หลังจากที่ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูของเลสเตอร์ ซิตี้ ตัดสินใจย้ายออกจากทีมไปอยู่กับ นีซ ทำให้ปัจจุบันทีมชุดแชมป์พรีเมียร์ลีกที่ถูกยกว่าเป็นเทพนิยายของลีกเหลืออยู่แค่ มาร์ค อัลไบร์ทตัน และ เจมี่ วาร์ดี้ เท่านั้นที่ยังอยู่กับทีม
วันนี้ UFAARENA จะพาไปดูว่าบรรดานักเตะ 11 ตัวจริงของเลสเตอร์ ซิตี้ ชุดแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2015/16 ตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนกันแล้วบ้าง
นายทวารชาวเดนมาร์กที่อยู่เฝ้าเสามาอย่างยาวนานกว่า 11 ปีก่อนที่ล่าสุดจะเพิ่งตัดสินใจย้ายออกไปอยู่กับนีซในช่วงซัมเมอร์นี้ ชไมเคิ่ล ถือว่าเป็นนักเตะที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่อยู่ในแชมเปี้ยนส์ชิพ จนสามารถพาทีมเลื่อนชั้นมาได้ในปี 2014/15 และใช้เวลาแค่ปีเดียวในการพาทีมไปถึงแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2015/16
โดยในปีดังกล่าว แคสเปอร์ได้ลงสนามเต็มเม็ดเต็มหน่วย 38 นัด เก็บคลีนชีทไปทั้งหมด 15 ครั้ง เสีย 36 ประตูนับว่าเป็นอันดับ 2 ของลีกร่วมกับ ดาบิด เด เกอา และ โจ ฮาร์ท เป็นรองเพียงแค่ ปีเตอร์ เช็ค ที่เก็บไป 16 คลีนชีทเท่านั้นด้วยผลงานในระดับนี้ส่งให้นายทวารที่ถูกจดจำในฐานะลูกชายตำนานอย่าง ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ก้าวออกมาจากเงาของพ่อแล้วสร้างตำนานของตัวเองได้แล้ว
แนวรับเด็กปั้นจากอคาเดมี่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ย้ายมาอยู่กับทัพจิ้งจอกในปีที่พวกเขาเลื่อนชั้นขึ้นมา หลังปรับตัวกับทีมมา 1 ซีซั่นในปีถัดมาเจ้าตัวก็รั้งตำแหน่งตัวจริง โดยได้ลงสนามไปกว่า 30 นัดในลีก เสียฝบเหลืองแค่ 3 ใบเท่านั้น แม้จะไม่มีประตู หรือแอสซิสต์ ให้กับทีมก็ตาม
หลังจากคว้าแชมป์ร่วมกับทีม ซิมป์สัน ก็ยังคงยืนระยะเป็นตัวจริงให้กับทีมต่อเนื่องจนกระทั่งมาเสียตัวจริงให้กับ ริคาร์โด้ เปย์เรร่า ในปีสุดท้ายที่อยู่กับทีม ก่อนที่ต้นสังกัดจะปล่อยให้หมดสัญญาออกไปจากทีม และระกระเหินไปอยู่กับทั้ง ฮัดเดิ้ลฟิลด์ และ บริสตอล ซิตี้ จนถึงปัจจุบันล่าสุดกลายเป็นแข้งไร้สังกัดนับตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ปราการหลังที่นับว่าเป็นหัวใจสำคัญของเกมรับนับตั้งแต่ย้ายมาสู่ทีมเมื่อช่วงเดือนมกราคมปี 2012 ซึ่งเจ้าตัวก็ใช้เวลา เพียงแค่ครึ่งซีซั่น เมื่อเริ่มต้นปีใหม่มาก็ได้รับปลอกแขนกัปตันทีมมา และนับว่าเป็นตัวหลักของทีมมาโดยตลอด และแทบจะไม่เจออาการบาดเจ็บเล่นงานเลยด้วยซ้ำเรียกว่าเป็นคนเหล็กอย่างแท้จริง ก่อนที่จะพาทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามด้วยอายุอานามที่มากขึ้น ช่วงปี 2018/19 เจ้าตัวก็เริ่มมีอาการบาดเจ็บเข้ามารบกวน และแม้จะหายกลับมาได้แล้ว แต่ก็เสียตำแหน่งตัวจริงไปแล้ว แต่สโมสรก็ยังคงให้เกียรติขยายสัญญาให้อยู่กับทีมต่อไปจนกระทั่งในซัมเมอร์ 2021 แนวรับชาวจาไมก้าก็ประกาศแขวนสตั๊ดไปในที่สุด ฝากผลงานลงสนามไปทั้งหมด 323 นัดรวมทุกรายการตลอดช่วงเวลาที่อยู่กับทีม
กองหลังตัวกลางชาวเยอรมันถูกยืมตัวเข้ามาสู่ทัพจิ้งจอกในช่วงกลางซีซั่น 2014/15 เพื่อเข้ามาทดแทน เลียม มัวร์ ที่โชว์ฟอร์มได้ไม่ดีนัก รวมถึง มาร์ซิน วาซิเลฟสกี้ ที่เป็นตัวเก๋าซึ่งไม่ได้ฟิตแบบสมัยหนุ่มๆแล้ว โดยเจ้าตัวก็เข้ามาเป็นตัวที่ช่วยยืนระยะให้กับทีมได้และผลงานก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ชนะ 7 เสมอ 3 แพ้ 4 นัด
หลังจากนั้นในปีถัดมา เลสเตอร์ ก็ตัดสินใจคว้าตัว ฮู้ด มายืนคู่กับ มอร์แกนแบบถาวร และเป็นส่วนสำคัญในเกมรับจนไปได้ถึงแชมป์ แถมยังได้ติดทีมชาติเยอรมันไปอีกด้วย อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นแข้งอินทรีเหล็กก็เจออาการบาดเจ็บเล่นงานในฤดูกาล 2017/18 จนไม่ได้ลงสนามสักนัด ก่อนสโมสรจะปล่อยหมดสัญญาไปในปี 2018 และนับเป็นการแขวนสตั๊ดเพื่อไปเรียน ปริญญาโทสาขาบริหารแทน
หลังจากลุยพรีเมียร์ลีกมาปีนึง ทัพจิ้งจอกก็เดินหน้าเสริมทัพยกใหญ่ และ แบ็คซ้ายชาวออสเตรีย เป็นหนึ่งในนั้น โดยเจ้าตัวก็เข้ามาเป็นตัวหลักของทีมทันที ด้วยการลงสนามไปทั้งหมด 32 นัดบนเวทีพรีเมียร์ลีก ทำไป 5 แอสซิสต์ และแทบจะไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวนทำให้หลังจากที่ปรับตัวได้ก็ยึดตำแหน่งตัวจริงถาวรไปเลย
ฟุคส์สามารถยืนระยะเป็นตัวหลักของทีมมาได้ต่อเนื่องจนช่วงปีท้ายๆที่หลุดไปเป็นสำรองด้วยอายุที่มากขึ้น ก่อนที่จะหมดสัญญากับทีมออกไปเมื่อซัมเมอร์ปี 2021 ที่ผ่านมานี้เอง โดยปัจจุบันในวัย 36 ปี เจ้าตัวยังคงค้าแข้งอยู่กับ ชาร์ลอตต์ เอฟซี ในเมเจอร์ลีก สหรัฐและยังคงสถานะเป็นตัวจริงให้กับทีมในซีซั่นนี้
นับเป็นนักเตะที่เนื้อหอมสุดๆหลังจากที่พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2015/16 แข้งชาวแอลจีเรียโดนดึงมาอยู่กับ เลสเตอร์ ในช่วงเดือนมกราคม 2014 ในฐานะดาวรุ่งวัย 22 ปีที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับการค้าแข้งในบ้านเกิดที่ฝรั่งเศส ซึ่งในซีซั่นแรกบนเวทีแชมเปี้ยนส์ชิพเจ้าตัวกดไป 3 ประตู 5 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 19 ฤดูกาล
หลังจากนั้น มาห์เรซ ก็กลายเป็นตัวหลักของทีมมาโดยตลอด แถมผลงานก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งไปได้ถึงแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งแม้จะได้รับความสนใจจากบรรดาทีมใหญ่ร่วมลีกหลายทีมแต่ทาง จิ้งจอกสยามก็พยายามรั้งตัวเอาไว้ถึงปี 2018 กว่าที่จะปล่อยไปให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำเอาตัวนักเตะไม่พอใจเล็กน้อยกับการยื้อตัวของสโมสรในครั้งนี้ ซึ่งปัจจุบันเจ้าตัวก็ยังคงโลดแล่นอยู่กับ เรือใบสีฟ้า พร้อมรักษาผลงานในระดับที่ดีเอาไว้ได้ตลอดด้วย
หลังจากที่กองกลางชาวอังกฤษไม่สามารถแจ้งเกิดกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เจ้าตัวก็โดนปล่อยตัวมาให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี 2012 และแม้ในตอนนั้นจะมีอายุเพียง 21 ปี แถมย้ายเข้ามากลางซีซั่น แต่แดนนี่ก็สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้ทันที และเป็นอย่างนั้นเรื่อยมาจนทีมเลื่อนชั้นมาบนเวทีพรีเมียร์ลีกได้ และคว้าแชมป์ไปครองในปีต่อมา
โดยเฉพาะในปีที่พาทีมคว้าแชมป์ ดริ้งค์วอเทอร์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมาจากการลงสนาม 35 นัดยิง 3 ประตู 8 แอสซิสต์บนเวทีพรีเมียร์ลีก หลังจบซีซั่นนั้นเขาอยู่กับทีมต่ออีกปี และได้ย้ายไปอยู่กับเชลซี แต่ที่ถิ่นสแตมฟอร์ดบริดจ์ เขาย้ายมาพร้อมกับมีอาการบาดเจ็บรบกวนด้วย แถมผลงานก็ไม่เหมือนเดิม จนจบซีซั่นลงสนามไปแค่ 12 นัด ยิง 1 ประตู หลังจากนั้นก็โดนปล่อยยืมไปเรื่อย จนกระทั่งมาหมดสัญญาในช่วงซัมเมอร์นี้นี่เอง และยังคงเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์
นับเป็นนักเตะที่ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างก้าวกระโดดอย่างแท้จริงกับ กองเต้ที่เพิ่งย้ายมาอยู่กับ เลสเตอร์ในปี 2015/16 และสามารถกลายเป็นตัวหลักช่วยทีมคว้าแชมป์ลีกได้ทันที ในฐานะนักเตะหัวใจสำคัญของเกมแดนกลาง เจ้าตัวไม่ได้มีจุดเด่นที่การยิงหรือจ่าย แต่เป็นการตัดเกม ไล่บี้คู่แข่ง เล่นบอลง่ายๆจนเป็นที่มาของความสำเร็จ
หลังพาทีมคว้าแชมป์ แข้งชาวฝรั่งเศสก็โดนเชลซี ดึงไปอยู่กับทีมทันที แถมในระดับทีมชาติเจ้าตัวก็ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักคู่กับ พอล ป็อกบา พร้อมพาทีมคว้าแชมป์โลกไปครองได้อีกในปี 2018 นับเป็นนักเตะที่ชีวิตรุ่งพุ่งแรงอย่างแท้จริง จนถึงปัจจุบัน กองเต้ ก็ยังคงเป็นตัวหลักให้กับทั้ง สิงห์บลู และ ทัพตราไก่ แบบที่ทีมขาดไม่ได้เลยทีเดียว
ปีกชาวอังกฤษถูกดึงมาจาก แอสตัน วิลล่า แบบไร้ค่าตัวในวัย 24 ปีในตอนนั้น แม้ในปีแรกเจ้าตัวจะยังไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมได้ กว่าจะได้รับโอกาสก็ช่วงปลายๆซีซั่นแล้ว ซึ่งผลงานของทีมช่วงที่เขาถูกส่งลงสนามในตอนปลายซีซั่นก็จัดว่าน่าประทับใจ ชนะ 7 นัด เสมอ 1 แพ้ 1 ก่อนที่ซีซั่นถัดมากุนซือจะเปลี่ยนมาเป็น เคลาดิโอ รานิเอรี่ และเจ้าตัวก็ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวหลักของทีมในฐานะปีกซ้าย
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นตัวหลักในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่อัลไบร์ทตัน ก็แทบจะไม่เคยมีข่าวลือเรื่องการย้ายทีมเลย จนถึงตอนนี้ก็ยังคงอยู่กับจิ้งจอกสยาม โดยลงสนามไปแล้วกว่า 284 นัด ยิง 18 ประตู 45 แอสซิสต์รวมทุกรายการ แม้ในซีซั่น 2021/22 ที่ผ่านมาด้วยอายุอานามที่ขึ้นหลัก 32 ปีแล้ว ทำให้เขาโดนลดบทบาทลงเป็นสำรองโดยได้โอกาสลงไปแค่ 17 นัด ยิง 1 จ่าย 2 บนเวทีพรีเมียร์ลีกเท่านั้น
อีกหนึ่งแข้งใหม่ของทัพจิ้งจอกในปีที่คว้าแชมป์ โอคาซากิ เป็นหนึ่งในการเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ของทีมที่ไปถึงมาจาก ไมนซ์ 05 และได้ก้าวมาเป็นตัวจริงยืนคู่กับ เจมี่ วาร์ดี้ ยอดดาวยิงของทีม แม้จะไม่ได้มีจุดเด่นด้านการพังประตูถล่มทลาย แต่ก็นับเป็นตัวสนับสนุนชั้นยอดจบซีซั่นที่คว้าแชมป์หอกชาวญี่ปุ่นลงสนามไป 39 นัดยิง 6 ประตู 2 แอสซิสต์ บนเวทีพรีเมียร์ลีก
หลังจากเป็นหนึ่งในทีมชุดแชมป์ โอคาซากิ ก็ยังได้ลงสนามให้กับทีมต่อเนื่อง จนกระทั่งปลายซีซั่น 2017/18 ดันมาโดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน จนคาบเกี่ยวมาถึงซีซั่นถัดมา และแม้จะกลับมาได้แล้ว แต่ฟอร์มก็ไม่เหมือนเดิม สุดท้ายสโมสรก็เลือกไม่ต่อสัญญาปล่อยไปให้กับ มาลาก้า ในปี 2019 ก่อนจะค้าแข้งอยู่ในแดนกระทิงดุอยู่สักพักจนล่าสุดปัจจุบัน ชินจิในวัย 36 ปีกลายเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์หลังจบซีซั่นที่ผ่านมา
ดาวยิงสุดโนเนมในช่วงที่ เลสเตอร์ ดึงมาสู่ทีมเมื่อปี 2012 ด้วยราคาที่แทบจะ ล้านกว่าปอนด์นิดๆเท่านั้น แต่ผลงานที่เจ้าตัวทำให้กับทีมเรียกได้ว่าเกินคุ้ม ไล่มาตั้งแต่พาทีมเลื่อนชั้นมาบนเวทีลีกสูงสุด จนมาถึงการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปี 2015/16 โดยในปีนั้นแข้งชาวอังกฤษเดินหน้าถลุงไปทั้งหมด 24 ประตู 8 แอสซิสต์จากการลงสนาม 36 นัดในลีก เป็นรองแค่ แฮร์รี่ เคน ที่ยิงไป 25 ประตูเท่านั้น
แม้ว่าหลังจากคว้าแชมป์แล้ว วาร์ดี้ จะมีข่าวลือการย้ายทีมเข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็ยังคงอยู่กับทีมต่อไป แถมฟอร์มการเล่นก็ไม่เคยตกลงไปเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่ก็มีอาการบาดเจ็บรบกวนตามอายุสังขารที่ล่วงเลยไปกว่า 35 ปีแล้ว ด้วยสัญญาที่ยังเหลือถึงปี 2023 ก็ยังมีแนวโน้มที่จะต่อสัญญาออกไปอีกด้วย
ผู้จัดการทีมชาวอิตาเลี่ยนถูกดึงมาแทนที่ ไนเจล เพียร์สัน ที่พาทีมลุยศึกพรีเมียร์ลีกแทบเอาตัวไม่รอด ซึ่ง รานิเอรี่ก็มีแนวทางการทำทีมแตกต่างกันออกไป ทำให้ผลงานของทีมดูดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จากที่เป็นทีมน้องใหม่หนีตกชั้น กลายเป็นทีมที่เกาะกลุ่มหัวตารางตลอดทั้งซีซั่น 2015/16 จนไปจบที่การเป็นแชมป์
อย่างไรก็ตามหลังพาทีมคว้าแชมป์แล้ว เหมือนฟอร์มการเล่นก็หายไปดื้อๆ ในซีซั่นถัดมาจากแชมป์กลายเป็นทีมกลางตารางไปจนถึงท้ายเลยด้วยซ้ำ จนต้นสังกัดต้องตัดสินใจปลดออกจากตำแหน่งไปในช่วงกลางซีซั่น และระหกระเหินไปคุมทั้ง น็องต์ , ฟูแล่ม , โรม่า , ซามพ์โดเรีย และปัจจุบันกำลังคุม วัตฟอร์ด บนเวทีแชมเปี้ยนส์ชิพ
7 สถิติที่ชไมเคิ่ลคนลูกเทียบคนพ่อทั้งระดับสโมสรและทีมชาติ
