NO.9 อาถรรพ์แห่งบ้านสีน้ำเงิน

แม้ตลาดซื้อขายซัมเมอร์ รวมถึงตลาดซื้อขายฤดูหนาวจะไม่มี เชลซี รวมวงไพบูลย์ในการล่านักเตะใหม่เข้ามาเสริมแกร่งให้กับทีม

 

แต่ในมุมของผู้เขียนยังคงเชื่อมั่นว่า “สิงห์บลู” ยังคงเป็นทีมที่แข็งแกร่ง เพราะพวกเขามี “แข้งยังบลัด” หลายรายที่น่าจะเป็นกำลังเสริมชั้นดีระหว่างที่ติดโทษแบนได้

 

โดยเฉพาะแนวรุกเด็กหนุ่มที่ชื่อ แทมมี่ อบราฮัม ต้องบอกว่า “ไม่ธรรมดา” ผลงานระหว่างเป็นนักเตะสัญญาเช่าทำได้ดีชนิดเตะตากรรมการมากๆ

 

อยู่กับ บริสตอล ซิตี้ ยิงไป 23 ประตูจากการลงสนาม 40 นัด อยู่กับ แอสตัน วิลล่า ก็ซัดไปถึง 26 ประตูและมีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้ “สิงห์ผงาด” ได้กลับมาสูดอากาศบนลีกสูงสุดอีกครั้ง

 

ในเวทีพรีเมียร์ลีก หัวหอกวัยเพียง 21 ปีก็เคยทดสอบฝีเท้ามาแล้ว โดยยิงได้ 5 ประตูจากการลงสนาม 15 นัดสมัยที่ถูก สวอนซี ยืมไปใช้งานในฤดูกาล 2017-2018

 

เรื่องฝีเท้าแม้ว่าจะ “น่าสนใจ” แต่ที่น่าเป็นห่วงอยู่เล็กๆ คือการเลือกเบอร์เสื้อสำหรับซีซั่นใหม่ เพราะ อบราฮัม จะใส่หมายเลข 9 ที่นาทีนี้อาจจะเป็น “เบอร์อาถรรพ์” ของ เชลซี เลยก็ว่าได้

 

เพราะตั้งแต่หมดยุค จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ หัวหอกดัตช์แมนจอมถล่มประตู (127 ประตูในพรีเมียร์ลีก) ก็หาใครทำยาได้ยากเหลือเกิน ซึ่งชื่อต่อไปนี้คือเหล่าทายาทอสูร ที่ร่วมสร้างอาถรรพ์อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Mateja Kežman chelsea

1.มาเตย่า เคซมัน
ฤดูกาล : 2004-05
ย้ายมาจาก : พีเอสวี (ค่าตัว 5 ล้านปอนด์)
สถิติ : 41 นัด 7 ประตู

 

การย้ายมาของ เคซมัน ถูกคาดหวังอย่างมากจากแฟนบอลของ เชลซี เพราะผลงานระดับมาเตอร์พีซ ในเอเรดิวิซี่ ลีก ฮอลแลนด์ การถล่มประตูถึง 105 ประตูจาก 122 นัดในลีก คือตัวเลขที่มหัศจรรย์มากๆ

 

ทว่าเอาเข้าจริงหัวหอกชาวเซิร์บ ไม่ได้ตอบโจทย์แต่อย่างใด ไม่สามารถเบียดแย่งตัวจริงในทีมของ โจเซ่ มูรินโญ่ ได้ โดยในพรีเมียร์ลีก ลงเล่น 25 นัดยิงได้ 4 ประตู นับรวมทุกถ้วยก็ยิงได้แค่ 7 เม็ด

 

สุดท้าย เคซมัน ต้องย้ายออกในปีเดียวและกลายเป็นนักเตะพเนจรเล่นไปเรื่อยทั้ง แอต.มาดริด, เฟเนอร์บาห์เช่, ปารีสฯ, เซนิต, เซาธ์ ไชน่า และ บาเต้ บอริซอฟ ซึ่งหลังประกาศแขวนสตั๊ดก็ผันตัวมาเป็นเอเยนต์ ปัจจุบันดูแล เซอร์เก มิลินโควิช ซาวิช ที่มีลุ้นเป็นแข้งใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ในเวลานี้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ HERNAN CRESPO chelsea

2.เฮอร์นาน เครสโป
ฤดูกาล : 2003-08
ย้ายมาจาก : อินเตอร์ (ค่าตัว 16.8 ล้านปอนด์)
สถิติ : 73 นัด 25 ประตู

 

แม้ตัวสัญญาของ เครสโป จะอยู่กับ เชลซี นานถึง 5 ปี ทว่าเอาเข้าจริงหัวหอกทีมชาติอาร์เจนติน่า ค้าแข้งกับยอดทีมจากลอนดอน เพียงแค่ 2 ฤดูกาลเท่านั้น

 

ปีแรกที่เจ้าตัวย้ายมา ฮัสเซลเบงค์ ยังไม่ย้ายออกจึงเลือกใส่เบอร์ 21 แทน ทว่าผลงาน 10 ประตูจาก 19 นัดในพรีเมียร์ลีก ไม่ดีพอที่จะชนะใจกุนซือใหม่อย่าง โจเซ่ มูรินโญ่ ที่ต้องการปลุกปั้น ดิดิเยร์ ดร็อกบา มากกว่า

 

เครสโป ถูกปล่อยให้ เอซี มิลาน ยืม 1 ปี ก่อนกลับมาร่วมทีม “สิงห์บลู” อีกครั้งในฤดูกาล 2005-06 พร้อมกับใส่เบอร์ 9 แทนที่ของ เคซมัน แต่ก็ยังหาผลงานที่น่าประทับใจได้ยาก 10 ประตูจาก 30 เกม ทำให้เจ้าตัวถูกปล่อยยืมยาวก่อนย้ายไปร่วมทัพ อินเตอร์ ทีมเก่าแบบบถาวรในปี 2008

 

ปัจจุบัน เครสโป เป็นกุนซือของ บานฟิลด์ ในลีกบ้านเกิด หลังฝึกปรือวิชากับ ปาร์ม่า และ โมเดน่า ในเซรี่ บี อิตาลี มาก่อนแล้ว

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ KHALID BOULAHROUZ chelsea

3.คาลิด บูลาห์รูซ
ฤดูกาล : 2006-08
ย้ายมาจาก : ฮัมบวร์ก (ค่าตัว 8.5 ล้านปอนด์)
สถิติ : 20 นัด 0 ประตู

 

วัฒนธรรมของโลกลูกหนัง “เบอร์เสื้อ” มีความหมายในตัวของมันเอง เลขบางตัวมีเรื่องราวที่บอกถึงตำแหน่งการเล่นในสนามได้ ทว่าปี 2006 ทุกอย่างถูกฉีกกรอบไปโดยสิ้นเชิงจากนักเตะ 2 ราย

 

คนแรกคือ วิลเลี่ยม กัลลาส ที่ย้ายสลับขั้วกับ แอชลี่ย์ โคล และไปสวมเสื้อเบอร์ 10 ทั้งๆ ที่เป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟ เช่นเดียวกับ คาลิด บูลาห์รูซ ที่ฮือฮาสุดๆ กับกับการเป็นกองหลังหมายเลข 9 ที่เชลซี

 

อย่างไรก็ตามผลงานในสนามของแนวรับดีกรีทีมชาติเนเธอร์แลนด์ กลายเป็น “สีสัน” ยิ่งกว่าเบอร์เสื้อด้านหลัง เพราะเจ้าตัวเฟอะฟะ โฉ่งฉ่าง จนแฟนบอล “สิงห์บลู” ร้องระงมกับทั่วสแตมฟอร์ด บริดจ์

 

สุดท้ายทุกอย่างเป็นไปตามฟอร์ม บูลาห์รูซ อยู่กับ เชลซี ได้แค่ปีเดียว ถูกส่งตัวไปให้ เซบีญ่า ยืมตัว ก่อนย้ายถาวรไปอยู่กับ สตุ๊ตการ์ต ในปี 2008

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ STEVE SIDWELL chelsea

4.สตีฟ ซิดเวลล์
ฤดูกาล : 2007-08
ย้ายมาจาก :เรดดิ้ง (ฟรี)
สถิติ : 25 นัด 1 ประตู

 

แม้จะมีผลงานที่โดดเด่นด้วยการพา เรดดิ้ง ขึ้นชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก แต่การย้ายมาอยู่กับบิ๊กทีมอย่าง เชลซี อดีตลูกหม้อของ อาร์เซนอล ก็เป็นเพียงแข้ง “เฟรชชี่” ที่ถ้าไม่ดีจริงก็อยูยาก

 

ซิดเวลล์ รับเบอร์ 9 ต่อจาก บูลาห์รูซ ซึ่งผลงานอาจจะไม่ได้แย่เท่า แต่ก็ไม่ได้ดีเด่นอะไร โอกาสลงสนามในลีก 15 นัด บอลถ้วยอีก 10 เกม มันน้อยเกินไปที่จะได้โควต้าอยู่ต่อ

 

เรื่องทำประตูอาจจะคาดหวังได้ยากเพราะเจ้าตัวไม่ใช่กองหน้า แต่การยิงได้ลูกเดียวเปรียบเทียบกับสมัยอยู่ เรดดิ้ง ก็ต้องบอกว่าดร็อปลงไปเยอะทีเดียว

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ FRANCO DI SANTO chelsea

5.ฟรังโก้ ดิ ซานโต
ฤดูกาล : 2008-09
ย้ายมาจาก : ออดักซ์ อิตาเลียโน่ (ค่าตัว 3.4 ล้านปอนด์)
สถิติ : 16 นัด 0 ประตู

 

หลังจากเอาเสื้อดาวยิงไปเล่น “ตลก” อยู่ 2 ปี ในทึ่สุด เชลซี ก็นำเบอร์ 9 กลับสู่ผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าอีกครั้ง แต่คนที่มาสวมใส่ก็ยังไม่ใช่ยอดหัวหอกเหมือนดังเช่นอดีตกาล

 

เพราะ ฟรังโก้ ดิ ซานโต คือกองหน้าดาวรุ่งโนเนม ที่ทีมเพิ่งคว้าตัวมาจากลีกชีลี ซึ่งผลงานก็ตามหน้าเสื่อ ดาวยิงไร้ดีกรีรายนี้ได้โอกาสจาก หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ ลงเล่น 16 นัดกลับยิงประตูไม่ได้เลย

 

หัวหอกวัย 30 ปีได้เล่นกับ เชลซี แต่ปีเดียว หลังจากนั้นก็ไปค้าแข้งกับ แบล็คเบิร์น, วีแกน, เบรเมน, ชาลเก้ และปัจจุบันกับ ราโย บาเญกาโน่ ในสเปน ช่วงพีกๆ กับ “นกนางนวล” ก็มีชื่อติดทีมชาติอาร์เจนติน่า ได้อยู่เหมือนกัน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ FERNANDO TORRES chelsea

6.เฟรนานโด ตอร์เรส
ฤดูกาล : 2011-14
ย้ายมาจาก : ลิเวอร์พูล (ค่าตัว 50 ล้านปอนด์)
สถิติ : 172 นัด 45 ประตู

 

วันสุดท้ายของตลาดซื้อขายฤดูหนาวเมื่อปี 2011 กลายเป็นข่าวฮือฮาอย่างมาก หลัง เชลซี ทุ่มเงินสถิติเกาะอังกฤษ 50 ล้านปอนด์พรากนักเตะขวัญของ ลิเวอร์พูล อย่าง เฟรนานโด ตอร์เรส มาร่วมทีม

 

ตอร์เรส ในคราบของ “หงส์แดง” คือหนึ่งใน 5 กองหน้าที่ดีที่สุดในโลกของยุคนั้น ทว่าการย้ายมาอยู่กับ “สิงห์บลู” ผลงานต่างกันราวฟ้ากับเหว 5 ฤดูกาลยิงในพรีเมียร์ลีกได้เพียง 20 ลูก น้อยกว่า 4 ฤดูกาลที่เล่นให้ ลิเวอร์พูล ถึง 3 เท่า

 

อดีตหัวหอกทีมชาติสเปน เพิ่งประกาศแขวนสตั๊ดด้วยวัย 35 ปีไปเมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา โดย 2 ปีสุดท้ายโยกมาค้าแข้งในญี่ปุ่นกับ ซากัน โตสุ แต่สังขารไม่ไหวยิงได้แค่ 5 ประตูจาก 32 นัดในเจลีก

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ RADAMEL FALCAO chelsea

7.ราดาเมล ฟัลเกา
ฤดูกาล : 2015-16
ย้ายมาจาก : โมนาโก (ยืมตัว)
สถิติ : 12 นัด 1 ประตู

 

แม้จะเป็น “เสือร้าย” ในเวทีอื่นๆ ทว่าการเล่นในพรีเมียร์ลีก ราดาเมล ฟัลเกา เป็นเพียง “แมวเหมียว” ที่ไม่ได้น่าเกรงขามหรือขู่กดดันแนวรับคู่แข่งได้เลย

 

ด้วยชื่อชั้นเก่าๆ ที่เคยทำได้ดีในอดีต เชลซี ตัดสินใจให้โอกาสแก้ตัวกับ ฟัลเกา อีกครั้ง แม้เจ้าตัวจะล้มเหลวไม่เป็นท่ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลก่อนก็ตาม

 

ทว่าสุดท้ายกลายเป็น เชลซี ตัดสินใจผิด เพราะ ฟัลเกา ไม่ได้พัฒนาอะไรจากเดิมเลย เอาจริงๆ เรียกว่าแย่กว่าเก่าด้วยซ้ำ เพราะยิงได้เพียงประตูเดียวจาก 12 นัดที่ได้ลงสนาม (อยู่ผีแดง ยิง 4 ประตูจาก 29 เกม)

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ALVARO MORATA chelsea

8.อัลบาโร่ โมราต้า
ฤดูกาล : 2017-19
ย้ายมาจาก : เรอัล มาดริด (ค่าตัว 70 ล้านปอนด์)
สถิติ : 72 นัด 24 ประตู

 

นิยามของ โมราต้า กับ เชลซี เข้าข่ายพวก “ท่าดีทีเหลว” เพราะตอนต้นฤดูกาลจริงๆ เหมือนจะไปได้สวย 6 นัดแรกในพรีเมียร์ลีก ยิงไป 6 ประตู นับเฉพาะเลกแรกก็กดไปถึง 9 จาก 19 นัด

 

แต่หลังจากนั้นเหมือนวิญญาณ “สากกระเบือ” เข้าสิงห์ โมราต้า แทบคลำเป้าไม่เจอเลย ยิงเพิ่มได้อีกแค่ 2 ลูกเท่านั้น

 

ฤดูกาลที่สองกับชีวิตในลอนดอน โมราต้า กลายเป็นเด็กงอแง เล่นสงครามประสาทบอกไม่มีความสุขกับต้นสังกัด สุดท้ายทีมต้องปล่อยตัวให้ แอตเลติโก มาดริด ยืมใช้งาน ก่อนย้ายถาวรเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมานี่เอง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ GONZALO HIGUAIN chelsea

9.กอนซาโล่ อิกวาอิน
ฤดูกาล : 2019
ย้ายมาจาก : ยูเวนตุส (ยืมตัว)
สถิติ : 18 นัด 5 ประตู

 

กราฟชีวิตของ “เอล ปิปิต้า” ดิ่งลงอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ย้ายมาร่วมทีม ยูเวนตุส ซึ่งทำให้เจ้าตัวต้องพเนจรไปอยู่กับ เอซี มิลาน คู่แข่งร่วมลีกแทน

 

ผลงานกับ “ปิศาจแดงดำ” เจ้าตัวยิงได้แค่ 6 ประตูจาก 15 นัด ก่อนที่เลกสองจะต้องสัญจรมาไกลถึงลีกอังกฤษ เพื่อร่วมงานกับเจ้าหน้าเก่าอย่าง เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่ใครๆ ก็คิดว่ามี “คู่มือ” ในการใช้งาน

 

อย่างไรก็ตาม “ขาลง” ก็คือ “ขาลง” อยู่วันยังค่ำ อิกวาอิน มีปัญหาในการปรับตัวเและยิงได้เพียง 5 ลูกจาก 14 เกม ซึ่งต่ำกว่าความคาดหวังของแฟนบอลไปเยอะเลย

คิดดูหัวหอกวัย 31 ปี เป็น 1 ใน 2 นักเตะสัญญาเช่าที่ทีมมีโอกาสใช้สิทธิ์ซื้อขาด แต่ทั้งๆ ที่ เชลซี โดนแบนซื้อตัว พวกเขากลับดึง มาเตโอ โควาซิซ มาร่วมทีมเพียงรายเดียว…คงไม่ต้องบอกนะว่าเพราะอะไร