ความพ่ายแพ้ครั้งล่าสุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อ เวสต์แฮม 2-0 ในพรีเมียร์ลีก กลายเป็นที่พูดถึงของแฟนๆบอลปีศาจแดงทั่วโลก และทั้งหมดพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นอะไรที่เลวร้ายมากๆ
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องแผนการเล่นที่ไม่ได้เหนือกว่า ลูกทีมของ มานูเอล เปเยกรินี่ เลย ซ้ำร้ายคุณภาพและวีธีการเล่นของย่ำแย่กว่าพลพรรคขุนค้อนอีกต่างหาก
เรื่องเกมรับก็เช่นกันที่แม้จะคว้าตัว แฮร์รี่ แม็คไกวร์ จากเลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลกในซัมเมอร์นี้ เช่นเดียวกับ อารอน วาน-บิสซาก้า แบ็คขวาดาวรุ่งจากคริสตัล พาเลซ ด้วยค่าตัวมหาศาลไม่ต่างกัน แต่ผ่านไป 6 นัด ยูไนเต็ดเก็บคลีนชีทไปแค่ 2 นัดเท่านั้น และโดนคู่แข่งถลุงไปแล้ว 6 ลูก ทำให้แผงหลังยังต้องมีการปรับจูนกันยกใหญ่พอสมควร
แต่ทว่าปัญหาที่น่าหนักใจก็เพิ่มเข้ามาอีกระลอก เมื่อ มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าตัวความหวังของทีมดันเกิดอาการบาดเจ็บในนาทีที่ 61 จนถูกเปลี่ยนตัวออกไป ส่งผลให้ตอนนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไม่มีหัวหอกแท้ๆให้ใช้งานเลยในตอนนี้ เพราะทั้ง อองโธนี มาร์กซิยาล ก็ยังไม่หายกลับมา หรือ เมสัน กรีนวู๊ด ที่ยิงประตูชัยในเกมยุโรปกลางสัปดาห์ที่แล้วก็ป่วยด้วยอาการทอนซิลอักเสบ
ในเมื่อไม่มีกองหน้าให้ใช้งานแบบนี้ ปีศาจแดงจะเป็นเช่นไรต่อไป? ทาง UFA ARENA จึงลองแนะนำแนวทางการแก้ปัญหาในแนวรุกของยูไนเต็ดที่ขัดสนอยู่ในตอนนี้ให้กับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
1.ทาฮิช ชง ลงยิง
เรื่องนี้คงต้องย้อนความไปถึงตอนที่สโมสรเลือกปล่อย โรเมลู ลูกากู และ อเล็กซิส ซานเชซ ไปให้กับ อินเตอร์ มิลาน (รายแรกขายขาด, รายสองปล่อยยืม) แต่พวกเขากลับไม่ยอมคว้ากองหน้ามาทดแทนกันเลยในซัมเมอร์นี้ ส่งผลให้ทีมมีแค่ แรชฟอร์ด, มาร์กซิยาล และ กรีนวู๊ด เท่านั้นที่เป็นกองหน้าพันธุ์แท้อยู่ในทีม
และตอนนี้มันกลับกลายเป็นปัญหาใหญ่ เมื่อทั้ง 3 คนดันประสบอาการบาดเจ็บทั้งหมด โดยกองหน้าทีมชาติอังกฤษเป็นรายล่าวสุดที่บาดเจ็บไปในเกมที่บุกไปพ่าย ขุนค้อน 2-0 และยังต้องรอดูอาการต่อไปว่าเจ็บเล็กน้อยหรือร้ายแรงแค่ไหน
นั่นทำให้กุนซือชาวนอร์เวย์จำเป็นต้องขยับแนวรุกที่มีในทีมมาใช้เป็นหัวหอกไปก่อน และที่พอจะเข้าเค้าที่สุดในทีมชุดนี้ก็คงจะเป็น ทาฮิช ชง ตัวรุกหัวฟูวัย 19 ปี
แต่ทว่าคำถามที่ตามมาก็คือ การเป็นกองหน้าในพรีเมียร์ลีกไม่ใช่เรื่องงานเลย เนื่องจากต้องปะทะกับกองหลังคู่แข่งในเกมอย่างหนักหน่วงอยู่บ่อยครั้งๆในการแข่งขัน หากไม่มีลูกพลิกแพลงหรือลูกไม้ตุกติกบางอย่างก็เป็นเรื่องยากที่จะทำหน้าที่ ณ จุดนี้ได้สมบูรณ์แบบ
แต่อย่างน้อย ความเร็วกับลีลาการลากเลื้อยของเขาก็น่าจะช่วยทดแทนทักษะบางอย่างที่ขาดหายไปในการเป็นกองหน้าอยู่พอประมาณเช่นกัน แม้จะไม่ได้ดีจนฝากความหวังได้ก็ตามที
2.ฟอลส์ ไนน์ (แบบชั่วคราว)
การเปลี่ยนมาใช้กองหน้าตัวหลอก หรือที่หลายคนนิยมเรียกกันว่า ฟอลส์ ไนน์ น่าจะเป็นตัวเลือกอีกอย่างที่อาจจะช่วยแก้ปัญหาให้ โซลชา ณ ตอนนี้ได้ เพราะดูๆไปแล้ว เจสซี่ ลินการ์ด และฆวน มาต้า มีลักษณะเฉพาะที่เข้ากับตำแหน่งนี้พอสมควร
แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นกองหน้าจริงๆ แต่การยืนของพวกเขาก็จะเท่าๆกับ กองกลาง เป็นส่วนใหญ่ ทำให้มีความคุ้นเคยกว่าการไปยืนเป็น หัวหอกโดดๆ โดยเน้นการวิ่งทำทางเพื่อเปิดช่องว่างให้กับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ อีกทั้งยังมีอิสระการเล่นมากกว่ากองหน้าปกติทั่วไปอีกต่างหาก
แต่แม้จะเป็นแผนที่น่าเสี่ยง แต่มันก็เป็นดาบสองคมในการใช้งานเช่นกัน
ข้อดี ของกองหน้าตัวหลอกก็คือ พวกเขาจะทำให้เกมลื่นไหล และคล่องตัวในการทำเกม แต่ก็ใช่ว่าตำแหน่งนี้จะไม่มีข้อเสียเลย ที่หลายคนที่เห็นได้ชัดก็คือ หากทีมฝ่ายตรงข้ามเล่นตรึงแผงหลังแน่นๆ มีวินัย ไม่ให้หลุดจากตำแหน่งที่ตัวเองได้รับหมอบหมาย ก็อาจจะส่งผลให้เขาทั้ง 2 ไม่สามารถทำอะไรคู่แข่งได้มากนัก
มากไปกว่านั้น การเล่นในตำแหน่งนี้ หากผู้เล่นในตำแหน่งนี้ไม่ความเข้าใจเกมที่ดีหรือมีความสามารถที่หลากหลายในระดับที่ดีมากๆ ก็อาจทำให้แนวรุกของทีมตื้อตันไม่ต่างกับการใช้กองหน้าแบบปกติ เผลออาจแย่กว่าด้วยซ้ำไป เพราะถ้าไม่มีหัวหอกไปยืนค้ำในแนวหน้า ก็มีโอกาสที่แผงหลังคู่แข่งจะไม่เจองานลำบากให้เหนื่อยใจตลอดทั้งเกมเลย
เชื่อว่าหาก โชลชา จะหยิบแผนนี้มาใช้จริงๆคงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร แต่ถ้าจะใช้ให้มีประสิทธิภาพอย่างเป็ป กวาร์ดิโอล่า หรือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็คงลำบากเกินไป
และเมื่อลองไปดูฟอร์มการเล่นของ มาต้า ที่เหมาะกับการจ่ายบอลไปมามากกว่า แถมเลยช่วงพีกของตัวเองไปแล้ว บวกกับ ลินการ์ด ที่แฟนผีต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจ ยิ่งทำให่โอกาสใช้ระบบนี้แบบยาวมีน้อยลงไปกว่าเดิมอีก
3.อคาเดมี่กู้ชีพ
อีกทางในการแก้ปัญหาตอนนี้คือ ในเมื่อดัน กรีนวู๊ด จากทีมเยาวชนขึ้นมาเล่นในชุดใหญ่แล้ว ทำไมโซลชาไม่ลองให้โอกาสเด็กๆจากทีมเหล่านั้นมาเล่นดูบ้างล่ะ?
อย่าง ดีมานี่ เมลเลอร์ กองหน้าวัย 19 ปีจากทีมชุดยู 23 ซึ่งเป็นแข้งแมนคูเนี่ยนแท้ๆ เช่นเดียว แรชฟอร์ด หรือ กรีนวู๊ด แถมตอนนี้ก็โชว์ในพรีเมียร์ลีกรุ่นเล็กได้อย่างยอดเยี่ยม โดยยิงไป 2 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ จาก 4 เกม
หรือในรุ่นเล็กกว่านั้นอย่าง โนม เอเมอร์รัน กองหน้าดาวรุ่งวัย 16 ปี ที่ไปคว้ามาจาก อาเมียงส์ ชุดยู 19 และ ดีลอน โฮเกอร์เวิร์ฟ หัวหอกชาวดัชต์อายุ 16 ปีที่ไปสอยมาจากอาแจ็กซ์ชุดเยาวขน ก็น่าสนใจหยิบมาใช้งานไม่แพ้กัน
แต่แน่นอนว่าข้อเสียหลักของการใช้แข้งหนุ่มวันคะนองอย่างนี้ชัดเจนอยู่ว่า พวกเขาเหล่านั้นยังดิบเกินไป ไม่มีประสบการณ์ในเกมระดับสูง คงต้องเวลาปรับตัวอยู่พักใหญ่ๆ เนื่องจากการแข่งขันในทีมรุ่นเยาวชนกับทีมอาชีพนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเลย
อย่างไรก็ตาม หากเรามองในแง่ดีซักหน่อย การหยิบจจับแข้งดาวรุ่งมาใช้งานดูบ้างก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเสียหายตรงไหน ที่สำคัญยังช่วยสร้างประสบการณ์อันล้ำค่าให้กับพวกเขาด้วย และไม่แน่เหมือนกันว่า แฟนปีศาจแดงอาจจะได้กองหน้าดาวรุ่งอนาคตใหม่ขึ้นมาเหมือนในสมัยที่ แรชฟอร์ด หรือ กรีนวู๊ด ถูกดันขึ้นมาก็เป็นได้
4.สูตรยักษ์ปักหลั่น
วิธีนี้อาจดูสิ้นคิดไปหน่อย แต่ว่ากุนซือจอมอหังการอย่าง โชเช่ มูรินโญ่ ก็เคยใช้มันมาแล้ว แถมยังได้ผลค่อนข้างดีด้วย นั่นก็คือ การใช้กองกลางร่างโย่งไปยืนค่ำเป็นกองหน้าเสียเลย
ในยุคที่ เดอะ สเปเชี่ยล วัน คุมทีมในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เขามักจะใช้บริการ มารูยาน เฟลไลนี่ เป็นพิเศษในช่วงที่ทีมต้องการประตูขึ้นนำ หรือประตูตีเสมอในช่วงท้ายเกม และบ่อยครั้ง กองกลางหัวฟูชาวเบลเยี่ยมก็โหม่งประตูสำคัญให้กับทีมได้อยู่เช่นกัน
เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร หากโชลชาจะนำแม่แบบนั้นมาใช้กับทีมปีศาจแดงในชุดนี้บ้าง โดยมี สก็อต แม็คโทมิเนย์ เป็นนักเตะที่ยืนหนึ่งในตำแหน่งนี้ โดยให้ยืนค้ำอยู่กรอบเขตโทษเพื่อใช้ลูกกลางอากาศโจมตีคู่ต่อสู้
ด้วยความสูงของมิดฟิลด์ชาวสก็อตที่สูงถึง 193 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าสูงมากๆในกีฬาฟุตบอล รวมถึงมีร่างกายและกำลังในการปะทะกับกองหลังคู่แข่งอยู่พอสมควร ทำให้เขาสามารถเล่นลูกลางอากาได้ดีไม่แพ้กองหน้าเลย หากเขาสามารถอาศัยความได้เปรียบจากจุดนี้ได้ ก็คงช่วยความหลากหลายในการเข้าทำให้กับทีมมากขึ้น
อย่างไรก็ดี หากตะบี้ตะบันเปิดบอมบ์เข้าไปท่าเดียวแบบฟุตบอลสมัยเมื่อ 50-60 ปีก่อน ก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไรนัก เพราะนอกจากจะทำให้เกมรุกดูไร้มิติแล้ว ยังทำให้ฝ่ายตรงข้ามจับทางได้สบายๆอีกต่างๆหาก
5.ลงไปเล่นเองเลย
ไม่เมื่อไม่มีกองหน้าคนไหนตอบโจทย์ที่ตัวเองต้องการได้ซักที ก็คงถึงเวลาที่โซลชาอาจจะต้องหยิบสตั๊ดที่แขวนไว้ มาสวมใส่มันใหม่อีกครั้งแล้วล่ะ
ด้วยการลงสนามให้ปีศาจแดงกว่า 365 นัด และยิงไปถึง 127 ประตู กับอีก 48 แอสซิสต์ พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 6 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอีก 1 สมัย คงไม่มีใครดีไปกว่าเพชรฆาตหน้าทารกอีกแล้วในทีมตอนนี้
อย่างไรก็ตาม นี่อาจเป็นคำตอบหรือแนวทางการแก้ปัญหาที่ดูบ้องตื้นและไร้สาระที่สุดจากทั้งหมดที่กล่าวมา 5 ข้อนี้เลยล่ะ