร้อง “ยี้”

 

จริงอยู่สมัยเล่นให้กับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค เจ้าตัวอาจจะมีสถิติการทำฟาวล์ การโดนใบแดงที่ไม่ค่อยจะโสภานัก แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าจะโฉ่งฉ่างจัดมาแล้วถึง 5 จุดโทษในพรีเมียร์ลีก มากกว่าผู้เล่นคนใดๆ ในช่วงเวลาเดียวนับตั้งแต่ ชาก้า ย้ายมาอยู่พรีเมียร์ลีก

 

อันนี้ยังไม่นับข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ทั้งการส่งเสีย จับบอลลั่น หรือการถูกแย่งบอลในแดนตัวเอง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สร้างความงุดงิดใจให้กับสาวก “เดอะ กันเนอร์ส” มาโดยตลอด

 

เพื่อความเสมอภาคต่อการวิจารณ์อย่างมีข้อมูล วันนี้ผู้เขียนได้นำ ชาก้า มาเปรียบเทียบสถิติกับอีก 3 มิดฟิลด์ตัวรับที่เล่นให้กับทีมใหญ่ทั้ง ฟาบินโญ่, จอร์จินโญ่ และ โรดรี้ ที่น่าจะมีบทบาทหน้าที่ใกล้เคียงกัน

 

ลองหาดูหน่อยว่าจุดเด่น จุดด้อย ความแตกต่างอะไรบ้าง ที่จะชี้วัดว่า “ชาก้า เป็นจุดอ่อน” ของ อาร์เซนอลจริงหรือเปล่า ?

 

 

**เกมรับ**

 

– เป็นกลางรับที่ทำตัวเหมือนเซ็นเตอร์

 

วัดจากตัวเลขที่มีการเก็บสถิติใน 4 เกมแรกของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ การเล่นเกมรับ ชาก้า นับเป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่มีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกับอีก 3 คนค่อนข้างชัดเจน

 

ชาก้า มีค่าการเข้าสกัดบอล (Tackles) เฉลี่ย 1.7 ครั้ง หรือค่าการตัดบอล (Intercept) เฉลี่ย 0.3 ครั้ง ซึ่งน้อยมากๆ หากเทียบกับกองกลางตัวรับคนอื่นๆ ที่เฉลี่ยแล้วจะสกัดบอลประมาณ 3 ครั้ง และตัดบอลประมาณ 1 ครั้งต่อเกม

 

ทำไปทำมาจุดเด่นของ ชาก้า คือการถอยไปเคลียร์บอล (2.3) และบล็อกลูกยิง (1) มากกว่าเท่าตัวกับอีก 3 คนที่เหลือ ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า ชาก้า แทบจะไม่สามารถเบรกเกมให้กับทีมได้เลย

 

การมีค่าเคลียร์บอล หรือบล็อกบอลเยอะ เท่ากับว่าทีมถูกโจมตีเข้าไปในกรอบเขตโทษได้มาก ซึ่งพูดตามตรงคงไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน

 

– ชอบเสียฟาวล์โง่ๆ

 

เคยอ่านเจอมาว่าการเล่นเกมรับที่ดี ไม่จำเป็นต้องตัดฟาวล์เสมอไป การอ่านเกมที่ยอดเยี่ยม บวกกับการเข้าสกัดที่แม่นยำ คือตัววัดระดับที่ทำให้คุณเป็นผู้เล่นเกมรับที่ “เจ๋ง” กว่าคนทั่วไป

 

เช็กสถิติตรงนี้ทั้ง โรดรี้, ฟาบินโญ่ และ จอร์จินโญ่ ถือว่าทำได้ตอบโจทย์ เพราะเฉลี่ยต่อเกมฟาวล์ประมาณ 1.3 ครั้งเท่านั้น ผิดกับทาง ชาก้า ที่ต่อเกมฟาวล์สูงถึง 3.3 ครั้ง

 

เอาแค่เกมกับ สเปอร์ส เกมเดียว ชาก้า จัดไปเบาะๆ 7 ครั้ง ซึ่งเท่าที่ดูด้วยตาเปล่าหลายๆ ครั้งไม่มีความจำเป็นต้องตัดฟาวล์เลย แถมมีถึง 2-3 จังหวะที่เป็นการฟาวล์ในพื้นที่อันตราย และหนึ่งในนั้นก็คือการเสียลูกจุดโทษแบบไม่น่าเสียเลย

 

 

– ช่วยลูกกลางอากาศได้ดี

 

ข้อดีเพียงอย่างเดียวที่เห็นได้จากตัว ชาก้า ในการร่วมเล่นเกมรับ คือการที่เจ้าตัวรูปร่างสูงใหญ่ทำให้การรับมือกับการโจมตีทางอากาศ โดดเด่นกว่ามิดฟิลด์รายอื่นๆ ของ อาร์เซนอล

 

มิดฟิลด์วัย 26 ปีมีอัตราชนะลูกกลางอากาศ 2 ครั้งต่อ 1 เกมสูงเทียบเท่า โรดรี้ และดีกว่าทาง ฟาบินโญ่ (เกมเจอ เบิร์นลี่ย์ ชนะลูกกลางอากาศแค่ 29%) กับ จอร์จินโญ่ อย่างชัดเจน

 

อย่างเกมกับ สเปอร์ส จริงอยู่ว่าเขาจะแย่งโหม่งแพ้ แฮร์รี่ เคน จนทำให้ทีมเสียประตู แต่นั้นคือความผิดพลาดครั้งเดียวจากทั้งหมด 4 ครั้งตลอดทั้งเกม

 

เทียบกับ มัตเตโอ เกนดูซี่ หรือ ลูคัส ตอร์เรร่า ในเกมเดียวกัน ทั้งคู่แทบไม่ได้เข้าสู่สมรภูมิกลางอากาศเลยแม้แต่ครั้งเดียว

 

 

**เกมรุก**

 

– ไม่ใช่จอมคืนหลังอย่างที่คิด

 

นอกจากเกมรับที่โฉ่งฉ่างแล้วอีกจุดหนึ่งที่หากเอ่ยถึงชื่อของ ชาก้า ในสายตาของแฟนบอล อาร์เซนอล ก็คือตัวทำลายจังหวะเกมรุก เพราะคิดไรไม่ออกก็ส่งคืนกองหลังหรือผู้รักษาประตูตลอด

 

แต่เอาจริงๆ หากวัดจากสถิติมันไม่ใช่ ชาก้า คนเดียวเท่านั้นที่ชอบคืนหลัง อย่างเกมเจอ สเปอร์ส ตัวเลขหลังเกมยืนยันว่ากองกลางส่วนใหญ่มักที่จะเลือก “เพลย์เซฟ” ไว้ก่อนเสมอ

 

ชาก้า ส่งบอลถอยหลัง 8/69 ครั้ง, เก็นดูซี่ 11/58, ตอร์เรร่า 13/32 ขณะที่ มุสซ่า ซิสโซโก้ จาก “ไก่เดือยทอง” สถิติอยู่ที่ 11/38 (*ตัวเลขหลังคือการส่งบอลตลอดทั้งเกม)

 

ตรงนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับกัปตันทีม “ปืนใหญ่” ด้วย เพราะการส่งคืนหลังบ่อยๆ มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น นิสัยส่วนตัว, แท็กติกทีม หรือรูปเกมที่อาจจะโดนกดดันหนัก ฯลฯ

 

– คีย์พาสเยอะ แต่ยังไม่คุณภาพ

 

หากจะหาจุดเด่นที่สุดในตัว ชาก้า เชื่อเหลือเกินว่าหลายคนคงมองไปในทางเดียวกันก็คือเรื่องของการจ่ายบอลที่แม่นยำ เฉลี่ยต่อเกมเจ้าตัวจ่ายเข้าเป้าประมาณ 87.2% มี โรดรี้ เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้สูงกว่า

 

นอกจากนี้ ชาก้า ยังเป็นกองกลางที่สร้างโอกาสลุ้นประตูได้เยอะหากเทียบกับมิดฟิลด์ตัวรับทั่วไป นับแค่ 4 เกม เจ้าตัวทำ Key Passes ประมาณ 1.7 ครั้งต่อเกม ไกลเคียงหน่อยก็คือ ฟาบินโญ่ มาที่ 1.5 ครั้งต่อเกม

 

อย่างไรก็ตามตัวเลขตรงนี้ถือว่าเชื่อถือได้ยาก อย่างเกมเจอ สเปอร์ส ล่าสุด ชาก้า สร้างโอกาส 3 ครั้ง แต่ที่ติดอยู่ในไฮไลท์หลังเกม ก็มีแค่ลูกจ่ายให้ นิโคลัส เปเป้ ในครึ่งหลังเท่านั้นที่ดูจะลุ้นประตูได้จริงๆ

 

เชื่อว่าแฟนบอลหลายคนคงเคยได้เห็นคลิปที่ เธียร์รี่ อองรี วิจารณ์สไตล์การเล่นของ ชาก้า ว่าไม่ค่อยจะจ่ายลูกแบบกล้าได้กล้าเสียมากนัก ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

 

ลองมองย้อนไปยัง ฟาบินโญ่ ที่ทำไปแล้ว 1 แอสซิสต์ ยังดูสร้างโอกาสได้ลุ้นมากกว่า ประตู 3-0 ที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงใส่ อาร์เซนอล เมื่อสัปดาห์ก่อน ไปดูคลิปย้อนหลังก็มาจากกองกลางแซมบ้าที่เป็นคนจ่ายยาวมาให้เนี่ยแหละ

 

 

– เอาตัวรอดยอดแย่

ถ้าใครเป็นแฟนเว็บไซต์ ยูฟ่าอารีน่า น่าจะเคยผ่านตากับบทความ “เซบายอส นิวกาซอร์ล่า” ซึ่งเนื้อหาในนั้นมีการพูดถึงสถิติการเลี้ยงบอลของ อาร์เซนอล ที่ถอยหลังลงคลองนับตั้งแต่ กาซอร์ล่า บาดเจ็บ

 

ตรงนี้ ชาก้า มีส่วนสำคัญอย่างมาก เพราะเจ้าตัวเป็นนักเตะที่เอาตัวรอดในสถานการณ์คับขับไม่ได้เลย สถิติการเลี้ยงบอลผ่านถือว่าแย่มากๆ เพียง 0.3 ครั้งต่อเกมเท่านั้น

 

หลายครั้งเลยที่เราเห็น อาร์เซนอล เจอเพรสซิ่งสูงแล้วไปไม่เป็น กองกลางแทบเล่นกันไม่ได้ เพราะไม่มีเวลาให้คิด ไม่มีเวลาให้ตั้งบอล จนเป็นสาเหตุให้พวกเขาทำได้แต่คืนหลังไปวันๆ

 

**บทสรุป**

 

ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับถือว่าสำคัญมากๆ สำหรับฟุตบอลยุคใหม่ ดูอย่าง ลิเวอร์พูล ที่บินสูงในฤดูกาลที่ผ่านมา ก็เป็นเพราะพวกเขาได้ ฟาบินโญ่ เขามาเป็นนักเตะปิดทองหลังพระที่เด่นทั้งรับและรุก

 

อาร์เซนอล จะไม่มีวันประสบความสำเร็จเลยหากยังดันทุรังใช้ กรานิต ชาก้า เพราะเขามีข้อเสียทุกอย่างที่มิดฟิลด์ตัวรับไม่ควรจะมี ตัดบอลไม่ได้ สกัดเป็นฟาวล์ เอาตัวรอดไม่เก่ง แถมเป็นระเบิดเวลาที่พร้อมจะแจกโชคให้กับคู่แข่งได้เสมอ