ทัวร์นาเม้นต์ที่แฟนบอลทั่วโลกรอคอยทุกปีอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จะกลับมาโม่แข้งกันอีกครั้งในฤดูกาล 2019-20 ในวันอังคารนี้ หลังคัดเลือกจาก 300 ทีมให้เหลือเพียง 32 ทีมในรอบแบ่งกลุ่มนี้
ฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายได้ชูถ้วบิ๊กเอียร์ในบั้นปลายหลังเอาชนะคู่แข่งร่วมลีกอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ไป 2-0 ในนัดชิงเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยในปีนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือหงส์แดงตั้งเป้าว่าจะป้องกันและคว้าแชมป์สมัยที่ 7 มาให้ได้ แต่ก็ไม่ใช่งานง่ายเมื่อมีคู่แข่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่หวังคว้าแชมป์ในรายการนี้เช่นกัน รวมไปถึงทีมดังอย่าง บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค หรือ เปแอชเช ที่พร้อมจะแก้มือจากปีก่อน
เพื่อให้เขากับบรรยากาศของเกมยุโรปที่กลับมาแข่งขันกันในวันนี้ ทาง UFA ARENA ขอพาทุกท่านไปพบกับเรื่องราว 9 สิ่งที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลนี้ ว่าแต่มีอะไรบ้าง เชิญหาคำตอบได้ในบทความนี้เลยครับ
ฤดูกาลที่ 50 ในบอลยุโรปของ โลส บลังโกส
ในแชมเปี้ยนส์ลีกปีนี้ถือเป็นฤดูกาลที่พิเศษสำหรับเรอัล มาดริด มากๆ เนื่องจากนี่เป็นปีที่ 50 แล้วที่พวกเขามีส่วนร่วมในฟุตบอลรายการยุโรปถ้วยใหญ่และมากกว่าทีมไหนในประวัติศาสตร์ของทัวร์นาเม้นต์นี้
ยักษ์ใหญ่จากลาลีก้ายังครองสถิติเป็นผู้ที่คว้าแชมป์รายการนี้มากที่สุดด้วยสถิติ 13 สมัย พร้อมทั้งเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์ยุโรป 5 สมัยติดต่อกันในปี 1955 ถึง 1960 ซึ่งความสำเร็จที่พอจะใกล้เคียงเทียบยุคนั้นได้ก็คือการคว้าถ้วยหูยานได้ 3 ปีติดในฤดูกาล 2016-2018 ภายใต้การคุมทีมของซีเนดีน ซีดาน
ราชันชุดขาวเริ่มต้นฤดูกาลนี้ค่อนข้างลำบากตั้งแต่เกมแรก เมื่อมีคิวต้องออกไปเยือน เปแอชเช ในกลุ่ม A ซึ่งมีคลับ บรูช ตัวแทนจากเบลเยี่ยม และ กาลาตาซาราย ยอดทีมจากตุรกี อยู่ในกลุ่มเช่นกัน
ซีดานผู้ไร้พ่าย
แต่ถึงอย่างนั้น กุนซือโลส บลังโกส กำลังสร้างสถิติใหม่ในตัวเองในแชมเปี้ยส์ลีกฤดูกาลนี้ ด้วยการคว้าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 4 ในฐานะผู้จัดการทีม ซึ่งไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน และมีทำได้เต็มที่แค่ 3 ครั้งเท่านั้น โดยมีตัวของซิซูเอง, บ็อบ เพรสลี่ย กุนซือตำนานของลิเวอร์พูล และ คาร์โล อันเชล็อตติ ที่กำลังกุมบังเหียนนาโปลีอยู่ในตอนนี้
มากไปกว่านั้น อดีตเพลย์เมกเกอร์จอมพริ้วยังถือครองสถิติไม่เคยตกรอบในแชมเปี้ยนส์ลีกในฐานะผู้จัดการทีมมาก่อนด้วย
ยอดทีมจากสเปนถูก อาแจ็กซ์ เขี่ยตกรอบตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่กุนซือในตอนนั้นก็ยังเป็น ซานติอาโก้ โซลารี่ (รวมถึง ฆูเลน โลเปเตกี) หลังจากที่ซีดานลาออกแบบช็อคแฟนบอลในช่วงซัมเมอร์ปี 2018 กอ่นจะหวนกลับมาคืนถิ่นซานติอาโก้ เบอร์นาเบว อีกครั้ง หลังตกรอบไม่นาน
ทีมที่เมสซี่ไม่เคยยิงได้
แข้งเบอร์หนึ่งของบาร์เซโลน่าซัดไปถึง 112 ประตูจากการลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก 15 ฤดูกาล และคว้าแชมป์ได้ถึง 4 ครั้งในช่วงเวลานั้น และคงไม่มีใครทำสถิติตได้เทียบเท่าเขาแน่ในเร็วๆนี้ โดยฤดูกาลล่าสุด บาร์ซ่าต้องพบกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, อินเตอร์ มิลาน และ สลาเวีย ปราก ในกลุ่ม F
แต่ดูเหมือนว่าจะมีทีมที่เป็นของแสลงสำหรับเมสซี่อยู่ นั่นก็คือ อินเตอร์ ที่เขาไม่เคยทำประตูได้เลยซักครั้ง ซึ่งทีมงูใหญ่เป็น 1 ใน 5 ทีมของแชมเปี้ยนส์ลีกลีกที่ไม่เคยถูกดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ทะลวงตาข่าย (แอตฯมาดริดเคยทำได้ 4 ครั้ง, รูบิน คาซาน 2 ครั้ง, เบนฟิก้า และ อูดิเนเซ่ รอดไปคนละครั้ง) โดยการพบกัน 3 ครั้งในรายการนี้ แข้งวัย 32 ปีไม่มีอยู่บนสกอร์บอร์ดเลยแม้แต่ครั้งเดียว และทีมอาซูลกราน่าก็เอาชนะเนรัซซูรี่ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เมสซี่คงหวังว่าสุดท้ายนี้เขาจะทำประตูทีมดังจากเมืองมิลานได้ซักที โดยจะพบอินเตอร์ในคัมป์ นู ณ วันที่ 2 ตุลาคม ก่อนจะออกไปเยือนอิตาลีในวันที่ 10 ธันวาคม
ตั๋วแฟนบอลทีมเยือนที่ถูกลง(บ้าง)
ด้วยอัตราค่าตั๋วสำหรับแฟนทีมเยือนที่แพงหูฉี่ ดังนั้น ยูฟ่า จึงตัดให้ราคาเหลืออยู่ที่ 70 ยูโร แม้มันจะยังไม่ใช่ราคาที่แฟนๆมองว่าเข้าท่านักก็ตาม
เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา บาร์เซโลน่าได้ชาร์จค่าตั๋วกับแฟนบอลลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กว่า 100 ยูโรในรอบน็อคเอ้าท์ และราคาที่ไม่ต่างการกรรโชกทรัพย์ทำให้การร้องเรียนของแฟนบอลเกิดขึ้นไปทั่วยุโรปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งทางยูฟ่าก็เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องนี้ รวมถึงได้มีการปรับราคาตั๋วของยูโรป้า ลีกให้อยู่ที่ 45 ยูโรอีกด้วย
สถิติสุดแกร่งที่คัมป์ นู
รั้งเหย้าของบาร์เซโลน่าไม่ต่างจากนรกของทีมเยือนอย่างแท้จริง และตัวเลขต่างก็ได้การันตีถึงเรื่องนั้นเป็นอย่างดี เมื่อทีมจากแคว้นกาตาลุนย่าไม่แพ้ใครในบ้านมานานกว่า 32 เกมในแชมเปี้ยนส์ลีก นับตั้งแต่พวกเขาโดนบาเยิร์น มิวนิค บุกมาถล่มไป 3-0 เมื่อฤดูกาล 2012-13 รอบตัดเชือก หรือเมื่อ 6 ปีก่อน
หลังจากนั้น 24 ทีมที่มาเยือนในถิ่นคัมป์ นู ก็ไม่สามารถคว้าชัยออกจากที่นี่ได้เลย แต่พวกเขาก็ยังไม่ใช่ทีมที่ครองสถิติในเรื่องนี้สูงที่สุด เพราะสโมสรที่ไม่พ่ายใครในบ้านนานที่สุดในบอลยุโรปคือ บาเยิร์น มิวนิค ที่สะกดคำว่าแพ้ในรังเหย้าของตัวเองไม่เป็นนานถึง 43 เกมติดกันในช่วงปี 1969 ถึง ปี 1991
2 ผู้ยิ่งใหญ่ และ เบนเซม่า ล่าสถิติใหม่
เมสซี่ หรือ โรนัลโด้? นี่เป็นคำถามที่น่าเบื่อและไม่มีใครสามารถตอบได้แบบเต็มปากว่าใครดีกว่ากันตลอด 10 ปีที่ผ่านมา รางวัลบัลลงดอร์ผลัดมือกันอยู่แค่เขาทั้ง 2 คน ถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกก็ด้วย ขณะที่สถิติต่างๆที่เคยมี ยอดนักเตะทั้ง 2 ก็ทำลายลงอย่างราบคาบ
ในฤดูกาลนี้ แชมเปี้ยนส์ลีกเราจึงแนะนำให้ดู คาริม เบนเซม่า กองหน้ามากประสบการณ์ของเรอัล มาดริด อีกคนที่อาจทำสถิติร่วมกับทั้ง เมสซี่ และ โรนัลโด้ ด้วยการเป็นนักเตะที่ยิงประตูในรายการนี้ติดต่อกัน 15 ฤดูกาลแซงหน้า ราอูล กอนซาเลซ หัวหอกตำนานของราชันชุดขาวที่พวกเขาทำสถิติเท่ากันอยู่
หากเขาทำได้ในฤดูกาลนี้ สถิติของพวกเขาทั้ง 3 คนก็จะใกล้เคียงกับ ไรอัน กิ๊กส์ ปีกพ่อมดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ครองสถิตินี้สูงสุดด้วยการยิงในบอลยุโรป 16 ฤดูกาลติด
อาแจ็กซ์ผ่านเข้ามาด้วยการเพลย์ออฟ
ยอดทีมจากแดนกังหันลมสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนบอลทั่วยุโรป อาจจะทั่วโลกด้วยซ้ำ เมื่อพวกเขาสามารถเขี่ยทีมดังๆอย่าง เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุส ให้ตกรอบจนเข้าไปถึงรอบตัดเชือกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาได้ แต่ถึงอย่างนั้น อาแจ็กซ์ก็ไม่ได้ผ่านเข้าในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้ได้แบบอัตโนมัติ เนื่องจาก ค่าสัมประสิทธิ์ของทีมจากเอเรเดิวิซี่ไม่ดีนักในยูฟ่า ทำให้เขาต้องหาทางคว้าตั๋วด้วยการเล่นเพลย์ออฟแทน
แชมป์ยุโรป 4 สมัย และแชมป์ลีกดัตช์ปีล่าสุดได้เข้ามาในเล่นในเพลย์ออฟตั้งแต่รอบ 3 และเอาชนะคู่แข่งอย่าง พีเอโอเค และ อโปเอล ไปได้ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และคว้าตั๋วมาลุยรอบแบ่งกลุ่มได้สมใจ
ซัวเรซกับเกมเยือน
หลุยส์ ซัวเรซ ถือเป็นนักเตะที่ถูกโฉลกกับแชมเปี้ยนส์ลีกมากยามเล่นในสีเสื้อบาร์เซโลน่า เขาไม่ได้ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์มาได้ในปี 2015 เท่านั้น แต่ยังยิงไปถึง 20 ประตูจากการลงเล่น 48 นัดในรายการนี้ให้ทีมจากแคว้นกาตาลุนย่า
แต่เรื่องแย่ของหัวหอกชาวอุรกวัยก็มีเหมือนกัน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ออกไปเล่นเกมเยือน วิญญานเพชรฆาตที่มีก็หายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ และครั้งสุดท้ายที่เขายิงได้นอกบ้านคือเกมที่เสมอกับ โรม่า 1-1 ในฤดูกาล 2015-16
และอีก 1,691 นาทีต่อมาที่เล่นในเกมเยือนรายการนี้ ซัวเรซทำประตูให้บาร์ซ่าไม่ได้เลย ในตอนนี้ แข้งวัย 32 ปีคงได้แต่หวังว่าตนจะปลดล็อกสถิติแย่ๆนี้ออกไปและจบการเท้าบอดเกมเยือยในฟุตบอลยุโรปกว่า 1,463 วัน เสียทีในเกมที่ออกไปพบกับ ดอร์ทมุนด์ ในวันที่ 17 กันยายนนี้
อตาลันต้าเล่นเกมเหย้าในมิลาน
อตาลันต้า สโมสรที่ก่อตั้งมานานกว่า 111 ปี และ 2 ฤดูกาลก่อน ทำได้ไปเล่นแค่ยูโรป้า ลีกเท่านั้น แต่ในปี 2018-19 พวกเขากลับกลายเป็นม้ามืดจบอันดับ 3 เหนือ โรม่า, มิลาน และ อินเตอร์ แบบไม่มีใครคาดคิด จนคว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ เมื่อสนามเหย้าของอตาลันต้าที่มีความจุแค่ 21,300 ที่นั่ง ไม่ผ่านการตรวจสอบจากยูฟ่า แถมกำลังปรับปรุงสนามอยู่อีก ดังนั้นพวกเขาจึงย้ายไปเล่นเกมเหย้าในบอลยุโรปที่ ซาน ซีโร่ สนามดังของยอดทีมเมืองมิลานแทน แต่ที่นั่งบางส่วนจะถูกปิดลง ทำให้ความจุของสนามยามที่อตาลันต้าใช้งานจะเหลือแค่ 43,000 จาก ความจุทั้ง 80,000 ที่นั่งเท่านั้น
ส่วนปีศาจแดงดำนอกจากจะอดไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกอีกปีแล้ว พวกเขายังโดนถอนสิทธิ์ไปเล่นในยูโรป้า ลีก เนื่องจากทำผิดกฎไฟแนนเชี่ยล