5 ประเด็นเด็ด “หงส์” กร่อยเจ๊าทอฟฟี่

เสียหายหลายแสนเลยทีเดียวสำหรับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ไม่สามารถบุกไปเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ได้ ทำให้ตอนนี้เสียตำแหน่งจ่าฝูงถาวรให้กับ แมนฯ ซิตี้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตลอด 90 นาทีที่ กูดิสัน ปาร์ค ต้องยอมรับว่าเป็นเกมที่อึดอัดมากๆ สำหรับ “เดอะ ค็อป” ซึ่งหลังเกมมีอะไรที่น่าพูดถึงบ้างลองไปทัศนาดูเลย

1.”หงส์” กดดันตัวเอง

 

การต้องมาแข่งทีหลังทีมแย่งแชมป์อย่าง แมนฯ ซิตี้ ที่เก็บชัยได้ก่อนในวันเสาร์ ต้องบอกว่าเป็นแรงกดดันมาสู่ ลิเวอร์พูล อย่างปฎิเสธไม่ได้จริงๆ

 

เกมนี้ ลิเวอร์พูล เล่นผิดฟอร์มตัวเองไปเยอะ โดยเฉพาะเหล่าแนวรุกที่เล่นกันไม่ออก ซาดิโอ มาเน่ ที่เพิ่งเบิ้ล 2 ประตูใส่ วัตฟอร์ด วันนี้กลับเงียบกริบเหมือนไม่ได้ลงสนาม

 

ส่วนตัวความหวังสูงสุดอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จริงๆ ก็มีส่วนร่วมเยอะ ทว่าเหมือนคนขาดความมั่นใจ จังหวะสุดท้ายไม่ลั่น ก็ไม่เด็ดขาดเอง ถึงขนาดดาวยิงทีมชาติอียิปต์ “ตีนบอด” ในลีก 3 เกมติดต่อกันคงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว

2.ขาดกำลังเสริมชั้นดี

 

จริงอยู่ว่า ดิว็อค โอริกี้ อาจจะเคยเป็นฮีโร่ยิงประตูชัยในเกม “เมอร์ซี่ย์ไซด์” ที่แอนฟิลด์ เมื่อต้นฤดูกาล ทว่าการลงสนามนัดนี้ของเจ้าตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแท็กติก หรือความไม่พร้อมของ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่

 

มันชัดเจนอยู่อย่างว่า “โอริกี้” ไม่ใช่อะไหล่ที่ดีพอที่ทีมจะพึงพาได้ เพราะ 63 นาทีที่อยู่ในสนามในตำแหน่งกองหน้าตัวซ้ายเจ้าตัวไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย (ได้ยิงครั้งเดียวแถมไม่ตรงกรอบอีก)

 

อีกจุดที่น่าพูดถึงคือ ลิเวอร์พูล มีมิดฟิลด์ที่เป็นพวกมดงานมากเกินไป ทั้ง ไวจ์นัลดุม, เฮนเดอร์สัน และ ฟาบินโญ่ จริงๆ เล่นได้ดีตามแท็กติก แต่ไม่ใช่ตัวที่จะมามีทีเด็ดทีขาดในยามวิกฤติได้ เหมือนครั้งนึงพวกเขาเคยมี “คูตินโญ่” ยิงไกลผีจับยัด
การแก้เกมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในวันนี้ก็อยู่ในเครื่องหมายคำถามเช่นกัน สเตอร์ริดจ์ กับ ชากิรี่ ก็มีชื่อ แต่คนลงสนามกลับเป็น ลัลลาน่า ที่เพิ่งกลับลงเล่นไม่ถึง 3 เกมเลยในเดือนนี้ แถมแทนที่กองหน้าอย่าง มาเน่ อีกตั้งหาก

3.”ฟาน ไดจ์” ของจริง

 

ในวันที่มืดมนเพื่อนฝูงไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดี ทว่าปลายทางอุโมงค์มักจะมีแสงสว่างอยู่เสมอ และวันนี้ เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ ก็เป็นหนึ่งในสตอรี่ที่ดีมากๆ สำหรับเกมที่กูดิสัน ปาร์ค

 

ปราการหลัง เนเธอร์แลนด์ ถูกยกย่องมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล และเกมนี้เจ้าตัวก็พิสูจน์อีกครั้งว่า “ของจริง” มันเป็นอย่างไร สถิติ เคลียร์บอล 13 ครั้ง ชนะลูกกลางอากาศ 9 ครั้ง ตัดบอลอีก 3 ครั้ง บอกความเก่งกาจของเจ้าตัวได้อย่างชัดเจน

 

ถึงขนาดที่ เจมี่ คาราเกอร์ ต้องกล่าวชมหลังเกมว่า “หากเกมนี้ ฟาน ไดจ์ ไม่ได้ลงสนาม ผมคิดว่า เอฟเวอร์ตัน คงชนะเกมนี้ไปแล้ว”

4.”อลีสซง” ล่าสถิติ

 

แม้ผลงานภาพรวมจะไม่ค่อยโอเคนัก แต่หากมองในเรื่องของสถิติส่วนตัว อลีสซง ก็เป็นอีกคนที่น่าจะยิ้มมุมปากได้อยู่บ้าง เพราะจบเกมนี้เจ้าตัวเก็บสถิติคลีนชีตในพรีเมียร์ลีกไปแล้วถึง 17 นัด

 

นายทวารทีมชาติบราซิล กลายเป็นผู้รักษาประตูที่เปิดตัวในลีกสูงสุดของพรีเมียร์ลีก ที่เก็บคลีนชีตได้มากที่สุด นับตั้งแต่ โฆเซ่ เรน่า นายทวารรุ่นพี่ค่ายเดียวกัน เคยทำไว้ 20 เกมเมื่อฤดูกาล 2005-06

 

ตอนนี้ขาดอีกแค่ 3 เกมกับอีก 9 นัดที่เหลือ คุณคิดว่า “อลีสซง” จะทาบหรือล้มสถิติของ เรน่า ได้หรือป่าวละ ?

5.ไม่ชนะแต่ยิ้มได้

 

ในฐานะที่เป็นเกมดาร์บี้แมตช์ บวกกับสถิติที่ไม่เคยชนะเลย 18 เกมติดต่อกันในทุกรายการ ต้องทนข่มขืนนานถึง 9 ปีเต็ม หากคุณเป็นแฟนบอล เอฟเวอร์ตัน คิดว่าอยากจะชนะเกมนี้มากแค่ไหน

 

อย่างไรก็ตาม มาร์โก ซิลวา และลูกทีมอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง พวกเขาเล่นแบบรู้จักตัวเอง รู้จักคู่แข่ง โดยเฉพาะครึ่งแรกที่แทบจะไม่เอาเกมรุกเลย รับเน้นๆ เพื่อรักษาสกอร์ให้ได้

 

ถึงแม้ว่าบทสรุปสุดท้ายพวกเขาจะยังควานหาชัยชนะเหนือคู่ปรับร่วมเมืองไม่เจอ แต่การตัดตอน 2 แต้มจาก ลิเวอร์พูล ในวันนี้ ไม่ต่างอะไรกับการเป็นผู้ชนะ เพราะถ้าตอนจบของเรื่อง “หงส์แดง” ต้องชวดแชมป์พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง พวกเขาจะต้องคิดถึงเกมนี้อย่างแน่นอน