เบื้องหลังความสำเร็จ! “ไมค์ ฟีแลน” ชายผู้ปลุกชีพปีศาจเคียงข้างโซลชา

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเล่นได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ นับตั้งแต่ที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามารับตำแหน่งกุนซือเมื่อช่วงปลายเดือนธันวาคม

 

ปีศาจแดง คว้าชัยไปถึง 11 จาก 14 เกม โดยมีเพียง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง , เบิร์นลีย์ และ ลิเวอร์พูล ที่สามารถหยุดยั้งพวกเขาจากเส้นทางแห่งชัยชนะ พวกเขาพาตัวเองกลับไปอยู่ในพื้นที่ท็อปโฟร์ และกำลังยืนอยู่ในรอบก่อนรองชนะเลิศของศึก เอฟเอ คัพ ซึ่งจากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้เริ่มมีการพูดคุยถึงสัญญาถาวรของ โซลชา แล้ว

 

 

แน่นอนว่ามันเป็นการแต่งตั้งที่สมเหตุสมผล แต่การยกย่องแค่เพียง โซลชา ก็เหมือนเป็นการละเลยต่อบุคคลผู้เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการกลับมาของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และคนๆนั้นคือผู้ช่วยผู้จัดการทีม ไมค์ ฟีแลน

 

เมื่อตอนที่ โซลชา เข้ามารับงาน หนึ่งในการตัดสินใจครั้งสำคัญคือเขาต้องแน่ใจว่า ไมเคิ่ล คาร์ริค และ คีแรน แม็คเคนน่า จะยังทำงานกับสโมสรต่อไป พวกเขาเป็นสองโค้ชหนุ่มที่ได้รับการยอมรับจากผู้เล่นในทีม แต่ โซลชา ก็พา ไมค์ ฟีแลน กลับมาด้วย นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัด แต่มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ฉลาดมาก

 

 

ฟีแลน เคยเล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในระหว่างปี 1989-1994 และสามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ 1 ครั้ง , เอฟเอ คัพ 1 ครั้ง และ คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 ครั้ง ก่อนที่จะกลายมาเป็นโค้ชทีมชุดใหญ่ในปี 2001 โดยเจ้าตัวทำหน้าที่ดังกล่าวจนกระทั่ง คาร์ลอส เคยรอซ เก็บกระเป๋าออกจากโรงละครแห่งความฝันเพื่อไปเป็นนายใหญ่ทีมชาติโปรตุเกส ในปี 2008 ฟีแลน จึงได้เลื่อนขึ้นมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีม ซึ่งเป็นบทบาทที่เขารับผิดชอบจนกระทั่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ออกจากสโมสรในปี 2013

 

สิ่งสำคัญที่ควรรู้ก็คือ ภายใต้การคุมทัพของ เฟอร์กูสัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลัง ฟีแลน เป็นมือขวาที่มักจะดูแลการฝึกซ้อมประจำวัน ควบคุมเรื่องทั่วไป กำกับข้างสนาม และจัดการสิ่งต่างๆในวันแข่งขัน

 

 

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงไป 44 ประตู ในฤดูกาล 2007-2008 , เวย์น รูนี่ย์ ยิงไป 34 ประตู ในฤดูกาล 2009-2010 และ 2011-2012 , แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยไม่เสียประตูใน พรีเมียร์ลีก นานถึง 1,311 นาที , แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถเข้าชิง ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้ถึง 3 ครั้ง ในรอบ 4 ปี เบื้องหลังของผลงานทั้งหมดนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการเทรนโดย ไมค์ ฟีแลน

 

 

ชื่อของเขาอาจไม่โด่งดังนัก แต่ความสำเร็จของเขาจับต้องได้

 

มันน่าตกใจจริงๆ เมื่อ เดวิด มอยส์ กำจัด ฟีแลน ออกจากทีมตอนเข้ามารับตำแหน่ง ซึ่งนี่ถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่เขายอมรับว่าทำผิดพลาดไป เนื่องจากอดีตกุนซือ เอฟเวอร์ตัน ไม่รู้ว่าจะจัดการกับแรงกดดันมหาศาล และความคาดหวังในสโมสรยักษ์ใหญ่ที่เต็มไปด้วยซุปเปอร์สตาร์อย่างไร

 

“หากมองย้อนกลับไป ไมค์ ฟีแลน เป็นคนแข็งแกร่งมากที่ต้องเก็บรักษาไว้ที่สโมสร” นี่คือถ้อยคำที่ มอยส์ กล่าวไว้ในภายหลัง

 

 

แต่ โซลชา ไม่ทำให้เรื่องนี้ผิดพลาด และนำ ฟีแลน เข้ามาช่วยเขากอบกู้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทันที ซึ่งมันได้ผลดีเยี่ยม

 

นักเตะของ ยูไนเต็ด จะไม่ถูกจำกัดการเล่นด้วยรายละเอียดของคู่แข่งมากเกินไป พวกเขาส่วนใหญ่ได้ใช้ความสามารถของตัวเองกันอย่างเต็มที่

 

การฝึกซ้อมของ ฟีแลน มุ่งเน้นไปที่การเล่นกับบอล และมันเป็นเรื่องที่ถูกใจนักเตะของ ยูไนเต็ด ที่ตอนนี้ดูสบายใจมากขึ้นในการครองเกม ทั้งยังเต็มไปด้วยความมั่นใจในการเล่น

 

 

ยูไนเต็ด ทำได้ถึง 31 ประตู จาก 9 เกม ที่ลงสนามใน พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ที่ ฟีแลน กลับเข้ามา ผิดกับการเล่นภายใต้ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ทำได้เพียง 21 ประตู จาก 19 นัด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิงได้มากขึ้น และเสียประตูน้อยลง พวกเขาเคลื่อนที่มากกว่าเดิม และมีการโจมตีจากริมเส้นที่อันตรายดั่งยุคสมัยของ เฟอร์กี้ ที่สำคัญที่สุด พวกเขาดูมีความสุข

 

ฟีแลน รู้วิธีจัดการกับผู้เล่นบิ๊กเนม เขาเฝ้าดู เฟอร์กูสัน ทำมาหลายปี จากนั้นเมื่อเขาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีม เขาก็ลงมือทำด้วยตัวเอง ฟีแลน มีส่วนสำคัญในการทำให้ โรเมลู ลูกากู ยังคงมุ่งมั่นเต็มร้อย และไม่ออกอาการงอแง แม้จะถูกลดบทบาทลงจากยุคสมัยของ เดอะ สเปเชี่ยล วัน อย่างเห็นได้ชัด

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ฟีแลน ยังใช้โซเชี่ยลมีเดียได้อย่างมีคุณค่า เขาใช้มันในเชิงบวก และได้รับการตอมรับที่ดีจากแฟนบอล นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นโค้ชในทีมระดับท็อป คุณต้องมีส่วนร่วมกับแฟนบอล และสร้างขวัญกำลังใจให้กับพวกเขา ซึ่ง ฟีแลน กำลังทำเช่นนั้น

 

 

ฟีแลน เป็นเหมือนผู้ช่วยผู้จัดการทีมในฝัน ฝีมือดี มีความมั่นใจ และประสบการณ์สูง แม้ว่าเขาจะไม่เคยขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง แต่เมื่อตอนที่ เดวิด มอยส์ ตะเพิดเขาออกจากทีม การเรียกร้องเพียงอย่างเดียวของ ฟีแลน ก็คือ เขาคิดว่าตัวเองน่าจะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับปีศาจแดงได้เท่านั้น

 

“ผมไม่มีอะไรให้ต้องพิสูจน์” ฟีแลน ให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2016 “ผมมีเส้นทางอาชีพที่น่าอัศจรรย์กับ ยูไนเต็ด ในฐานะผู้เล่น โค้ช และผู้ช่วยผู้จัดการทีม ผมไม่มีอะไรต้องเสียใจ ผมใช้เวลา 18 ปีที่นั่น ซึ่งมันมากกว่าที่คนส่วนใหญ่จะได้รับ”

 

 

ตอนนี้ เขามีเวลาเพิ่มอีกอย่างน้อย 6 เดือน และถ้าผู้จัดการทีมคนต่อไปของ ยูไนเต็ด (หากไม่ใช่ โซลชา) ฉลาดพอ อีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราก็จะยังได้เห็น ฟีแลน นั่งอยู่ข้างสนามเช่นเดิม