ศึก โตโยต้า ไทยลีก 2020 เตรียมที่จะลงสนามฟาดแข้งกันในวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ หลังจากปีที่ผ่านมา สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด สามารถสร้างความยิ่งใหญ่ผงาดคว้าแชมป์สมัยแรกของสโมสรไปครองได้สำเร็จ
โดยในซีซั่นนี้ มีหลายประเด็นที่น่าสนใจให้ได้ติดตามกันตั้งแต่ที่ฤดูกาลยังไม่เริ่มต้นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนำเอา VAR มาใช้อย่างเป็นทางการ, โควตาฟุตบอลเอเชีย ที่ถูกเพิ่มขึ้นจากเดิม รวมไปถึงการขยับเสริมทัพของบรรดาทีมเต็งแชมป์ในปีนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่อยู่ในความสนใจไม่น้อย
นอกจากนั้นแน่นอนว่ายังมีอีกหลายประเด็นที่น่าใจ ชวนให้แฟนบอลตื่นเต้น ก่อนที่ศึกฟุตบอลลีกสูงสุดของเมืองไทย จะลงประเดิมสนามเกมแรกอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ใช้ VAR เต็มรูปแบบ
เป็นที่รู้กันดีว่าศึก โตโยต้า ไทยลีก ซีซั่นนี้ จะมีการนำเอาเทคโนโลยีช่วยตัดสินอย่าง VAR มาใช้อย่างเป็นทางการ หลังจากฤดูกาลที่ผ่านมาได้มีการลองใช้ไปเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะเกมสำคัญอย่างศึกฟุตบอลถ้วย ช้าง เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ซึ่งถือเป็นแมตช์แรกที่มีการใช้ VAR เต็มรูป ภายหลังที่ได้การับรองมาตรฐาน จาก IFAB
แน่นอนว่าการนำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับการการแข่งฟุตบอลลีกสูงสุดของไทย ในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะในเรื่องความโปร่งใสของผู้ตัดสินในสนาม ไม่ว่าจะเป็นจังหวะตัดสินจุดโทษ, จังหวะล้ำหน้า รวมไปถึงจังหวะที่มีโอกาสแจกใบแดงให้กับผู้เล่น
เพราะฉะนั้น VAR อาจจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่น่าจะทำให้ศึก ไทยลีก ในฤดูกาลนี้ มีความสนุกตื่นเต้น และเข้มข้นมากขึ้นกว่าหลายๆปีที่ผ่านมาแน่นอน นอกจากนี้ไทย ยังเป็นชาติแรกในอาเซียน ที่มีการนำเอาเทคโนโลยีช่วยตัดสินนี้มาใช้อย่างเป็นทางการอีกด้วย
ดาวรุ่งเตรียมแจ้งเกิด
ปีที่ผ่านมาต้องบอกเลยว่ามีดาวรุ่งหน้าใหม่หลายคนที่สามารถแจ้งเกิดในศึก ไทยลีก ได้แบบเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็น เอกนิษฐ์ ปัญญา, พัชรพล อินทนี, วิศรุต อิ่มอุระ หรือแม้กระทั่ง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ซึ่งด้วยวัยแค่เพียง 17 ปี เขาสามารถก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับในปีนี้ยังมีดาวรุ่งอีกหลายคนที่เริ่มฉายแววโดดเด่นตั้งแต่ฤดูกาลที่ผ่านมา และมีโอกาสที่จะก้าวขึ้นมาแจ้งเกิดได้แบบเต็มตัวนี้ซีซั่นนี้ โดยเฉพาะบรรดาแข้งสายเลือกใหม่ของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทั้ง กรวิชญ์ ทะสา, ศฤงคาร พรมสุภะ และ สรวิทย์ พานทอง ขณะที่สองพี่น้องแฝดมหัศจรรย์ของ โปลิศ เทโร อย่าง ทิตาวีร์ และ ทิตาธร อักษรศรี ก็ถือเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองไม่แพ้กันกับการที่พวกเขาขึ้นมาเล่น ไทยลีก ซีซั่นนี้ หลังโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในศึกชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2020 เดือนมกราคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังมีดาวรุ่งอย่าง อิรฟาน ดอเลาะ, นพพล เกิดแก้ว, พีฬาวัช อรรคธรรม, กานต์นรินทร์ ถาวรศักดิ์, ลีออน เจมส์ และเจ้าของฉายา “นิว ธีราทร บุญมาทัน” จิรวัฒน์ ทองแสงพราว แบ็คซ้ายไฟแรงของ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ซึ่งถือเป็นนักเตะที่น่าจับจามองไม่น้อยแลยทีเดียวสำหรับในปีนี้
นักเตะต่างชาติหน้าใหม่ ฉายแววเก่ง
ถือเป็นอีกหนึ่งซีซั่นที่หลายสโมสรใน ไทยลีก มีการทีมตำแหน่งนักเตะต่างชาติหน้าใหม่ ที่ค่อนข้างน่าสนใจ โดยเฉพาะทีมยักษ์ใหญ่อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ติดสินใจ 2 หัวหอกน่าจับตามองอย่าง เบร์นาร์โด กูเอสต้า และ ริคาร์โด บูเอโน ซึ่งคู่ได้เล่นให้กับทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบเพลย์ออฟ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถือว่าทำผลงานได้อย่างน่าพอใจ
ส่วนทางฝั่ง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด การเข้ามาของ วิลเลียม ป็อปป์ ดาวยิงชาวบราซิลเลี่ยนวันแค่เพียง 25 ปี เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่แฟนบอล “กิเลนผยอง” ยังต้องเฝ้ารอดูว่าเขาจะเข้ามาทดแทนการขาดหายไปของสุดยอดศูนหน้าตำนานสโมสรอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา ได้หรือไม่ รวมไปถึง
ส่วนอีกสองแข้งโควต้าต่างชาติที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ มาอิลซอน แข้งกองหน้าป้ายแดงของ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และ เบรนเนอร์ มาร์ลอส ดาวเตะชาวแซมบ้า ที่เคยผ่านการค้าแข้งกับทีมดังในลีกบ้านเกิดอย่าง อินเตอร์นาซิอองนาล มาแล้ว
ลีกกินโค้ช
หนึ่งประเด็นที่น่าสนใจและน่าจับตามองไม่น้อย สำหรับเรื่องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งกุนซือในศึก โตโยต้า ไทยลีก ซึ่งในแต่ละฤดูกาลก่อนหน้านี้ค่อนข้างจะมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันบ่อยครั้ง
หากย้อนกลับไปดูในซีซั่น 2020 ที่ผ่านในศึก ไทยลีก มีการเปลี่ยนกุนซือระหว่างฤดูกาลไปถึง 9 คน จากทั้งหมด 11 สโมสร โดยทีมที่เปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดก็คือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งใช้เฮดโค้ชไปถึง 3 คน ทั้ง “โค้ชเบ้” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก, ยุน จอง ฮวาน และเทรนเนอร์คนปัจจุบัน อเล็กซานเดร กาม่า
น่าสนใจว่าในซีซั่นนี้ใครจะเป็นกุนนซือรายแรกที่จะต้องบอกลาตำแหน่งในศึก โตโยต้า ไทยลีก 2020 และจนกระทั่งถึงช่วงจบฤดูกาลลีกสูงสุดของเมืองไทย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในลีกกินโค้ช จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือไปมากน้อยแค่ไหน
ระยอง เอฟซี ลุย ไทยลีก ครั้งแรก
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ยอดทีมแห่งภาคตะวันออกอย่าง ระยอง เอฟซี จะได้โอกาสลงเล่นบนลีดสูงสุดของเมืองไทย นับตั้งแต่ที่พวกเขาก่อตั้งสโมสรเมื่อปี 2009 หรือประมาณ 11 ปีที่แล้ว
ลูกทีมของ “โค้ชชู” ชูศักดิ์ ศรีภูมิ น่าจับตามองมากๆกับการก้าวขึ้นมาเล่นในศึก โตโยต้า ไทยลีก ซีซั่นนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร แกนหลักในทีมเต็มไปด้วยเหล่านักเตะต่างชาติฝีเท้าดีอย่าง ติอาโก้ ชูลาปา, ติอาโก้ หลุยส์, เลอันโดร เรซิดา และ ปาร์ค แต ยอง บวกกับนักเตะไทย ประสบการณ์สูงอย่าง เดชา สอาดโฉม,อลงกรณ์ ทองจีน, ศุภเสกข์ ไก่แก้ว และ ทศพร ศรีเรือง ดูแล้วน้องใหม่ทีมนี้ค่อนข้างแข็งแกร่งพอตัวเลยทีเดียว
โดยเฉพาะยามที่ ระยอง เอฟซี จะได้เล่นในรังเหย้าของตัวเอง สนามกีฬากลางจังหวัดระยอง ที่สามารถจุแฟนบอลได้ถึง 7,500 คน เชื่อว่าพวกพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกทีมแน่นอน
จับตา 5 สโมสรลุ้นแชมป์
สำหรับปีที่ผ่านมาการเบียดลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดของเมืองไทย ถือว่าค่อนข้างสนุกและตื่นเต้นโดยเฉพาะช่วงท้ายฤดูกาล ก่อนบทสรุปจะจบลงด้วยการผงาดซิวแชมป์สมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสรของ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด
แน่นอนว่าในซีซั่นจะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์สำคัญของยอดทีมเหนือสุดแดนสยาม ว่าพวกเขาจะสามารถป้องกันแชมป์ ไทยลีก ได้หรือไม่ ด้วยขุมกำลังนักเตะพลังหนุ่มบวกกับแข้งต่างชาติประสบการณ์ ดูแล้วทัพ “กว่างโซ้งมหาภัย” ยังคงถือเป็นตัวเต็งอันดับต้นๆเหมือนเดิมแน่นอน
ส่วนทางฝั่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พวกเขาทำแชมป์หลุดมือไปอย่างน่าเสียดายแค่เพียงไม่กี่นาทีก่อนที่เกมนัดสุดท้ายของซีซั่นกำลังจะจบลง ถือเป็นเรื่องน่าผิดหวังไม่น้อย นั่นทำให้ในฤดูกาลนี้พวกเขาหมายมั่นปั้นมือที่จะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ให้ โดยเฉพาะเหล่านักเตะดาวรุ่งดีกรีทีมชาติไทน อย่าง สุภโชค สารชาติ, ศุภชัย ใจเด็ด, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ศศลักษณ์ ไหประโคน เป็นแกนหลัก และยังมีนักเตะตัวต่างชาติฝีเท้าดีทั้ง เบร์นาร์โด กูเอสต้า และ ริคาร์โด บูเอโน เข้ามาร่วมทีม ฉะนั้นคงไม่แปลกอะไรหากทัพ “ปราสาทสายฟ้า” จะถูกยกให้เป็นเต็ง 1 ในปีนี้
ขณะที่ทีมอันดับที่ 3 เมื่อฤดูที่แล้วอย่าง การท่าเรือ เอฟซี ก็ถือเป็นอีกทีมที่น่าใจไม่น้อย หลังพวกเขาทุ่มเงินดึงนักเตะใหม่เข้ามาเสริมทัพไปแล้วทั้งหมด 9 คน นำโดยแข้งบิ๊กเนมอย่าง เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส, อดิศักดิ์ ไกรษร, ชาริล ชัปปุยส์, ธนาสิทธิ์ ศิริผลา และ ณัฐวุฒิ สมบัติโยธา ดูแล้วลูกทีมของ “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ ถือว่าประมาณไม่ได้เช่นกัน
ทางฝั่ง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ถึงแม้พวกเขาอาจจะไม่ได้เสริมทัพมากมายอะไรนักหากเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ทั้งสองทีมยังคงถือเป็นตัวเต็งที่จะมีลุ้นแชมป์เช่นกัน โดยเฉพาะทัพ “กิเลนผยอง” ภายใต้การทำทีมของ อเล็กซานเดร กาม่า ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมช่วงท้ายซีซั่นที่ผ่าน ขณะที่ทางฝั่ง “แข้งเทพ” ด้วยเหล่าขุมกำลังที่แข็งแกร่งของพวกเขา เชื่อว่าทีมของ มาโน่ โพลกิ้ง ก็พร้อมที่จะร่วมวงท้าชิงเจ้าแห่งฟุตบอลไทย ในปีนี้เช่นกัน
ลุ้นโควตา เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก มันส์ขึ้น
ส่วนประเด็นสุดท้ายซึ่งถือเป็นไฮไลท์ในศึก ไทยลีก ซีซั่นนี้ นั่นก็คือการเบียดแย่งตำแหน่งคว้าตั๋วไปเล่นในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่สโมสรจากไทย จะได้สิทธิ์เพิ่มขึ้นจากเดิม 1 + 2 ทีม (เข้ารอบแบ่งกลุ่มอัตโนมัติ 1 ทีม และเพลย์ออฟ 2 ทีม) เป็น 2 + 2 ทีม (เข้ารอบแบ่งกลุ่มอัตโนมัติ 2 ทีม และเพลย์ออฟ 2 ทีม) ซึ่งจะเริ่มใช้ตั้งแต่ในปี 2021 เป็นต้นไป
โดยทีมที่ได้แชมป์ โตโยต้า ไทยลีก และ ช้าง เอเอฟ คัพ ในฤดูกาลนี้ จะได้สิทธิ์เข้าไปเล่นในรอบแบ่งกลุ่มอัตโนมัติศึกฟุตบอลถ้วยเอเชีย ในซีซั่นหน้าทันที ส่วนทีมอันดับที่ 2 และ 3 ในลีก จะต้องไปเล่นตั้งแต่ในรอบเพลย์ออฟ รอบที่ 2 เหมือนเดิม
นั่นหมายความว่า การเบียดแย่งอันดับที่ 2 และ 3 ในฤดูนี้ น่าจะสนุกและตื่นเต้นมาขึ้น เนื่องจากเป็นประตูสำหรับโอกาสที่จะไปโลดแล่นในเวทีระดับทวีป เพราะฉะนั้นเชื่อนี่จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ ไทยลีก ในปีนี้สนุกตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน