ไทม์ไลน์ความบาดหมาง : ย้อนดูสงครามน้ำลาย “มูรินโญ่ vs คอนเต้” ก่อนดวลกันอีกครั้งซีซั่นหน้า

ตลอดอาชีพการคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ เจ้าตัวได้เปิดศึกกับกุนซือทีมคู่แข่งมาแล้วหลายราย ไม่ว่าจะเป็น อาร์แซน เวนเกอร์ , ราฟาเอล เบนิเตซ , มานูเอล เปเยกรินี่ หรือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แต่หากจะพูดถึงคนที่งัดกับเทรนเนอร์ชาวโปรตุกีสได้มันส์ที่สุด ก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก อันโตนิโอ คอนเต้

 

หลังจากที่ โรม่า ประกาศแต่งตั้ง มูรินโญ่ ขึ้นเป็นแม่ทัพคนใหม่แทนที่ เปาโล ฟอนเซก้า ในฤดูกาลหน้า หนึ่งในไฮไลท์สำคัญที่ผู้คนจับจ้องคือการได้กลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้งของสองอดีตนายใหญ่เชลซี และแน่นอนว่าสิ่งที่หลายคนสนใจยิ่งกว่าเรื่องในสนาม คือสงครามนอกสนามที่แม้ล่าสุด คอนเต้ จะออกมาบอกว่า “พวกเราดีกันแล้วนะ” แต่คุณเชื่อจริงๆเหรอว่าทั้งคู่จะจูบปากกันไปได้ตลอดรอดฝั่ง

 

ทำไมถึงกลายมาเป็นคู่กัดกัน? แล้วที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง? เพื่อเป็นการโหมโรงก่อนที่ มูรินโญ่ และ คอนเต้ จะมาปะทะกันอีกครั้งในฤดูกาล 2021-22 วันนี้เราจะพาไปย้อนดูว่าเรื่องราวของพวกเขาเป็นมาอย่างไร

 

ตุลาคม 2016 จะดีใจอะไรขนาดนั้นวะ

 

มูรินโญ่ กลับมาเยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์อีกครั้งในฐานะกุนซือของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่จะโดน เชลซี ถล่มไปแบบหมดสภาพ 0-4 ซึ่งการที่ คอนเต้ แสดงอาการดีใจแบบสุดเหวี่ยงทั้งที่สกอร์ขาดไปแล้ว ได้สร้างความไม่พอใจให้กับนายใหญ่ฝอยทอง จนต้องเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างกับเทรนเนอร์ชาวอิตาเลี่ยนในช่วงที่จับมือกัน และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของสงครามระหว่างทั้งสอง

 

“คุณไม่น่าฉลองแบบนั้นที่สกอร์ 4-0 หรอก คุณทำแบบนั้นตอนนำ 1-0 ก็ว่าไปอย่าง ยังไงก็ให้เกียรติพวกเราหน่อย” สื่อประเทศอิตาลีถอดคำพูดของ มูรินโญ่ ที่บอกกับ คอนเต้

 

พฤศจิกายน 2016 – มองข้าม โมเซส เนี่ยนะ

 

วิคเตอร์ โมเซส ย้ายจาก วีแกน มาร่วมทีม เชลซี ตั้งแต่ปี 2012 ทว่าเขากลับถูก มูรินโญ่ มองข้ามมาโดยตลอด พร้อมถูกปล่อยยืมตัวไปอยู่กับทั้ง ลิเวอร์พูล , สโต๊ค ซิตี้ และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แต่หลังจากที่ คอนเต้ มาถึง ริมเส้นชาวไนจีเรียก็ได้กลายเป็นขุนพลคนสำคัญที่ช่วยให้สิงโตน้ำเงินครามคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองในฤดูกาล 2016-17

 

“ผมสังเกตเห็นศักยภาพของเขาตั้งแต่วันแรกในช่วงซัมเมอร์” คอนเต้ กล่าว “โมเซส มีคุณสมบัติที่โดดเด่นคือเทคนิค , ความแข็งแกร่งทางกายภาพ , ความสามารถในการวิ่งได้ทั่วทั้งสนาม ผมคิดว่ามันน่าเหลือเชื่อที่คนอย่างเขาถูกมองข้าม”

 

 

เมษายน 2017 – ว้าย เปย์หนักแต่ไม่ได้แชมป์

 

แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้เงินเสริมทัพไปมากถึง 150 ล้านปอนด์ สำหรับสู้ศึกในฤดูกาล 2016-17 แต่ท้ายที่สุดกลับเป็น เชลซี ที่เข้าป้ายคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในซีซั่นนั้น ซึ่งเป็นปีแรกของ คอนเต้ บนลีกสูงสุดเมืองผู้ดีด้วย

 

“ผมคิดว่าฤดูกาลนี้สำคัญมาก ที่ทำให้เข้าใจว่าคนที่ใช้เงินมากกว่าไม่ได้คว้าแชมป์เสมอไป” คอนเต้ กล่าว “ไม่อย่างนั้นในลีกนี้ ฤดูกาลนี้ ทีมที่จะคว้าแชมป์คงไม่ใช่ เชลซี หรือ ท็อตแน่ม หรือ อาร์เซน่อล หรือ ลิเวอร์พูล คุณเข้าใจไหม?

 

“ฤดูกาลนี้ไม่ใช่ฤดูกาลเดียวที่สโมสรจากแมนเชสเตอร์ใช้เงินจำนวนมาก ย้อนกลับไปดูสิ มันเป็นเรื่องปกติ”

 

กรกฎาคม 2017 – ไอ้หัวล้าน

 

เมื่อ คอนเต้ นำ เชลซี คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ เขาก็ออกมาแซะ มูรินโญ่ ที่ถูกสิงห์บลูส์ไล่ออกในฤดูกาลต่อมาหลังจากที่เพิ่งพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้ ด้วยการประกาศว่าจะไม่ให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับตัวเองเด็ดขาด

 

2 ปีก่อน เชลซี จบอันดับ 10 นั่นไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีก เรารู้ดีถึงความยากลำบาก และแน่นอนว่าเราไม่อยากมีฤดูกาลเหมือนที่ มูรินโญ่ มีกับ เชลซี” คอนเต้ กล่าว

 

“โค้ชของแชมป์ 2 สมัยก่อนหน้านี้ตกงานทั้งคู่ (มูรินโญ่ และ เคลาดิโอ รานิเอรี่) และเรากำลังไปได้สวยมากในการหาวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด และใช้งานมัน”

 

และเมื่อ มูรินโญ่ ได้ยินดังนั้น เขาก็สวนกลับไปว่า “ผมไม่รู้หรอก ผมสามารถตอบคำถามได้หลายวิธี แต่ผมจะไม่ยอมสูญเสียเส้นผมบนหัวเพื่อพูดถึง อันโตนิโอ คอนเต้”

 

 

ตุลาคม 2017 – เอาเวลาไปสนใจทีมตัวเองเถอะ

 

คอนเต้ มักจะออกมาบ่นเรื่องอาการบาดเจ็บของลูกทีมอยู่บ่อยครั้งในช่วงเวลาดังกล่าว และมันก็เป็นโอกาสให้ มูรินโญ่ ได้เปิดศึกกับคู่ปรับรายนี้อีกยก

 

“ผมไม่เคยเอาแต่พูดเรื่องอาการบาดเจ็บ ผู้จัดการทีมคนอื่น พวกเขาร้องไห้ๆๆ เมื่อนักเตะได้รับบาดเจ็บ” มูรินโญ่ กล่าวหลังจบเกมที่พา แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะ เบนฟิก้า ไปได้ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก

 

“ผมไม่ร้องไห้ ผมคิดว่าวิธีที่ควรทำคือเลิกอาลัยอาวรณ์กับนักเตะที่บาดเจ็บ และโฟกัสกับนักเตะที่พร้อมลงเล่น ถ้าผมอยากคร่ำครวญและร้องไห้เหมือนกับคนอื่นๆ ผมอาจจะร้องไห้ในอีก 5 นาทีข้างหน้า แต่ผมคงไม่ทำ”

 

หลังจากนั้น คอนเต้ ก็ได้สวนกลับไปว่า “ผมคิดว่าเขาควรจะคิดถึงเรื่องของทีมตัวเอง และเริ่มมองที่ตัวเอง ไม่ใช่คนอื่น ผมคิดแบบนั้น หลายครั้ง มูรินโญ่ ชอบสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ เชลซี หลายครั้งเลย ฤดูกาลที่แล้วก็ด้วย เขาควรจะคิดถึงเรื่องของทีมตัวเอง”

 

มกราคม 2018 – ตัวตลกข้างสนาม

 

บางทีอาจเป็นเพราะภาพของ คอนเต้ ที่ดีใจแบบสุดเหวี่ยงเมื่อเดือนตุลาคมปี 2016 ยังคงฝังอยู่ในหัว ทำให้ มูรินโญ่ อดไม่ได้ที่จะเหน็บไปยังอดีตกุนซือยูเวนตุสเมื่อถูกถามเกี่ยวกับความมุ่งมั่นในการคุมทีม

 

“เพราะผมไม่ทำตัวเป็นตัวตลกที่ข้างสนาม มันหมายความว่าผมไม่มีแพสชั่นเหรอ? มูรินโญ่ กล่าว “ผมชอบทำตัวแบบที่ผมทำอยู่ เป็นผู้ใหญ่มากกว่า ดีกว่าสำหรับทีมของผม และตัวผมเอง ผมไม่คิดว่าคุณต้องทำตัวเหมือนคนบ้าที่ข้างสนามเพื่อแสดงให้เห็นถึงแพสชั่น”

 

ต่อมา คอนเต้ ได้ตอบโต้ผ่านทางโฆษกของสโมสรว่า “ผมคิดว่าเขาต้องกลับไปดูตัวเองในอดีตบ้างนะ บางทีเขาอาจจะพูดถึงตัวเองในอดีตก็ได้ บางที บางครั้งผมคิดว่าบางคนก็ลืมสิ่งที่ตัวเองเคยพูด หรือลืมสิ่งที่ตัวเองเคยทำในอดีตไป”

 

“บางทีผมคิดว่ามันเป็นอาการ ผมก็เรียกไม่ถูก แต่น่าจะเป็น เดเมนซ่า เซนิเล่(ภาษาอิตาเลี่ยน ซึ่งหมายถึงโรคสมองเสื่อมในวัยชรา) เมื่อคุณลืมสิ่งที่คุณทำในอดีตไปน่ะ”

 

มกราคม 2018 – ขุดคดีล็อคผลการแข่ง

 

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 คอนเต้ ถูกสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลีลงดาบแบนไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับวงการลูกหนังเป็นเวลานานถึง 10 เดือน จากคดีล็อคผลการแข่งขันในสมัยที่เขาคุมทีม เซียน่า เมื่อฤดูกาล 2010-11 ซึ่งต่อมานายใหญ่ชาวอิตาเลี่ยนได้รับการลดโทษลงเหลือ 4 เดือน ก่อนที่จะพ้นข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการในปี 2016

 

“เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับผม และจะไม่มีวันเกิดขึ้น กับการถูกแบนการแข่งขัน เรื่องนั้นไม่เคยเกิดขึ้นกับผม และจะไม่มีวันเกิดขึ้น” มูรินโญ่ กล่าว

 

และสิ่งที่ คอนเต้ สวนกลับไปก็คือ “ผมคิดว่าเมื่อมีความเห็นแนวนี้ออกมา ความเห็นที่คุณพยายามโจมตีคนอื่น และไม่ได้รู้เลยว่าความจริงเป็นยังไง คุณก็เหมือนผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักโต”

 

“ที่ผ่านมาเขาเคยเป็นผู้ใหญ่ไม่รู้จักโตในหลายๆเรื่อง เขาเป็นผู้ใหญ่ไม่รู้จักโตในปัจจุบัน และแน่นอนว่าเขาจะเป็นผู้ใหญ่ไม่รู้จักโตในอนาคตด้วย ผมถือว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ไม่รู้จักโต และผมถือว่าเขาเป็นชายที่โปรไฟล์ต่ำมาก”

 

 

มกราคม 2018 – นายนี่มันตอแหลจริงๆ

 

ก่อนเกมพรีเมียร์ลีกที่ เชลซี จะปะทะกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเดือนกุมภาพันธ์ คราวนี้ คอนเต้ ได้ทีกลับมาเป็นฝ่ายเปิดใส่ มูรินโญ่ บ้าง ด้วยการยกกรณีของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ที่ถูก เลสเตอร์ ซิตี้ ไล่ออกมาโจมตีเทรนเนอร์ชาวโปรตุกีส

 

“ผมจำได้เรื่อง รานิเอรี่ เมื่อ มูรินโญ่ เคยด่าเขาเรื่องภาษาอังกฤษของเขา ต่อมาเมื่อ รานิเอรี่ ถูกปลดออกจากตำแหน่ง เขากลับใส่เสื้อเพื่อให้กำลังใจ รานิเอรี่ นายนี่มันปลอม ปลอมจริงๆ” คอนเต้ กล่าว

 

“เกมที่จะเจอกับ ยูไนเต็ด? เราเจอกันในห้องก็ได้นะ เพื่อพยายามที่จะอธิบายถึงความเห็นเหล่านั้น ผมไม่รู้ว่าเขาพร้อมที่จะเจอกับผมในห้องหรือเปล่า แค่ผมกับเขา”

 

มกราคม 2018 – แมนพอที่จะขอโทษไหม ?

 

หลังจบเกมพรีเมียร์ลีกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะ สโต๊ค ซิตี้ ไปได้ 3-0 เมื่อวันที่ 15 มกราคม ในที่สุด มูรินโญ่ ก็ตัดสินใจที่จะจบเรื่องราวทั้งหมด พร้อมส่งข้อความไปถึง คอนเต้ ว่าแมนพอที่จะขอโทษเหมือนอย่างที่เขาขอโทษ รานิเอรี่ หรือเปล่า

 

“เมื่อผมไม่เริ่ม มันก็ค่อนข้างตลกสำหรับผมเมื่อได้เห็นอีกด้านของคนอื่นๆ ที่ทำตัวเหมือนเป็นเหยื่อทั้งที่พวกเขาไม่ใช่เหยื่อ แต่จริงๆแล้ว ผมไม่สนุกเลย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมสำหรับผมมันถึงจบแล้ว” มูรินโญ่ กล่าว

 

“บางครั้งมันก็เป็นความผิดของผม บางครั้งมันก็เป็นความผิดของผู้จัดการทีมคนอื่น ในกรณีของผม เมื่อผมคิดว่ามันเป็นความผิดของผม และผมควรทำตัวใหม่ ก่อนอื่นเลยผมจะกล่าวคำขอโทษ เหมือนที่ผมเคยขอโทษ รานิเอรี่ ตอนที่ผมมีโอกาส”

 

“นั่นคือตอนที่ความสัมพันธ์ของเราเปลี่ยนจากแย่เป็นดี และจากดีเป็นดีมาก เพราะผมแมนพอที่จะขอโทษ”

 

กุมภาพันธ์ 2018 – จับมือปิดฉากสงคราม

 

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ในเกมพรีเมียร์ลีกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเอาชนะ เชลซี ไปได้ 2-1 มูรินโญ่ และ คอนเต้ ได้จับมือกันพร้อมกับรอยยิ้ม ซึ่งเป็นการประกาศให้ทุกคนรู้ว่าสงครามน้ำลายระหว่างพวกเขาได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ

 

“ผมคิดว่าการจับมือไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใดใดอีก ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่ผมและ อันโตนิโอ อยากแสดงให้ทุกคนเห็น” มูรินโญ่ กล่าว

 

 

มกราคม 2020 – เปิดศึกข้ามประเทศ

 

สองปีหลังจากที่สงครามสงบลง จู่ๆก็มีเรื่องให้ทั้งคู่ตีกันอีกจนได้ แม้ว่าในช่วงเวลานั้น มูรินโญ่ และ คอนเต้ จะทำงานอยู่กันคนละลีกก็ตาม โดยเรื่องเกิดจากการที่กุนซือวัย 51 ปีออกมายอมรับตามตรงว่าเขาอยากได้ คริสเตียน อิริคเซ่น ที่กำลังจะหมดสัญญากับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มาร่วมทีม

 

“ผมคิดว่า อันโตนิโอ ผมคิดว่ามันเป็นการพูดต่อหน้าสาธารณะ เขามองแง่บวกมากว่า อิริคเซ่น จะมาอยู่กับ อินเตอร์” มูรินโญ่ กล่าว

 

“เราไม่ควรพูดถึงนักเตะของสโมสรอื่น จนกว่าพวกเขาจะกลายเป็นนักเตะของเรา คุณเคยถามผมเกี่ยวกับ เก็ดสัน ตั้งแต่ตอนที่ชื่อของ เก็ดสัน ปรากฏขึ้นมา และผมไม่ได้บอกอะไรคุณเลย”

 

“ถ้า อินเตอร์ มั่นใจ พวกเขาก็คงมั่นใจ เพราะพวกเขาพร้อมที่จะยื่นข้อเสนอมาให้กับเรา ซึ่งมั่นยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้น เมื่อผมเห็นคนพูดถึงเรื่องนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ มันก็ทำให้ผมเซอร์ไพรส์นิดหน่อย”

 

พฤษภาคม 2021 – เดี๋ยวกอดกันให้ดู

 

ภายหลังจากที่จัลโล่รอสซี่ประกาศแต่งตั้ง มูรินโญ่ ขึ้นเป็นกุนซือคนใหม่ของทีมในฤดูกาลหน้า แน่นอนว่าผู้สื่อข่าวย่อมไม่พลาดที่จะเอาไมค์ไปจ่อปาก คอนเต้ เพื่อถามถึงความรู้สึกที่จะได้ดวลกับอริเก่าอีกครั้ง

 

“มันเป็นข่าวที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกคน ผมขออวยพรให้เขาโชคดี ยกเว้นตอนที่เขาเจอกับ อินเตอร์” คอนเต้ กล่าว

 

และเมื่อถูกถามว่าพวกเขาจะกอดกันไหมเมื่อพบกันอีกครั้ง? กุนซือผู้คว้าสคูเด็ตโต้มาแล้ว 3 สมัยตอบว่า “แน่นอน มีความเคารพอย่างสูงระหว่างเรา”

 

 

นักเตะที่เคยร่วมงานกับทั้งคู่ว่าอย่างไรบ้าง ?

 

วิลเลี่ยน“พวกเขาแตกต่างกันมาก ทุกคนมีแนวทางการทำงานของพวกเขาเอง มูรินโญ่ เป็นโค้ชที่ชอบฝึกซ้อมกับลูกบอลมากกว่า , ทำงานกับการครองบอล และเล่นบอลสั้น”

 

“คอนเต้ ชอบทำงานในเรื่องของแทคติก และในส่วนของกายภาพ โค้ชทุกคนมีแนวทางการทำงานของพวกเขาเอง มูรินโญ่ เป็นโค้ชที่น่าอัศจรรย์ และคว้าแชมป์ได้ทุกที่ที่เขาไป”

 

“คอนเต้ ก็เป็นโค้ชที่น่าอัศจรรย์เช่นกัน เพราะเขาคว้ามาแล้วทุกแชมป์กับ ยูเวนตุส และคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ตั้งแต่ปีแรกที่มาคุม เชลซี แต่ละคนมีข้อดีของตัวเอง”

 

เอเดน อาซาร์“ผมชอบมีบอลอยู่กับเท้า ไม่ใช่อยู่ในครึ่งสนามฝั่งตัวเองนะ แต่อยู่ใน 30 เมตรสุดท้าย”

 

“ผมชอบเกมแบบนี้ (ระบบของ เมาริซิโอ ซาร์รี่) มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ อันโตนิโอ คอนเต้ หรือ มูรินโญ่ ก่อนหน้านี้ อย่างที่ผมบอก เราได้เล่นกับบอลมากขึ้น ดังนั้น สำหรับผมมันไม่เลวเลย”

 

โรเมลู ลูกากู“มีความคล้ายคลึงกันระหว่างทั้งสองคน และพวกเขาเป็นโค้ชที่ดีที่สุดที่ผมเคยมีในอาชีพการค้าแข้ง พวกเขามีคาแรคเตอร์ที่เหมือนกัน แม้ว่าพวกเขาจะใช้ระบบการเล่นที่แตกต่างกันก็ตาม”

 

“ผมคิดว่าผมเล่นได้ดีที่สุดกับโค้ชเหล่านี้ เพราะถ้าคุณทำไม่ได้ มันก็เป็นงานยากสำหรับพวกเขา ผมมีความสุขมากกับเขา และผมคิดว่าเมื่อมี โชเซ่ อยู่บนม้านั่งข้างสนาม ท็อตแน่ม จะคว้าแชมป์บางอย่างในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เพราะเขาเป็นโค้ชระดับท็อป”