ครบทุกรส : 10 เกมแดงเดือดโคตรมันส์ในความทรงจำผี-หงส์

ครบทุกรส : 10 เกมแดงเดือดโคตรมันส์ในความทรงจำผี-หงส์

ค่ำคืนวันอาทิตย์นี้ถือเป็นวันที่แฟนบอลทั่วโลกต่างรอคอย โดยเฉพาะแฟนผีและแฟนหงส์ กับเกมแดงเดือดระหว่าง ลิเวอร์พูล ที่จะเป็นแอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แม้ว่าฟอร์มการเล่นโดยรวม ทีมของ เอริค เทน ฮาก จะดูเป็นต่อมากกว่าทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์  แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นกีฬาลูกกลมๆแล้ว อะไรก็ย่อมเกิดขึ้นได้ ยิ่งเป็นเกมแดงเดือดแล้ว ดีกรีความดุเดือดและเรื่องราวสุดดราม่าย่อมมากกว่าทีมอื่นๆแข่งขันกันอย่างแน่นอน 

และก่อนที่ทั้ง 2 ทีมจะเปิดศึกกันครั้งที่ 211 ในค่ำคืนนี้ ทาง UFA ARENA จะพาไปย้อนดูเกมแดงเดือดสุดมันส์ที่อยู่ในความทรงจำของแฟนบอลผี-หงส์ชาวไทยและทั่วโลก ไม่รู้ลืม  ผ่านบทความนี้กัน

 

แมนยู 2-1 ลิเวอร์พูล, 1977

หลังป้องกันแชมป์ลีกและเข้าชิงยูโรเปี้ยน คัพ ได้ ทำให้ลิเวอร์พูล ถูกยกเป็นตัวเต็งชูถ้วยเอฟเอ คัพ ที่เวมบลีย์ เหนือคู่แข่งของเขาอย่าง แมนยูไนเต็ด

“เราไม่มั่นใจเลย” สจ๊วร์ต เพียร์สัน กองหน้าปีศาจแดงกล่าว “เรารู้ว่าเราสู้กับพวกเขาเต็มที่ แต่พวกเขานั้นยอดเยี่ยมมาก”

แต่ว่าใครต้องการความมั่นใจเหล่านั้นกันล่ะ เพราะในวันนั้น ยูไนเต็ด สู้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี และเบียดเอาชนะไปได้ 2-1 โดยได้ประตูชัยจาก เพียร์สัน และ เจมส์ กรีนฮ็อฟฟ์

 

ลิเวอร์พูล 2-1 แมนยู, 1983

แฟนบอลเกือบ 100,000 คนได้เดินทางที่สนามเวมบลีย์เพื่อชมเกมแดงเดือดเวอร์ชั่น มิลค์ คัพ นัดชิง ปี 1983 ซึ่งในขณะนั้น รอน แอ็ตกินสัน กำลังไล่ล่าคว้าโทรฟี่แรกกับทีมปีศาจแดงอยู่

แต่หลังจากที่ นอร์แมน ไวท์ไซด์ แข้งยูไนเต็ด ยิงประตูขึ้นไปได้ในช่วงต้นเกม กองหลังตัวหลักของทีมอย่าง กอร์ดอน แม็คควีน และ เควิน โมรัน ก็ได้รับบาดเจ็บขึ้นมา

  แม้พยายามยื้ออย่างสุดความสามารถ ปีศาจแดงก็โดน อลัน เคนเนดี้ ตีเสมอให้หงส์แดงในช่วงท้ายเกม ทำให้การแข่งขันต้องยืดเยื้อต่อไปถึงช่วงต่อเวลา ก่อนที่ รอนนี่ วีแลน จะซัดประตูชัยให้ทีมของ บ็อบ เพรสลี่ย์ คว้าแชมป์ลีก คัพ สมัยที่ 3 ติดต่อกันไปครอง ทิ้งทวนปีสุดท้ายที่คุมทีมในถิ่นแอนฟิลด์

  

ลิเวอร์พูล 3-3 แมนยู, 1988

แข้งปีศาจแดงต้องการแต้มเป็นอย่างมากในเกมสำคัญที่ต้องบุกไปเยือน ลิเวอร์พูล ถึงแอนฟิลด์ ในเดือนเมษายนปี 1988 เพื่อไล่กดดัน ทีมของ เคนนี่ ดัลกริช ที่รั้งตำแหน่งจ่าฝูงและนำห่างพวกเขา 11 คะแนน

ไบรอัน ร็อบสัน กัปตันทีมคนเก่งของยูไนเต็ดซัดประตูขึ้นไปก่อน ช่วยให้ทีมเยือนเริ่มต้นได้สวย แต่จู่ๆฟอร์มการเล่นของทีมก็นิ่งไปดื้อๆ และโดนลิเวอร์พูลกดแซงไป 3 เม็ดรวดจาก ปีเตอร์ เบิร์ดสลีย์, แกรี่ กิลเลสพี และ สตีฟ แม็คมาฮอน

การที่ คอลิน กิปสัน ถูกไล่ออกทำให้ยูไนเต็ดตกที่นั่งลำบากกว่าเดิม แต่ช่วงท้ายเกมก็มาได้ประตูตีเสมอจาก  ร็อบสัน และ กอร์ดอน สตรัคคั่น ซึ่งจังหวะที่แข้งชาวสก็อตฉลองชัยด้วยท่าสูบซิการ์  เชื่อว่าเหล่าเดอะ ค็อป ทั่วโลกคงไม่มีทางลืมอย่างแน่นอน

 

ลิเวอร์พูล 3-3 แมนยู, 1994

ปีศาจแดงของเฟอร์กี้ คว้าแชมป์ลีกในอังกฤษได้เป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปี ในฤดูกาล 1993-94 และพร้อมป้องกันแชมป์ด้วยฟอร์มอันร้อนแรง หลังยิง 3-0 ใส่หงส์แดง คู่อริตลอดกาล ตั้งแต่ 25 นาทีแรกของการแข่งขัน

ณ ตอนนั้น ยูไนเต็ด ไม่แพ้ใครในลีกมา 17 เกมติด มีแต้มเหนือทีมของ แกรม ซูเนสส์ ที่รั้งอันดับ 9 อยู่ 21 แต้ม  ดังนั้นประตูจาก สตีฟ บรูซ, ไรอัน กิ๊กส์ และ ฟรีคิกสุดสวยจาก เดนนิส เออร์วิน ก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจนัก

แต่หงส์แดงก็ลุกขึ้นมาจากหลุมได้เฉย เมื่อไนเจล คลัฟ เหมา 2 ประตูให้ทีมตามหลังมา ก่อนที่ นีล  รัดดอร์ค จะยิงประตูตีเสมอในช่วง 11 นาทีสุดท้ายก่อนทดเวลาในครึ่งหลัง

 

แมนยู 2-2 ลิเวอร์พูล, 1995

เอริค คันโตน่า ได้กลับมาเล่นให้ยูไนเต็ดอีกครั้ง หลังจากพ้นโดนแบนกรณีกระโดดกังฟูคิกใส่ แมธทิว ไซม่อน แฟนบอลคริสตัล พาเลซ ในเซลเฮิร์ตส ปาร์ค และใช้เวลาหาฟอร์มเก่งไม่นาน เมื่อเปิดบอลให้ นิ้กกี้ บัตต์ ทำประตูใส่ทีมสีแดงจากเมอร์ซี่ยไซด์ไปก่อน

แต่ว่า ร็อปบบี้ ฟาวเลอร์ กองหน้าระดับตำนานของลิเวอร์พูล ก็เป็นอีกคนที่โชว์ผลงานได้โดดเด่นมากในเกมดังกล่าว พร้อมกับเหมาไป 2 ประตู ช่วยให้หงส์แดงพลิกขึ้นนำคู่แค้นตลอดกาล

ทว่าช่วงท้ายเกม กองโต้ ก็สามารถรักษา 2 แต้มในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้ เมื่อเขาเป็นคนสังหารจุดโทษช่วงท้ายช่วยให้ปีศาจแดงรอดพ้นความปราชัยคาบ้านได้สำเร็จ

 

แมนยู 1-0 ลิเวอร์พูล, 1996

อีกหนึ่งนัดชิงในเอฟเอ คัพ ฉบับแดงเดือด ที่ แข้งสไปซ์บอยของลิเวอร์พูลกลายเป็นจุดสนใจแต่ก่อนเริ่มเกม

เจมี่ เร้ดแน็ปป์, สตีฟ แม็คมานามาน และ พ้องเพื่อนสวมชุดสูทหรูสีขาวโผล่มาสนามเวมบลีย์ แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้พวกเขาดูดีขึ้นในสนาม และโดนทีเด็ดของ อีริค คันโตน่า (อีกแล้ว) กระโดดสลับขาวอลเลย์ยิงประตูเข้าไปอย่างสวยงามในช่วง 5 นาทีสุดท้าย

ซึ่งประตูครั้งนั้นทำให้ ทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กลายเป็นสโมสรแรกที่คว้าดับเบิ้ลแชมป์ (แชมป์ลีกและบอลถ้วย) ได้ถึง 2 ครั้งในอังกฤษ

 

แมนยู 2-1 ลิเวอร์พูล, 1999

ในฤดูกาลที่แมนยูไนเต็ดคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ได้ ช่างเป็นปีที่เต็มไปด้วยความดราม่าจริงๆ หนึ่งในนั้นคือเอฟเอ คัพ รอบ 4 ที่พวกเขาเปิดบ้านต้องรับการาเยือนของ ลิเวอร์พูล

ซึ่งในช่วงแรก ทีมของเฟอร์กี้ โดน ไมเคิล โอเว่น ที่กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของหงส์แดงทำประตูขึ้นนำไปก่อน และนี่อาจเป็นชัยชนะเหนือยูไนเต็ดครั้งแรกของลิเวอร์พูลในรายการเอฟเอ คัพ นับตั้งแต่ปี 1922 เลย

แต่ ดไวท์ ยอร์ค และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็ฉายหนังซ้ำเหมือนที่เขาทำกับ บาร์เซโลน่า ในแชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยยการยิงประตูช่วงนาทีที่ 88 และ 90 เขี่ยหงส์แดงตกรอบฟุตบอลถ้วยรายการนี้อีกครั้ง

 

แมนยู 0-1 ลิเวอร์พูล, 2000

นอกเหนือจากชัยชนะที่ลิเวอร์พูลมีตต่อคู่อริตัวแสบ พวกเขายังเป็นคนหยุดสถิติแพ้รวด 10 นัดติดในเกมแดงดือดด้วย

ซึ่งประตูชัยจากการปั่นคิกสุดสวยงามจาก แดนนี่ เมอร์ฟี่ย์ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลิเวอร์พูลเอาชนะยูไนเต็ดได้ถึง 5 เกมติดหลังจากนั้น

แม้ว่าชัยชนะในครั้งนี้จะไม่สามารถหยุดให้ทีมของเฟอร์กี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 7 ลงไปได้

 

แมนยู 1-4 ลิเวอร์พูล, 2009

นี่น่าจะเป็นฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมและเด็ดดวงที่สุดในประวัติศาสตร์ของลิเวอร์พูล ยามลงเล่นในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดเลย 

หลังสะดุดพลาดทำแต้มมาพอสมควร ทีมของราฟาเอล เบนิเตซ ต้องการคว้าแต้มให้ได้มากที่สุดเพื่อนหวังว่าพวกเขาจะสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกที่รอคอยมาแสนนานได้เสียที

 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงจุดโทษให้ปีศาจแดงขึ้นนำไปก่อนในช่วงแรก แต่เฟร์นานโด ตอร์เรส ก็เล่นงาน เนมานย่า วิดิช ที่โดนไล่ออกในเกมนั้นจนเสียคนและยิงประตูตีเสมอให้ทีมได้สำเร็จ ก่อนที่เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ จะโดนถลุงประตูกระจายจากจุดโทษของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ลูกฟรีคิกของ ฟาบิโอ ออเรลิโอ และ ลูกชิพสุดเหนือของ อันเดรีย ดอสเซน่า

แต่ถึงจะถล่มคู่แข่งจนยับเยินคาบ้าน ลิเวอร์พูลก็ไม่ใช่ทีมที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้นอยู่ดี

 

แมนยู 3-2 ลิเวอร์พูล, 2010

แฟนผีมากมายถกเถียงกันว่า ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ นั้นเล่นได้คุ้มค่าตัว 30 ล้านปอนด์หรือไม่ ในช่วงที่ค้าแข้งใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

แต่คำถามนั้นก็หายไป เมื่อถึงฤดูกาล 2010-11 กองหน้าชาวบัลแกเรียยิงประตูเป็นว่าเล่น ทำแฮตทริกใส่ลิเวอร์พูลได้ และหนึ่งในประตูที่แฟนบอลทั้ง 2 ทีมจดจำได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้คือ การยิงลูกโอเวอร์เฮ้ดคิกของเบิร์บที่ เปเป้ เรน่า ทำได้แค่ใช้สายตาป้องกัน

สตีเว่น เจอร์ราร์ด ยิงไป 2 ประตูช่วยให่หงส์แดงกลับมาสู่เกมได้ แต่ในช่วง 6 นาทีสุดท้าย จอห์น โอเช บรรจงเปิดบอลจากกราบขวาให้ อดีตหัวหอกสเปอร์สโขกเน้นๆไปที่เสาสองเป็นประตูชัยเฉือนชนะคู่อริไปได้อย่างสุดมันส์

 

พิเศษ : แมนฯยู 0-5 ลิเวอร์พูล 2021

นี่คือความพ่ายแพ้ย่อยยับและน่าอับอายที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อ ลิเวอร์พูล ในยุคพรีเมียร์ลีก ทั้งๆที่พวกเขาได้เล่นใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รังเหย้าที่เปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังแท้ๆ

ปีศาจแดง ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในตอนนั้น โดน หงส์แดงของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ออกนำไปก่อนถึง 4-0 ตั้งแต่จบครึ่งแรก โดยที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กลายเป็นนักเตะคู่แข่งคนแรกที่ทำแฮตทริกได้ในโรงละครแห่งความฝัน ยุคพรีเมียร์ลีก 

แม้คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พยายามส่งบอลเข้าตาข่ายไปแล้ว แต่ก็ถูกจับล้ำหน้า ขณะที่ ปอล ป็อกบา ก็โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม หลังลงเล่นได้เพียง 15 นาที เนื่องจากเข้าสกัดหนักใส่ นาบี เกอิต้า

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

เว้าท์ เวกฮอร์สต์: ดีลยืมสุดคุ้มแห่งทัพปีศาจแดง
เว้าท์ เวกฮอร์สต์: ดีลยืมสุดคุ้มแห่งทัพปีศาจแดง