แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ยืนยันว่าการตัดสินใจแก้ปัญหาทะเลาะในทีมระหว่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับ โจ โกเมซ นั้นเหมาะสมแล้ว แม้ตัวเองจะต้องเผชิญหน้ากับคำวิจารณ์บ้างก็ตาม
นายใหญ่ของทัพ “สิงโตคำราม” เลือกที่จะเผชิญหน้ากับสาธารณชนหลังออกมาเปิดเผยว่าเขาจะดร็อปปีกของแมนฯ ซิตี้ ในเกมกับ มอนเตเนโกร ในศึกยูโร 2020 รอบคัดเลือกในวันพฤหัสบดีนี้
เซาธ์เกต ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวได้จบแล้ว สเตอร์ลิ่ง ได้มีการขอโทษและเคลียร์ใจกับ โจ โกเมซ ซึ่งมีกระแสวิจารณ์ว่าจริงๆ แล้ว อังกฤษ ควรจะเก็บเรื่องนี้ไว้ภายใน หรือไม่ก็ปลด ราฮีม ออกจากทีมแบบเด็ดขาดไปเลย แต่ เซาธ์เกต กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า
“ผมคิดว่ามันสำคัญที่จะเกิดขึ้นและพูดสู่สาธารณะ เพื่อผู้เล่นจะไม่จำเป็นต้องจัดการอะไรกับเรื่องในอนาคต ราฮีม กับโพสต์ของเขาเมื่อคืนนี้ได้อธิบายว่ามันคืออารมณ์ร่วมเกินไป มันจะถูกต้องที่จะพูดว่ามันไม่เหมือนกันกับเคสของ โจ”
“เรามีผู้เล่นซีเนียร์สในทีมที่ยอดเยี่ยม ที่มีส่วนในการนำทุกๆ คนกลับมารวมกัน”
“เมื่อคุณตัดสินใจเช่นนั้น มันก็จะรู้ถึงสาธารณะในวันพุธหรือวันพฤหัสบดีอยู่แล้ว และผมอยากจะจัดการมันในตอนนี้มากกว่าวันแข่งขัน ผมไม่ได้เตรียมตัวที่จะมาพูดเรื่องรายละเอียด มันมีการคาดเดา แสดงความคิดเห็น และพูดถึงมากพอแล้ว ผมไม่ต้องการเพิ่มเติมอะไรอีก”
“ผมบอกสิ่งที่ผมต้องการที่จะพูด แต่เราต้องรักษาให้มากที่สุดทีเราสามารถในเรื่องระหว่างเรา”
นักข่าวถามต่อว่า สเตอร์ลิ่ง จะกลับมาอยู่ในทีมที่จะเจอกับ โคโซโว ในวันอาทิตย์หรือไม่ เซาธ์เกต ตอบว่า “มันสำคัญที่จะต้องยุติธรรมที่สุดในการที่ผมต้องตัดสินใจใดๆ ไม่ว่าจะเป็นนักเตะรุ่นใหญ่ หรือแข้งจูเนียร์ของทีม”
“การตัดสินคือไม่พิจารณา ราฮีม สำหรับเกมวันพฤหัสบดี และมันจะจบลงสำหรับผม สิ่งสำคัญสำหรับผมคือรักษาความเป็นกลุ่มไว้ด้วยกัน ถ้าเป็นไปได้ถ้าอารมณ์เย็นลงในวันพรุ่งนี้มันคือโอกาสที่ดี ผมประทับใจผู้เล่นมากๆ ถึงแนวทางที่พวกเขาทำงานร่วมกัน”
“ในตอนท้ายที่สุดผมเป็นผู้จัดการทีมและผมมีการตัดสินใจ ผมคิดว่ามันเหมาะสมสำหรับวิธีที่เราจะต้องเดินไปข้างหน้า ผมปรึกษาอย่างใกล้ชิดกับผู้เล่นทุกคน โดยเฉพาะแข้งซีเนียร์สของผม และพวกเขาก็เข้าใจดีมากๆ ถึงแนวทางที่เราจะทำงานในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และนำไปสู่ความสามัคคีของพวกเรา และมันยังคงอยู่”
“ตอนนี้เราจะกลับมาสนใจฟุตบอล เรามีเกมสำคัญมากๆ ในการคัดเลือกที่จะผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายูโร ผมรักผู้เล่นของผมทุกคน เราเหมือนครอบครัว และทุกครอบครัวมีความเห็นไม่ตรงกัน มันสำคัญที่สุดคือคุณต้องสื่อสารผ่านความขัดแย้งนี้ ผมไม่คาดหวังว่าในฐานะผู้จัดการทีม จะไม่สามารถจัดการกับสิ่งที่ยากหรือเกินคาดเดาได้ เพราะมันคือส่วนหนึ่งของงานอยู่แล้ว”
