เป็นแฟนบอล เชลซี นาทีนี้คงอยากให้พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019-20 จบให้เร็วที่สุด เพราะส่วนใหญ่คงอยากเห็นศักยภาพทีมในซีซั่นหน้ามากกว่า หลัง “สิงห์บลูส์” ชิงหน้าหนังสือพิมพ์ด้วยข่าวซื้อขายที่ใหญ่ที่สุด
ดีลของ ติโม แวร์เนอร์ อาจไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไรมากนัก เพราะมีสปอยปล่อยข่าวกันมาราวๆ 2 สัปดาห์ แต่ล่าสุดเมื่อทีมดังจากกรุงลอนดอน ประกาศอย่างเป็นทางการ ก็รู้สึกอดตื่นเต้นแทนไม่ได้เมื่อได้เห็นขุมกำลังใหม่นี้
ดีลของหัวหอกทีมชาติเยอรมัน จบลงที่ 53 ล้านยูโร ทำให้ แวร์เนอร์ กลายเป็นนักเตะเยอรมัน ที่ค่าตัวแพงที่สุดไปในทันที
อย่างไรก็ตามสถิตินี้อาจจะถูกทำลายโดยเร็ววัน หากเป็นไปตามคาดเดาดีลของ ไค ฮาแวร์ทซ์ เพลย์เมกเกอร์เลเวอร์คู่เซ่น และ เลรอย ซาเน่ ปีกลมกรดของ แมนฯ ซิตี้ จะต้องย้ายในเร็ววันนี้
อย่างไรก็ตามเรื่องของอนาคตค่อยว่ากันอีกที แต่วันนี้ทีมงาน ยูฟ่าอารีน่า จะพาไปดูพัฒนาการค่าตัวของนักเตะสายเลือดด๊อยชลันด์ ว่าตอนนี้ท็อป 10 นักเตะเยอรมันค่าตัวแพงที่สุดมีใครกันบ้าง (อ้างอิงตัวเลขจากเว็บไซต์ทรานเฟอร์สมาร์เก็ต)
10.มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์
ดอร์ทมุนด์ >>> บาเยิร์น (35 ล้านยูโร)
หลังจากแจ้งเกิดกับ บาเยิร์น มิวนิค ไม่ได้ ทำให้เจ้าตัวต้องย้ายไปหาโอกาสกับ ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัวเพียง 4 ล้านยูโร ทว่ากลายเป็นดีลสุดคุ้มไปในทันที เนื่องจาก ฮุมเมิ่ลส์ พัฒนาจนเป็นตัวหลักพาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกา ได้ถึง 2 สมัย
เท่านั้นไม่พอปี 2016 บาเยิร์น ต้องยอมจ่ายเงินสูงถึง 35 ล้านยูโร ดึงเด็กปั้นของตัวเองกลับไปใช้งาน และหลังเล่นไป 3 ฤดูกาลกับทีม “เสือใต้” ฮุมเมิ่ลส์ ก็ย้ายกลับมาอยู่ ดอร์ทมุนด์ อีกครั้งในซีซั่นนี้
9.อันโตนิโอ รูดิเกอร์
โรม่า >>> เชลซี (35 ล้านยูโร)
รูดิเกอร์ แจ้งเกิดจากการเป็นนักเตะของ สตุ๊ตการ์ต ก่อนย้ายไปสร้างชื่อเสียงเพิ่มเติมกับ โรม่า ด้วยสัญญายืมตัวและซื้อขาดในปีต่อมาที่ 9 ล้านยูโร รวมๆ แล้วเจ้าตัวเล่นกับยอดทีมจากกรุงโรมไป 35 นัดตลอด 2 ฤดูกาล
แนวรับทีมชาติเยอรมัน โดน อันโตนิโอ คอนเต้ ดึงมาร่วมทีมในปี 2017 ซึ่งเจ้าตัวก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ กับ ยูโรป้าลีก น่าเสียดายที่ซีซั่นนี้มีช่วงที่เจ็บยาวทำให้เพิ่่งลงสนามนับรวมทุกรายการไปเพียง 16 เกมเท่านั้น
8.ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์
โวล์ฟสบวร์ก >>> ปารีส (36 ล้านยูโร)
หลังย้ายจาก ชาลเก้ มาอยู่กับ โวล์ฟสบวร์ก เพื่อลงเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทว่าอยู่ได้ปีเดียว ดรักซ์เลอร์ ก็แผลงฤทธิ์ หลังออกมาประกาศว่าอยากจะย้ายออกจากทีม ซึ่งสโมสรก็พร้อมที่จะปล่อยเช่นกันแต่มีข้อแม้ว่าข้อเสนอจะต้องเป็นที่น่าพอใจ
แม้ อาร์เซนอล กับ ปารีส อยากไปร่วมทีม แต่ก็ไม่มีใครปิดดีลเขาได้ในช่วงซัมเมอร์ สุดท้าย ดรักซ์เลอร์ ต้องเล่นให้กับ โวล์ฟสบวร์ก ซึ่งเจ้าตัวโดนแฟนบอลโห่ใส่แทบทุกเกม และอยู่ได้แค่ 4 เดือนก็ต้องย้ายไปอยู่กับทีมดังจากเมืองหลวงฝรั่งเศส ในราคาที่ หมาป่าแห่งเมืองเบียร์ ยอมขาดทุนด้วย
7.มาริโอ เกิตเซ่
ดอร์ทุมนด์ >>> บาเยิร์น (37 ล้านยูโร)
“เขาคือนักเตพรสวรรค์ที่ดีที่สุดที่เยอรมัน เคยมีมา” มัทเธียส ซามเมอร์ ผู้อำนวยการเทคนิคของ ดอร์ทมุนด์ ในตอนนั้นนิยามถึง มาริโอ เกิตเซ่ ที่ถูก เจอร์เก้น คล็อปป์ ดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ตั้งแต่ปี 2009
เกิตเซ่ เล่นกับ เสือเหลือง อย่างยอดเยี่ยมจน บาเยิร์น ต้องมาทุ่มเงินไปร่วมทีม แต่การย้ายไปอยู่กับทีม “เสือใต้” น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เจ้าตัวเบียดแย่งตัวจริงไม่ได้สุดท้ายก็ต้องย้ายกลับมาอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ ในปี 2016
6.ธิโล เคห์เรอร์
ชาลเก้ >>> ปารีส (37 ล้านยูโร)
ปี 2018 อยู่ดีๆ ทีมดังอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก็ไปคว้ากองหลังดาวรุ่งอย่าง ธิโล เคห์เรอร์ มาร่วมทีมชนิดที่แฟนบอลหลายคนเกิดความสงสัยว่าเด็กคนนี้เป็นใคร เพราะโปรไฟล์เรียกว่าแทบจะโนเนมเลยก็ว่าได้
กองหลังวัย 23 ปีถูก โดเมนิโก้ เทเดสโก้ ดันเป็นตัวหลักในฤดูกาล 2017-18 ซึ่งเจ้าตัวก็ทำผลงานได้ดีพา ชาลเก้ จบอันดับ 2 คว้าตั๋วไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ซึ่งตรงนี้แหละมั้งที่ไปเตะตา โธมัส ทูเคิ่ล ที่เลือกหนีบไปอยู่ฝรั่งเศส ด้วยกัน
5.ชโคดราน มุสตาฟี่
บาเลนเซีย >>> อาร์เซนอล (41 ล้านยูโร)
หลังจบ ยูโร 2016 อาร์เซนอล ที่กำลังปฎิรูปแนวรับตัดสินใจคว้าตัว มุสตาฟี่ ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ หลังเจ้าตัวทำผลงานได้ดีกับทั้ง ซามพ์โดเรีย และ บาเลนเซีย และมีชื่อติดทีมชาติเยอรมัน มาตลอดหลายปี
แรกๆ เหมือนจะดี มุสตาฟี่ ทำสถิติลงสนามไม่แพ้นานถึง 18 เกมติดต่อกัน ทว่่าพอหันมามองปัจจุบันเจ้าตัวผิดพลาดบ่อยจนเกือบต้องย้ายออกในซัมเมอร์ที่ผ่านมา และกลายเป็นตัวเลือกอันดับท้ายๆ ในยุคของ อูไน เอเมรี่ ก่อนจะพอมาลืมตาอ้าปากได้ลงสนามบ้างหลังทีมเปลี่ยนโค้ชมาเป็น อาร์เตต้า
4.ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์
ชาลเก้ >>> โวล์ฟสบวร์ก (43 ล้านยูโร)
วันเดอร์คิดที่อายุน้อยที่สุดของ ชาลเก้ 04 กลายเป็นนักเตะที่ถูกจับตาไปทั่วยุโรป หลังปีแรกในเส้นทางอาชีพเจ้าตัวมีส่วนพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล ด้วยการชนะ ดุ๊ยส์บวร์ก 5-0 ซึ่งเขาเป็นคนยิงประตูแรกได้ด้วย
หลังก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของ ชาลเก้ ได้ 4 ฤดูกาลปี 2015 ชาลเก้ ได้ปฎิเสธข้อเสนอ 15 ล้านปอนด์ของ ยูเวนตุส โดยมองว่าเป็นค่าตัวที่ต่ำเกินไปแม้ทีมดังจาก เซเรีย อา กับตัวนักเตะตกลงกันแล้วก็ตาม สุดท้ายหวยมาออกที่ โวล์ฟสบวร์ก ที่ยอมจ่ายเงินสูงถึง 43 ล้านยูโร ดึงไปร่วมทีม
3.เมซุต โอซิล
เรอัล มาดริด >>> อาร์เซนอล (47 ล้านยูโร)
ตลอดระยะเวลา 3 ปีนิดๆ กับ เรอัล มาดริด ต้องบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่พีกที่สุดของ โอซิล เจ้าตัวผลิตแอสซิสต์อย่างมากมาย น่าเสียดายที่ทีมไปได้ของเล่นใหม่ที่ชื่อ อิสโก้ ทำให้ต้องยอมปล่อยตัวเขาออกจากทีม
อาร์แซน เวนเกอร์ อาศัย “สาลิกาลิ้นทอง” กล่อมมาร่วททีม อาร์เซนอล ในปี 2013 ซึ่งตอนนั้นถือว่าเป็นดีลที่ฮือฮามากๆ วลีเด็ด “ตัวเดียวเสียวทั้งลีก” ถือว่าฮอตมากๆ น่าเสียดายในช่วง 2-3 ปีหลังเจ้าตัวฟอร์มตกไปเยอะจนหลุดโผอยู่บ่อยครั้งในยุคของ อูไน เอเมรี่
2.เลรอย ซาเน่
ชาลเก้ >>> แมนฯ ซิตี้ (52 ล้านยูโร)
ปีกตัวจี๊ดวัย 22 ปีประเดิมฟุตบอลอาชีพกับ ชาลเก้ 04 ในปี 2014 เล่นในถิ่นเวลทินส์ อารีนา 3 ปี ก่อนตกลงย้ายมาเป็นผู้เล่นใหม่เจเรเนชั่นแรกของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ด้วยค่าตัวรวมโบนัสเบ็ดเสร็จอยู่ที่ 52 ล้านปอนด์
ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ซาเน่ ทำผลงานยอดเยี่ยมพา เรือใบสีฟ้า คว้าแชมป์ไปแล้วถึง 7 รายการ ขณะที่ฤดูกาล 2017-18 ก็คว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีด้วย น่าเสียดายที่ฤดูกาลนี้เจ้าตัวเจ็บตั้งแต่ต้นซีซั่น ขณะที่ข่าวล่าสุดก็ปัดต่อสัญญาและเตรียมตัวที่จะย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค
1.ติโม แวร์เนอร์
ไลป์ซิก >>> เชลซี (53 ล้านยูโร)
อดีตเด็กปั้นของ “ม้าขาว” สตุ๊ตการ์ต ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของ ไลป์ซิก ตั้งแต่ซีซั่นแรกที่ย้ายมาร่วมทีม ตลอดเวลา 4 ฤดูกาลเจ้าตัวทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม นับถึงเวลานี้ก็ยิงในบุนเดสลีกาไปแล้วถึง 76 ประตู
เอาจริงๆ หากไม่เกิดวิกฤติเชื้อโคโรน่าไวรัสแพร่ระบาด ว่ากันว่าตัวเต็งที่จะได้ลายเซ็นต์ของ แวร์เนอร์ น่าจะเป็น ลิเวอร์พูล ทว่าด้วยนโยบายรัดเข็มขัดสุดท้ายกลายเป็น เชลซี ที่ใจถึงยอมจ่ายค่าฉีกสัญญาและปิดดีลมาร่วมทีมด้วยค่าตัว 53 ล้านยูโร