เห็นผลดีกว่าที่คิด : รวม 5 ระบบการเล่นน่าลองใช้ใน FIFA 23

เห็นผลดีกว่าที่คิด : รวม 5 ระบบการเล่นน่าลองใช้ใน FIFA 23

นอกจากตัวนักเตะที่มีค่าพลังแตกต่างกันแล้ว แผนการเล่นก็มีผลต่อผู้เล่นในการกำหนดชัยชนะใน FIFA เหมือนกัน

ซึ่งการเลือกรูปแบบการเล่นใน FIFA 23 ที่เหมาะสมกับแต่ละคนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และในภาคล่าสุดนี้ เรามีแผนการเล่นมากมาย และมีการผสมผสานกลยุทธ์หลากหลายรูปแบบ ถ้าหากคุณต้องการได้เปรียบกว่าใคร ก็จำเป็นต้องรู้ว่าแผนการเล่นแบบไหนเป็นอย่างไรบ้าง

แต่ถ้าคิดว่าเรื่องเหล่านี้ดูซับซ้อนเกินไป  ก็ไม่กังวล เพราะ UFA ARENA จะขออาสาแนะนำแผนการเล่นที่ดีที่สุดใน FIFA 23 รวมทั้งจุดอ่อน จุดแข็ง และวิธีการบุกทำประตูในแผนนั้น ๆ ไม่ว่าคุณจะเล่นฟุตบอลสไตล์ไหนก็ตาม

 

4-1-2-1-2

ใครชอบแผนการเล่นแบบครองบอลเป็นหลัก เน้นหาจังหวะชัวร์ๆในการเข้าทำ พร้อมกับคอยปั่นประสาทคู่แข่งไปในตัวด้วย แผนการเล่น 4-1-2-1-2 หรือแผน 4-4-2 แบบรูปเพชร คือคำตอบที่คุณตามหา

สิ่งที่ควรรู้ : ด้วยระบบเกมเพลย์ของ FIFA ภาคล่าสุดที่ถูกปรับให้ช้าลงกว่าเดิมเล็กน้อย ทำให้หลายคนต้องปรับการเล่นของตัวเองด้วย และหากใช้แผนนี้ก็แนะนำให้ขึ้นเกมแบบช้าๆ โดยตั้งเป็น ‘‘slow build up’ หรือวางกองหน้าตัวโฮลด์บอลไว้ 1 คน เพื่อโอกาสในการดึงแนวรับมา จนเกิดช่องว่างในพื้นที่อื่นๆ รวมถึงเพื่อเล่นลูกโด่งด้วย

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง : แผนนี้ไม่มีตัวริมเส้น นั่นหมายความว่าการขึ้นเกมส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นแต่ตรงกลางเป็นหลัก ซึ่งหากจะขึ้นจากริมเส้นก็จำเป็นต้องเติมฟูลแบ็คทั้ง 2 ข้างขึ้นมา แต่หากไม่จำเป็นจริงๆ ก็อย่าเติมขึ้นมาดีกว่า ไม่เช่นนั้นจะเกิดช่องว่างให้คู่แข่งสวนกลับทันที หากเสียบอลกลางทาง 

คำแนะนำผู้เล่นและแผนการเล่น : แผนการเล่นนี้จะดีหรือแย่ ขึ้นอยู่กับ กองกลางตัวรับที่คอยคุมจังหวะเกม และต้องไม่ให้อยู่ห่างจากตำแหน่งของตัวเองมากเกินไป ด้วยการปรับการยืนตำแหน่งให้ไม่ต้องวิ่งขึ้นแดนหน้ายามทีมเล่นเกมรุก และให้ยืนประคองช่วยกองหลัง ยามเล่นเกมรับ

รวมไปถึงเหล่าผู้เล่นในแดนกลาง จำเป็นต้องมีการค่าพลังในการจ่ายที่ค่อนข้างสูง เพื่อต่อบอลไปหาหาช่องว่าง และตัดหลังแนวรับคู่แข่ง และที่สำคัญหากองกลางตัวรุกที่ไปกับบอลได้คล่องแคล่ว รวดเร็ว เผื่อกรณีที่หาช่องเจาะไม่ได้ในบางครั้ง

 

4-2-3-1 (Wide)

4-2-3-1 Narrow Formation - FIFA 23 - FIFPlay

ระบบการเล่นสุดคลาสสิคในยุคนี้ และน่าจะได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งใน FIFA 23 ได้พัฒนาการเลี้ยงบอลแบบดวล 1-1 ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ฟูลแบ็คความเร็วสูงได้เปรียบสุด ๆ แม้ EA มีการปรับสมดุลเรื่องนี้กับแพทช์ในอนาคต แต่ในตอนนี้ แผน 4-2-3-1 ด้านกว้าง ทำให้คุณได้เปรียบเหนือคู่แข่งที่เน้นการเล่นพื้นทีแคบ ๆ พอตัวเลย

สิ่งที่ควรรู้ : 4-2-3-1 แบบด้านข้างนั้นได้ผลดีสุด ๆ เพราะสามารถเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เป็นแบบอื่นได้ด้วย ขึ้นอยู่การตั้งค่า ‘คำแนะนำผู้เล่น’ (Player Instructions) และอย่ากลัวที่ทดลองอะไรใหม่ ๆ ด้วยการเปลี่ยนให้เป็นระบบ 4-3-3 เพื่อเน้นเกมบุก หรือปรับให้เกมรับแน่นขึ้นด้วยแผน 4-4-1-1 ถ้าต้องการรักษาสกอร์ขึ้นนำไว้

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง : ปีกที่เชื่องช้า ใครก็ตามที่มีค่าความเร็วต่ำกว่า 70 ไม่ควรใช้งานเด็ดขาด รวมถึงปีกที่มีค่าความอึดน้อยด้วยเพราะ ปีก 2 ฝั่งคือจุดหลักในการขึ้นเกมบุกของคุณ โดยเฉพาะเมื่อคุณใช้กองหน้าเพียงคนเดียว 

คำแนะนำผู้เล่นและแผนการเล่น : กองกลางตัวรับ 2 คน ไม่จำเป็นต้องรับอยู่ตำแหน่งตัวเองตลอดทั้งเกม เราสามารถใช้ประโยชน์จากคนใดคนหนึ่ง ด้วยการปรับค่า Defensive Behaviour เป็น Balanced, Attacking Support เป็น Get Forward,  Interceptions เป็น Aggressive

ที่สำคัญอย่างลืมเตรียมตัวสำรองในยามจำเป็นด้วย เพราะบ่อย ๆ ที่พวกเขามักเล่นได้ไม่เต็ม 90 นาที แต่มันก็คุ้มค่าที่จะเติมเกมขึ้นไปจากแดนกลาง เมื่อ AI ในภาคนี้มีความสำคัญในการทำเกมบุกและวิ่งหาช่องได้ฉลาดมากขึ้น

 

4-3-3 (Holding)

แผน 4-3-3 เป็นอีกแผนการเล่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแผนหนึ่งทั้งในโลกของวีดีโอเกม หรือฟุตบอลของจริง และใน FIFA ระบบนี้จะมอบทุกอย่างที่ควรมีในทีม ทั้งกองกลาง 3 คนคอยคุมเกม, ศักยภาพในการเล่นเกมโต้กลับจากริมเส้น และเกมรับที่แน่นหนา แต่ด้วยแผนการเล่นจากระบบนี้ที่จำแนกแยกย่อยอีก 5 แบบด้วยกัน ทำให้หลายคนอาจสงสัยว่าแบบไหนที่ดีสุด และเราขอแนะนำแบบ Holding 

สิ่งที่ควรรู้ : มีเหตุผลที่เราเลือกแผน 4-3-3 แบบ Holding หรือมีตัวรับอยู่ กองกลางที่เหลือ 2 คน หากมีค่าความอึดที่มากพอก็สามารถช่วยทั้งเกมรุกและรับได้อย่างไม่มีปัญหา อีกทั้งการเลือกใช้กองหน้าแบบ False 9 ก็น่าสนใจไม่น้อย เพียงแต่การเล่นเกมบุกจะทำให้ช่องว่างในเกมรับมีมากเกินไป ทำให้ ตัวรับ เป็นตำแหน่งที่สำคัญ ที่คอยกรองทุกอย่างก่อนที่คู่แข่งจะบุกทะลวงถึงหลังบ้าน 

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง : ถือว่ามีน้อยมาก หรือ แทบไม่มีเลยเมื่อเทียบกับรูปแบบการเล่นอื่น ๆ หากผู้เล่นในทีมของคุณลงตัว และมีหน้าที่ของตัวเองชัดเจน ก็ไม่น่ามีอะไรต้องกังวล

คำแนะนำผู้เล่นและแผนการเล่น : ในหน้าแทคติก การปรับให้ทีมลงมารับลึกสุด ๆ ด้วย ‘Drop Back’ ไม่ว่าคุณจะเล่น บาร์เซโลน่า หรือ โบลตัน ก็มั่นใจได้ว่าคุณจะไม่ถูกทำประตูได้ง่ายแน่นอน อีกทั้งยังดึงความสนใจให้คู่แข่งพยายามบุกหนักขึ้นจนเปิดช่องว่างให้คุณโต้กลับได้ด้วย 

 

4-2-2-2

เหล่ากองหน้ากึ่งปีกกลายเป็นเทรนด์ของฟุตบอลยุคใหม่ และในภาคนี้ แผน 4-2-2-2 น่าจะตอบโจทย์ของผู้เล่นสายบุกที่ชื่นชอบใช้นักเตะอย่าง ซอน เฮือง มิน หรือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลากเลื้อยตัดเข้ามาในกรอบเพื่อทำประตู

สิ่งที่ควรรู้ : แผนนี้คือการเน้นเกมรุกค้อนข้างเต็มสูมเมื่อเทียบกับแผนอื่นๆ เนื่องจากมีผู้เล่นแนวรุกมากถึง 4 คน ทำให้เกิดการเข้าทำที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นปรับให้กองหน้าคนหนึ่ง วิ่งหาช่องแบบ ‘Drift wide’ หรือฉีกออกไปด้านข้าง ทำให้เกิดช่องว่างแก่ตัวริมเส้นทั้ง 1 ฝั่ง

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง : อย่างไรก็ตาม คุณต้องมั่นใจว่าในทีมมี 2 กองกลางตัวรับชั้นดีที่คอยดักและแย่งบอลให้ได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องค่า Work rate เกมรุกมาก แต่ให้เน้นค่าต่างๆที่จำเป็นต่อเกมรับ ไม่เช่นนั้นแดนกลางของคุณจะเป็นรองคู่แข่งแน่นอน เนื่องจากมีปักหลักอยู่เพียง 2 คนเท่านั้น

คำแนะนำผู้เล่นและแผนการเล่น : ย้อนกลับไปตรงหน้าแทคติก ถ้าคุณอยากใช้ กีเก้นเพรสซิ่งแบบเต็มตัว ก็สามารถเลียนแบบแทคติกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้ด้วยการเลือกเล่นเกมรับแบบ ‘Pressure on Heavy Touch’ โดยเลือกความลึก (Depth) เป็น 8 จาก 10 ซึ่งจะเป็นการบีบคู่แข่งจนถึงแดนพวกเขาเลย หรืออยากถนอมค่าสตามิน่าของผู้เล่น ก็เลือกปรับให้ตัวรุกริมเส้น 2 ข้าง หรือกองหน้าอีกคน ถอยลงมาช่วยเกมรับยามต้องรักษาสกอร์ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน

 

5-2-1-2

การเล่นแบบกองหลัง 5 คน ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อเสมอไปในภาคนี้ ต้องขอบคุณตำแหน่ง วิงแบ็ค ที่จะทำให้คุณเชื่อว่านี่เป็นหนึ่งในแผนการเล่นที่ดีที่สุดใน FIFA 23

สิ่งที่ควรรู้ : ต้องมีกองหน้าตัวใหญ่ แข็งแกร่ง แต่เล่นกับบอลได้คล่องแคล่ว อย่างน้อยซักคน (เช่นตัวบั๊คทั้งในเกมและชีวิตจริงอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์) และการขึ้นเกมจากแผงหลังไปแดนหน้าคือสิ่งที่จำเป็นในแผน 5-2-1-2 ดังนั้นจงใช้การเติมเกมจาก วิงแบ็ค หรือการใช้กองหน้าตัวเป้าพักบอล เพื่อให้กองหน้าอีกคน กับ ตัวกลางตัวรุก หาช่องเข้าจู่โจมในกรอบเขตโทษ

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง : วิงแบ็คทีมีค่าการลงมาช่วยเกมรับหรือรุกต่ำ เช่นเดียวกับค่าความอึดก็ควรมีไม่น้อยกว่า 75 เพราะพวกเขาจะต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่ตลอด 90 นาทีแน่นอน

คำแนะนำผู้เล่นและแผนการเล่น : สิ่งที่สำคัญคือการปรับให้ วิงแบ็ค ขึ้นไปเล่นเกมรุกเป็นส่วนใหญ่ในเกม และในหน้าแทคติก ค่าความกว้างในการขึ้นเกม ควรตั้งไว้ 7 จาก 10 ไม่เช่นนั้น ผู้เล่นของคุณคงกระจุกกันอยู่ในแดนกลางมากเกินไป

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

เมสซี่มาแน่? : 6 แข้งคว้าบัลลงดอร์หลังฟอร์มแจ่มในบอลโลก
เมสซี่มาแน่? : 6 แข้งคว้าบัลลงดอร์หลังฟอร์มแจ่มในบอลโลก