Yo-yo club! 6สโมสรขึ้นลงพรีเมียร์ลีกเป็นว่าเล่น

Yo-yo club! 6สโมสรขึ้นลงพรีเมียร์ลีกเป็นว่าเล่น

 

ระหว่างที่รอผลการแข่งขันนัดสุดท้ายของ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2019-20 บังเอิญได้พูดคุยกับรุ่นน้องคนหนึ่งที่เปิดปากว่ากำลังเชียร์ เบรนท์ฟอร์ด ให้จบรองแชมป์ตาม ลีดส์ ขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก

 

แม้บทสุดท้ายน้องคนนั้นจะผิดหวังเพราะทีมที่คว้าโควต้ากลับเป็น เวสต์ บรอมวิช สโมสรที่เจ้าตัวบ่นหนักบ่นหนาว่า “เบื่อแล้ว” อยากเห็นทีมใหม่ๆ บ้าง ไม่ใช่หน้าเดิมๆ ที่วนลูบจนซ้ำซาก

 

ในภาษาฟุตบอลโดยเฉพาะในอังกฤษ ทีมที่ขึ้นชั้นตกชั้นอยู่เป็นประจำจะถูกเรียกว่า “โยโย่คลับ” เหมือนกับการเล่น โยโย่ ที่ต้องดึงขึ้นดึงลง ซึ่งนับตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้ชื่อพรีเมียร์ลีก ก็มีอยู่ 6 สโมสรที่เข้าข่าย

 

บอกเลยว่าหากใครเป็นแฟนบอลขาประจำของลีกผู้ดี คงเดาได้ไม่ยากว่ามีทีมใดบ้าง เพราะนี่คือสโมสรที่แฟนบอลให้คำนิยามว่า “เก่งเกินลีกรอง แต่ดีไม่พอในลีกสูงสุด”

มิดเดิลสโบรห์
ขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก : 4 ครั้ง (1991/92, 1994/95, 1997/98 & 2015/16)

 

ทีมดังจากภาคอีสาน นับเป็นขาประจำนับตั้งแต่ลีกสูงสุดรีแบรนด์มาเป็นพรีเมียร์ลีก พวกเขาคือหนึ่งในทีมสีสันชอบคว้าดาวดังมาร่วมทีมอาทิเช่น จูนินโญ่, เอเมอร์สัน และ ฟาบริซิโอ ราวาเนลลี่ แต่สุดท้ายก็ยังตกชั้นอยู่ดี

 

ครั้งแรกที่ โบโร่ โผล่ตัวในลีกสูงสุดเกิดขึ้นในปี 1992 แต่ก็ตกทันทีภายในปีเดียว ก่อนกลับมาอีกครั้งด้วยการนำทีมของ ไบรอัน ร็อบสัน ในปี 1995 ก็อยู่ได้ 2 ซีซั่นก็ร่วงไปอีก พวกเขาขึ้นชั้นอีก 2 หนในปี 1998 ซึ่งหนนี้อยู่นานถึง 11 ซีซั่น

 

มิดเดิลสโบรห์ ใช้เวลาในลีกพระรองถึง 7 ปี ก่อนได้ ไอตอร์ การันก้า มาเป็นฮีโร่พากลับสู่ลีกสูงสุดในปี 2016 แต่สุดท้ายพวกเขาก็คือ โยโย่คลับ ตัวจริงเล่นปีเดียวก็อยู่ในเวทีของ เสือ สิงห์ กระทิง แรด ไม่ไหว

คริสตัล พาเลซ
ขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก : 4 ครั้ง (1993/94, 1996/97, 2003/04 & 2012/13)

 

ช่วงที่ ปราสาทเรือนแก้ว โยโย่คลับ หนักๆ อยู่ในยุค 90 โดยในช่วง 7 ปีตั้งแต่ 1993-1998 พวกเขาขึ้นชั้น-ตกชั้นชนิดเกือบปีเว้นปี ก่อนอาศัยให้ลีกแชมเปี้ยนชิพอีกประมาณ 6 ฤดูกาลก่อนจะกลับมาพรีเมียร์ลีกอีกครั้งในปี 2004

 

แต่ พาเลซ ในยุค เอียน ดาวี่ ที่มี “เอเจ” แอนดี้ จอห์นสัน เป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมก็ยังอยู่ได้แค่ปีเดียว ฤดูกาล 2013-14 แม้ ดูกี้ ฟรีแมน จะพาทีมออกสตาร์ตไม่ดี แต่การได้มือโปรอย่าง เอียน ฮอลโลเวย์ มาคุมทีมก็สามารถเร่งแต้มเกาะกลุ่มเพลย์ออฟ และเบียดชนะ วัตฟอร์ด ในเกมนัดชิง

 

นับตั้งแต่ปีนั้นจนถึงตอนนี้ พาเลซ อยู่่ในลีกสูงสุดแบบชิลๆ โดยในยุคของ อลัน พาร์ดิว มีดีถึงขนาดเข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ด้วย น่าเสียดายที่พลาดท่าแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปด้วยสกอร์ 2-1 ในการต่อเวลาพิเศษ

เลสเตอร์
ขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก : 4 ครั้ง (1993/94, 1995/96, 2002/03 & 2013/14)

 

จิ้งจอกสยาม ทีมขวัญใจชาวไทย เป็นหนึ่งใน 6 สโมสรที่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่ในทางตรงกันข้ามพวกเขาติดท็อปซิกซ์ของทีมที่เป็นสโมสร “โยโย่คลับ” ขึ้นชั้น-ตกชั้นมากที่สุดในเช่นเดียวกัน

 

ในยุคพรีเมียร์ลีก เลสเตอร์ ขึ้นชั้นมาเล่นครั้งแรกในปี 1994 แต่ก็อยู่ได้ปีเดียว ทว่าปีต่อมา มาร์ติน โอนีลล์ ก็พากลับขึ้นมาได้อีกครั้ง ซึ่งหนนี้พวกเขากลายเป็นสีสันด้วยการคว้าแชมป์ลีก คัพ ได้ถึง 2 สมัย

 

ในปี 2001-03 พวกเขาตกชั้น-ขึ้นชั้นแบบปีเว้นปี ทีมอยู่ในช่วงขาลงหล่นไปเล่นในลีกวันด้วย ก่อนจะกลับมาเล่นในลีกสูงสุดอีกครั้งในปี 2014 ที่มีกลุ่มทุนคิง เพาเวอร์ ที่มีเจ้าของคนไทยบริหาร ซึ่งหนนี้สามารถสร้างปาฏิหาริย์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยแรกของสโมสรได้ด้วยในอีก 2 ปีต่อมา

ซันเดอร์แลนด์
ขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก : 4 ครั้ง (1995/96, 1998/99, 2004/05 & 2006/07)

 

แม้สถานการณ์ปัจจุบัน ซันเดอร์แลนด์ จะจมอยู่ในลีกวัน หรือระดับดิวิชั่น 3 ของฟุตบอลอังกฤษ แต่ในอดีตทีมดังจากตะวันออกเฉียงใต้ คือขาประจำที่ขึ้นชั้นสู่พรีเมียร์ลีก ได้ถึง 4 หน

 

ทีมเจ้าของฉายา “เรือรบ” ที่จะมาเปลี่ยนในภายหลังให้เป็น “แมวดำ” ขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีก หนแรกในปี 1996 แต่ก็ตกชั้นไปในปีเดียว หลังจากนั้นพวกเขากลับมาอีกครั้งในปี 1999 ซึ่งก็กลายเป็นทีมที่สร้างเซอร์ไพรส์ไว้มาก

 

ในยุคของ เควิน ฟิลลิปส์ 2 ปีแรกพวกเขาจบได้ึถึงอันดับ 7 ขณะที่หัวหอกเจ้าของความสูงเพียง 170 เซนติเมตรก็ยิงเทิดเทิงถึง 30 ประตูคว้าดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกและรางวัลรองเท้าทองคำของยุโรป ได้อย่างตื่นตาตื่นใจ

 

ช่วงปี 2003-2007 ซันเดอร์แลนด์ โยโย่คลับอย่างมาก พวกเขาตกชั้น-ขึ้นชั้นแบบปีเว้นปี ซึ่งรอบล่าสุดพวกเขาอยู่ในพรีเมียร์ลีก ถึง 10 ซีซั่นก่อนร่วงไปในปี 2017 และปีต่อมาก็หล่นไปเล่นในลีกวัน จนถึงตอนนี้

นอริช
ขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก : 4 ครั้ง (2003/04, 2010/11, 2014/14 & 2018/19)

 

ถ้าพูดกันแบบภาษาชาวบ้าน นอริช คือเฟรชชี่ของสโมสร โยโย่คลับ เลยก็ว่าได้ เพราะพวกเขาเอาดีด้านนี้ก็หลังเข้าสู่ยุค 2000 ไปแล้ว โดยนับตั้งแต่ร่วงจากลีกสูงสุดไปในปี 1995 พวกเขาก็ต้องอยู่ในลีกรองนานถึง 9 ฤดูกาล

 

เดอะ คานารี กลับมาเล่นในลีกสูงสุดในปี 2004 ยุคที่มี ดาร์เรน ฮัคเคอร์บี้ และ ดีน แอชตัน เป็นตัวชูโรง แต่ก็อยู่ได้ปีเดียวก็ร่วงตกชั้น แถมอาการหนักถึงขั้นหล่นไปเล่นในลีกวันด้วยในปี 2009

 

แต่ภายใต้การคุมของ พอล แลมเบิร์ต พวกเขาใช้เวลาเพียง 2 ปีขึ้นจากลีก วัน มาสู่พรีเมียร์ลีก ส่วน 2 กุนซือคนล่าสุดที่พาทีมขึ้นชั้นได้อย่าง อเล็กซ์ นีล (2015) และ เดวิด ฟาร์เก้ (2019) ชะตากรรมไม่ต่างกันตกชั้นในเวลาปีเดียว

เวสต์ บรอมวิช
ขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก : 5 ครั้ง (2001/02, 2003/04, 2007/08, 2009/10 & 2019/20)

 

เดอะ แบ็กกี้ส์ อาจจะเป็นทีมแรกที่สามารถรอดตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก ทั้งๆ ที่เป็นทีมบ๊วยของตารางในช่วงคริสต์มาส แต่จนแล้วจนรอดพวกเขาก็มีประสบการณ์ผ่านการร่วงจากลีกสูงสุดมากถึง 4 ครั้ง

 

ช่วงปี 2001-2010 เวสต์ บรอมวิช ขึ้นลงพรีเมียร์ลีกเป็นว่าเล่น พวกเขาขึ้นชั้นถึง 4 ครั้งและตกชั้นไปถึง 3 หน เรียกว่าเวียนว่ายตายเกิดจนแฟนบอลส่วนใหญ่เหม็นขี้หน้าและมักแช่งพวกเขาเสมอเมื่อพวกเขาเป็นหัวตารางของเดอะ แชมเปี้ยนชิพ

 

ด้วยประสบการณ์ที่เพาะบ่มมาร่วม 10 ปี ในที่สุด เวสต์ บรอมวิช ก็เจอจุดลงตัวพวกเขาอยู่ค้าแข้งในลีกสูงสุดนานถึง 8 ฤดูกาลก่อนมาจบบ๊วยในปี 2018 อย่างไรก็ตามพวกเขาใช้เวลาแค่ 2 ปีกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ซีซั่นหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว