London Has Fallen! 6เกมสยองเสือใต้ถล่มทีมลอนดอน

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับความจริงว่าการเผชิญหน้ากันระหว่าง บาเยิร์น กับทีมดังจากกรุงลอนดอน ไม่ต่างอะไรกับ “งูเหลือมกับเชือกกล้วย”

 

เจอกันทีไรกลายเป็นฝั่งยอดทีมจากกรุงมิวนิค ที่เป็นฝ่ายเก็บชัยได้อยู่บ่อยครั้ง แต่มีอยู่หลายเกมที่ถล่มเอาชนะชนิดไม่ไว้หน้ากันเลย

 

ล่าสุดไม่มี “ปาฏิหาริย์” ใดๆ ที่อัลลิอันซ์ อารีน่า เชลซี ของ แฟรงค์ แลมพาร์ด โดยย้ำแค้นอีกหน พร้อมตกรอบไปแบบหมดทางสู้ด้วยสกอร์รวม 7-1

 

พูดถึงประเด็นนี้ทำให้นึกถึงภาพยนต์ดังที่มี เจอร์ราร์ด บัตเลอร์ เป็นนักแสดงนำ เป็นภารกิจเกี่ยวกับการปกป้องผู้นำประเทศที่ถูกผู้ก่อการร้ายหมายชีวิต

 

เนื้อเรื่องหนังทั้งหมดเกิดขึ้นที่ลอนดอน มีการถล่มภูเขาเผากระท่อมกับตูมตาม ซึ่งเข้ากับลูกหนังเวลา บาเยิร์น เจอกับทีมจากเมืองหลวงของอังกฤษ มากๆ

 

โดยเฉพาะ 6 เกมหลังจากนี้ ที่พูดเลยมันคือ “London Has Fallen” ชัดๆ เลย

 

บาเยิร์น 5-1 อาร์เซนอล
วันที่ : 04/11/2015
รอบ : รอบแบ่งกลุ่ม

 

ฤดูกาล 2015-16 ทั้งสองทีมโคจรมาเจอกันในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งเกมแรกที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อาร์เซนอล เปิดบ้านเอาชนะมาได้ก่อน 2-0 ทว่าพอกลับมาเล่นที่เยอรมัน ต้องบอกว่า “เสือใต้” เอาคืนแบบทบต้นทบดอก

 

แค่ 45 นาทีแรกพวกเขาก็ออกนำยาวๆ ถึง 3-0 ได้ประตูจาก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ นาที 10, โธมัส มุลเลอร์ นาที 29 และ ดาวิด อลาบา นาที 44

 

ขณะที่ครึ่งหลัง อาร์เยน ร็อบเบน ก็มาบวกสกอร์เป็น 4-0 นาที 55 แม้ ปืนใหญ่ จะตีไข่แตกจาก โอลิวิเยร์ ชิรูด์ นาที 69 แต่ก่อนหมดเวลานาทีเดียว มุลเลอร์ มาบวกลูกทีมสองของตัวเองและช่วยให้ทีมถล่มยับ 5-1

 

บาเยิร์น 5-1 อาร์เซนอล
วันที่ : 15/02/2017
รอบ : รอบ 16 ทีม นัดแรก

 

เรียกว่่าเนื้อคู่เลยก็ว่าได้่สำหรับ บาเยิร์น และ อาร์เซนอล โดยเฉพาะช่วงปี 2013-2017 ที่เจอกันในแชมเปี้ยนส์ลีก แทบทุกปีมากถึง 8 นัด ซึ่งหนนี้มาหวดกันในรอบ 16 ทีม แต่ทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

 

เสือใต้ เป็นฝ่ายไล่ถล่มยับด้วยสกอร์เดิม 5-1 โดยครึ่งแรก อาร์เยน ร็อบเบน ยิงให้เจ้าบ้านนำก่อนนาที 11 แต่ อเล็กซิส ซานเชซ มาตีเสมอนาที 30 ทว่าครึ่งหลังเจ้าบ้านรัว 4 ประตูรวดจาก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ นาที 53 ธิอาโก้ อัลคันทาร่า นาที 56 และ 63 ปิดท้ายที่ โธมัส มุลเลอร์ นาที 88

 

หลังจบเกม บาเยิร์น แสบจัดโพสต์ทวิตเตอร์ถาม อาร์เซนอล ว่า “ปีหน้าสกอร์เดิมไหม?”

 

อาร์เซนอล 1-5 บาเยิร์น
วันที่ : 07/03/2017
รอบ : รอบ 16 ทีม นัดสอง

 

เรื่องแซวกันเล่นๆ ในเลกแรกกลายเป็นเรื่องจริงสยองขวัญสำหรับ “ปืนใหญ่” เพราะเกมนัดที่สอง ในรอบ 16 ทีม มันจบลงด้วยสกอร์ 5-1 แถมหนนี้สุดช้ำใจเพราะมัน “คาบ้าน” ตัวเอง

 

อาร์เซนอล มีโจทย์ยากคือต้องการ 4 ประตูในการพลิกเข้ารอบ แม้จะเริ่มต้นได้ดีด้วยการออกนำก่อนจาก ธีโอ วัลค็อตต์ ในนาที 20 ทว่าครึ่งหลัง โลร็องต์ กอสเซียลนี่ มาทำเสียจุดโทษบวกโดนใบแดง ก่อนที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ จะมายิงตีเสมอ

 

เมื่อตัวผู้เล่นมากกว่า บาเยิร์น ยิงเพิ่มอีก 4 ประตูรวดจาก อาร์เยน ร็อบเบน นาท 68, ดักลาส คอสต้า นาที 78 และ อาร์ตูโล่ วิดัล นาที 80 และ 85 ย้ำแค้นด้วยสกอร์เดิมในการเจอกัน 3 เกมหลังสุด

 

สเปอร์ส 2-7 บาเยิร์น
วันที่ : 01/10/2019
รอบ : แบ่งกลุ่ม

 

แม้ผลงานของ บาเยิร์น ในยุคของ นิโก้ โควัช อาจจะไม่เป็นที่ปลื้มนักของแฟนบอล “เสือใต้” แต่อย่างๆ น้อยๆ ก็มี 1 เกมแห่งความทรงจำหลังพวกเขามาประกาศศักดาได้ถึงถิ่นท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ สเตเดี้ยม

 

แม้ทีมรองแชมป์ยูซีแอล หนล่าสุดจะนำก่อนจาก ซอน ฮึง มิน นาที 12 แต่ บาเยิร์น มารัวทีเดียว 7 ประตูรวดจาก โยซัว คิมมิช นาที 15, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ นาที 45 และ 87 แซร์ซ นาบรี้ เหมาคนเดียว 4 ประตูนาที 53, 55, 83 และ 88

 

หลังจบเกมด้วยความเป็นเด็กเก่า “ปืนโต” ดาวเตะวัย 25 ปีก็ซัดหน้าแฟนไก่ไปอีกดอกด้วยการโพสต์ทวีตเตอร์ว่า “ลอนดอนเหนือสีแดง” เพราะรู้ดีุถึงความเป็นอริกันระหว่าง สเปอร์ส และ อาร์เซนอล

https://www.youtube.com/watch?v=rFjid9qkx6k

เชลซี 0-3 บาเยิร์น
วันที่ : 25/02/2020
รอบ : รอบ 16 ทีม นัดแรก

 

การจบอันดับ 2 ของกลุ่ม เอช กลายเป็นความผิดพลาดมหันต์ของ แฟรงค์ แลมพาร์ด เพราะการต้องจับสลากรอบ 16 ทีมไปชนกับแชมป์กลุ่มอื่น มันคือโปรแกรมหนักที่เลี่ยงไม่ได้โดยเฉพาะคู่ปรับอย่าง บาเยิร์น มิวนิค

 

แม้จะได้เล่นในบ้านก่อนก็ไม่มีผลอะไรเลย บาเยิร์น อาศัยความเฉียบคมที่ดีกว่าบุกมายำคาบ้าน 3-0 ได้ประตูจากตัวแสบคนเดิม แซร์ซ นาบรี้ เหมา 2 นาที 51 และ 54 อีกลูกจาก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ นาที 76

 

นอกจากนี้ท้ายเกม มาร์กอส อลอนโซ่ มาโดนใบแดงอีก ทำให้เกมนัดที่สองพวกเขาต้องลุ้นถึง 4 ประตู หากหวังที่จะสร้างปาฏิหาริย์พลิกเข้ารอบได้

 

https://www.youtube.com/watch?v=wX_ajQrNEt4

บาเยิร์น 4-1 เชลซี
วันที่ : 08/08/2020
รอบ : รอบ 16 ทีม นัดสอง

 

เกมนัดที่สองของคู่นี้ที่เพิ่งจบไปสดๆ ร้อนๆ ต้องบอกว่า เชลซี มีโจทย์ที่ยากมากๆ นอกจากต้องบุกมาชนะถึง 4 ประตู ขุมกำลังของพวกเขาก็ไม่พร้อมเอาเสียเลย อลอนโซ่ กับ จอร์จินโญ่ ติดแบน ตัวความหวังอย่าง คริสเตียน พูลิซิซ และ วิลเลี่ยน ก็มาเจ็บทั้งคู่

 

สุดท้ายรูปเกมก็ออกมาตามคาด บาเยิร์น ทำได้ดีกว่าเหมือนเคย นำก่อน 2 ลูกจากจุดโทษของ เลวานดอฟสกี้ นาที 10 และ อิวาน เปริซิซ นาที 24 แม้ แทมมี่ อบราฮัม จะตีไข่แตกนาที 44 แต่ครึ่งหลังก็ไม่รอดโดนเพิ่งอีก 2 ตุงจาก กอร็องแต็ง โตลิสโซ่ นาที 76 และ เลวาน บวกลูกสองของตัวเองนาที 83

 

การโดนถล่มแพ้ไปด้วยสกอร์รวม 7-1 กลายเป็นสถิติใหม่ของ เชลซี ในการเล่นเวทียุโรป ทั้งการโดนยิงถึง 7 ลูกเป็นครั้งแรกในรอบน็อกเอาท์ รวมทั้งเป็นสถิติแพงขาดลอยที่สุดของสโมสรอีกด้วย

https://www.youtube.com/watch?v=S4OONQrGhjE