เดินทางกับมาถึงกลุ่มซีเเล้วสำหรับพรีวิวยูโร 2020 ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ กลุ่มที่เรากำลังจะวิเคราะห์กันนี้ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มที่เเบ่งชนชั้นกันอย่างชัดเจน ประกอบด้วย เนเธอร์แลนด์ ทีมอันดับ 16 ของยุโรป ตามด้วย ออสเตรีย อันดับ 23 กับ ยูเครน อันดับ 24 เเละ นอร์ธ มาซิโดเนีย อันดับ 62
แต่ละชาติมีจุดแข็ง-จุดอ่อนอะไร , ใครบ้างที่น่าจับตามอง แล้วบทสรุปน่าจะออกมาแบบไหน วันนี้ UFAARENA เราจะพาคุณไปวิเคราะห์ทุกแง่มุมของกลุ่ม C กัน
ทีมชาติเนเธอร์แลนด์
ฟีฟ่า แรงกิ้ง : 16
ผลงานดีที่สุดในยูโร : แชมป์ (1988)
ผลงานปีที่เเล้ว : ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
ถูกเรียกว่าเป็นทีมยักษ์หลับเพราะห่างหายไม่ผ่านเข้ารอบรายการสุดท้ายทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆถึง 7 ปีเต็ม เเต่มาหนนี้ผลงานนับว่าไม่ธรรมดารอบคัดเลือกเเม้จะเป็นเเค่รองเเชมป์กลุ่มเเต่ก็เพราะมีทีมเเกร่งอย่างเยอรมันอยู่ด้วย
ปัญหาของทีมตอนนี้มีอยู่สองอย่างคือ โรนัลด์ คูมัน กุนซือผู้พาทีมผ่านเข้ารอบสละเรือย้ายไปคุมบาร์เซโลน่าก็เพราะการเเข่งขันเลื่อนออกมาหนึ่งปีเเละเป็น แฟรงค์ เดอ บัวร์ ขึ้นมาคุมทีมเเทนต้องมาลุ้นว่ากุนซือที่ยังไม่เคยผ่านงานคุมทีมระดับชาติในรายการใหญ่ๆจะไปรอดหรือไม่
อีกหนึ่งปัญหาของพวกเขาก็คือจะไม่มี เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กองหลังกัปตันทีม ที่บาดเจ็บยาวกับต้นสังกัดอย่างลิเวอร์พูลเเละฟิตไม่ทันนั้น ทำให้พวกเขาขาดทั้งผู้นำเเละเเข้งตัวหลัก
อย่างไรก็ตามเกมรุกยังพอไว้ใจได้ เพราะนักเตะยังอยู่กับครบทั้ง สตีเฟ่น เบิร์กฮุยส์, จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม เเละ และเมมฟิส เดปาย รวมถึง ดอนนี่ ฟา เดอ เบ็ค ก็ถูกเรียกมาติดทีมด้วย
ดาวเด่น : เมมฟิส เดปาย
อดีตดาวเตะที่ไปล้มเหลวกับเเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เเต่กลับมาเกิดอีกครั้งโชว์ฟอร์มได้ดีกับโอลิมปิกลียง ลงเล่นไป 38 เกม ซัดไป 21 ประตูทำให้เนื้อหอมได้รับความสนใจย้ายไปเล่นกับบาร์เซโลน่า ไม่เเปลกที่จะเป็นกองหน้าตัวหลักความหวังของทีม
เเข้งที่น่าจับตา : ดอนเยลล์ มาเลน
เเข้งวัยเเค่ 22 ปี สังกัด พีเอสวี ในลีกฮอนเเลนด์เองพ่วงดีกรีรองดาวซัลโวลีกเเดนกังหันลม ลงเล่น 45 นัด ทำไป 27 ประตู น่าจะเป็นตัวจริงอีกคนในแดนหน้า
ทีมชาติออสเตรีย
ฟีฟ่า แรงกิ้ง : 23
ผลงานดีที่สุดในยูโร : รอบแรก (2008, 2016)
ผลงานปีที่เเล้ว : รอบแรก
ดูจากอันดับของพวกเขาไม่น่าเชื่อว่าออสเตรียจะเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายยูโรได้เเค่ 3 จาก 4 สมัยหลังสุด(รวมครั้งนี้)เเถมครั้งหนึ่งเล่นในฐานะเจ้าภาพซึ่ง 2 ครั้งที่ผ่านมาจอดเเค่รอบเเรกเเละเก็บได้เพียงครั้งละ 1 คะเเนนเท่านั้น
ฟรังโก้ โฟด้า กุนซือชาวเยอรมันเข้ามาคุมทีมตั้งเเต่พลาดไปฟุตบอลโลกเเละพาทีมผ่านเข้ารอบในฐานะอันดับสองของกลุ่มเป็นรองเเค่โปเเลนด์ทีมเดียวสถิติถือว่าไม่ขี้เหร่ชนะ 6 เสมอ 1 เเพ้ 3
นักเตะทีมออสเตรียชุดนี้ส่วนมากเป็นเเข้งเก๋าอายุเยอะ เเต่ก็มาพร้อมประสบการณ์ ดูชื่อเเล้วไม่ธรรมดานำโดย ดาวิด อลาบา แนวรับสารพัดประโยชน์, ยูเลียน บวมการ์ตลินเกอร์, มาเซล ซาบิตเซอร์, คอนราด ไลเมอร์ เเละ มาร์โก้ อาร์เนาโตวิช
ดาวเด่น : ดาวิด อลาบา
คว้าเเชมป์บุนเดสลีกา 9 สมัย, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2 สมัย, เดเอฟเบ โพคาล 6 สมัย ประสบการณ์ต้องบอกว่าล้นเหลือสำหรับเเข้งอายุ 28 ปีเรียกว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดในชีวิตการค้าเเข้งเเถมล่าสุดเพิ่งเซ็นสัญญากับเรอัล มาดริด ไม่มีอะไรกวนใจใส่เต็มได้ในศึกยูโรหนนี้
เเข้งที่น่าจับตา : มาร์โก้ อาร์เนาโตวิช
อดีตเเข้งดังของพรีเมียร์ลีก ปัจจุบันเเม้จะย้ายไปอยู่ลีกรองอย่างไชนีส ซูเปอร์ลีกกับ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี เเต่ก็ยังไม่ทิ้งลายยอดดาวยิงซัดไป 6 ประตูเป็นดาวซัลโวของทีมในรอบคัดเลือก
ทีมชาติยูเครน
ฟีฟ่า แรงกิ้ง : 24
ผลงานดีที่สุดในยูโร : รอบแรก (2012, 2016)
ผลงานปีที่เเล้ว : รอบแรก
อังเดร เชฟเชนโก้ ตำนานเเละกุนซือทีมคนปัจุบันเข้ามารับตำเเหน่งตั้งเเต่จบศึกยูโร 2016 เเม้จะไม่สามารถพาทีมไปฟุตบอลโลกได้เเต่ผลงานในรอบคัดเลือกรายการนี้นับว่าไม่ธรรมดา
ยูเครนอยู่ร่วมกลุ่มกับเเชมป์เก่าอย่างโปรตุเกสเเละทีมเเกร่งอย่างเซอร์เบียร์เเต่พวกเขากลับทำผลงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อชนะถึง 6 เสมอ 2 ไม่เเพ้ใครเลยเข้ารอบมาในฐานะเเชมป์กลุ่มด้วย
จุดเด่นของพวกเขาอาจจะขัดกับตัวกุนซือที่เป็นยอดดาวยิงนั้นคือเกมรับที่ยอดเยี่ยม เสียไปเพียง 4 ประตูน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ในรอบคัดเลือก รองจากตุรกีเเละเบลเยียมที่เสียไปเเค่ทีมละ 3 ประตูเท่านั้นเเต่กลับกันจุดอ่อนของพวกเขาคือเกมรุกเพราะทำไปได้เเค่ 17 ประตูในรอบคัดเลือก
ดาวเด่น : อังเดร ยาร์โมเลนโก้
รองดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติที่ซัดไปเเล้ว 38 ประตูเป็นรองเพียงเเค่กุนซือของเขาเท่านั้นเเม้จะมีฤดูกาลที่ไม่สวยกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้ลงสนามไปเเค่ 20 เกมยิง 3 ประตูเเต่ในนามทีมชาติเขาคือความหวังที่สุด
เเข้งที่น่าจับตา : โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้
เเบ็คซ้ายจอมบุกของเเมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดีกรีเเชมป์พรีเมียร์ ลีก เเละ รองเเชมป์เเชมเปี้ยนส์ ลีก ช่วงท้ายฤดูกาลเล่นเบียดเอาชนะ เบนฌาแม็ง เมนดี้ หลุดเป็นตัวสำรองได้รับความไว้ใจให้เป็นตัวจริงในทีม
เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีซูเปอร์สตาร์มากมายนับว่าไม่ธรรมดา ซัดไปเเล้ว 5 ประตูในนามทีมชาติเเม้จะอายุเเค่ 24 ปี
ทีมชาตินอร์ธ มาซิโดเนีย
ฟีฟ่า แรงกิ้ง :62
ผลงานดีที่สุดในยูโร : เข้ารอบสุดท้ายครั้งแรก
ผลงานปีที่เเล้ว : ไม่ผ่านรอบคัดเลือก
ทีมน้องใหม่ของการเเข่งขันครั้งนี้เเละเป็นทีมที่อันดับต่ำสุดที่ได้เข้าร่วมรายการนี้ เเต่กว่าจะมาถึงรอบนี้พวกเขาต้องผ่านอะไรมาเยอะ เริ่มด้วยการจบอันดับ 3 ในรอบคัดเลือกก่อนจะไปเพลย์ออฟเอาชนะ ทั้งโคโซโว เเละ จอร์เจีย ซึ่งเป็นทีมที่อันดับดีกว่าพวกเขาทั้งสิ้น ตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายมาได้เป็นครั้งเเรกในประวัติศาสตร์
เเน่นอนจุกอ่อนของพวกเขาคือประสบการณ์ในการเเข่งขันรายการใหญ่ๆ เพราะนักเตะที่ติดทีมมาน้อยคนที่จะมีคนรู้จักล้วนเเต่อยู่กับลีกรองๆในยุโรปทั้งนั้น จุดเเข่งคงเป็นเรื่องของกำลังใจเเละการเป็นทีมนอกสายตาพวกเขาไม่มีอะไรให้เสีย มีเเต่ได้กับได้ ตั้งหน้าตั้งตาทำผลงานให้ดีที่สุดเเบบไร้ความกดดัน
ดาวเด่น : โกรัน ปานเดฟ
ชื่อของ โกรัน ปานเดฟ น่าจะเป็นที่คุ้นหูของเเฟนบอลอยู่ไม่น้อยเพราะเขาเคยค้าเเข้งกับทีมใหญ่ๆอย่างอินเตอร์ มิลาน เเละ นาโปลี ในอิตาลี ด้วยวัย 37 ปีเขาซัดไปเเล้ว 37 ประตูในนามทีมชาติเป็นกัปตันทีมเเละผู้นำอย่างเเท้จริง
เเข้งที่น่าจับตา : เอนิส บาร์ดี้
จอมทัพวัย 25 ปีเล่นอยู่กับทีมใหญ่ในยุโรปอย่างเลบานเต้ในสเปน เป็นคนที่ถูกคาดหมายว่าจะขึ้นมาเเบกทีมเเทนปานเดฟ มีดีการสร้างสรรค์เกมเเละการยิงฟรีคิกที่เป็นจุดเด่นของเขา ซัดในนามทีมชาติไปเเล้ว 6 ประตู
วิเคราะห์
เนเธอร์แลนด์ เเม้ว่าอันดับเเละชื่อชั้นจะเป็นทีมเต็งกลุ่มที่ดูจะเข้ารอบเเบบเเบเบอร์เเต่เมื่อดูจากชื่อนักเตะก็ใช่ว่าจะดีเด่นอะไรมากดูกันตรงๆสูสีกับออสเตรียมากสองทีมนี้น่าจะลุ้นกันสนุกโดยมียูเครนเป็นตัวสอดเเทรก ขณะที่ทีมบ๊วยอย่างนอร์ธ มาซิโดเนียที่ยังไม่มีประสบการณ์การในรายการใหญ่ๆน่าจะเป็นเพียงไม้ประดับ