หน้าเป้าที่ตามหา : นูนเญซสร้างมิติใหม่ให้แนวรุกหงส์อย่างไร?

หน้าเป้าที่ตามหา : นูนเญซสร้างมิติใหม่ให้แนวรุกหงส์อย่างไร?

การวิวัฒนาการแนวรุกโฉมใหม่ของ ลิเวอร์พูล ภายใต้การดูแลของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังคงเดินหน้าต่อไปแบบไม่หยุดยั้ง หลังเตรียมเปิดตัว ดาร์วิน นูนเญซ ดาวยิงคนใหม่ในเร็วๆนี้

จุดเริ่มต้นการปฏิวัตินี้ เริ่มต้นจากการคว้า ดีโอโก้ โชต้า ในปี 2020 ด้วยค่าตัว 45 ล้านปอนด์ ตามมาด้วย หลุยส์ ดิอาซ ในตลาดหน้าหนาวปี 2022 ด้วยค่าตัว 49 ล้านปอนด์ ก่อนที่กองกลางจาก เบนฟิก้า กำลังจะเป็นรายล่าสุด และเตรียมย้ายมาด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 85 ล้านปอนด์

สิ่งที่กุนซือ ‘หงส์แดง’ กำลังทำในตอนนี้คือการต่ออายุแนวรุกของทีมให้ยืนยาวขึ้นไปอีก หลังขุมกำลังชุดแรกที่พาทีมประสบความสำเร็จ ทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เข้าสู่วัย 30, 30 และ 29 ตามลำดับ ซึ่งบางคนอาจหายไปจากทีมในซัมเมอร์นี้หรือซัมเมอร์หน้าด้วย

โดยเฉพาะรายของ มาเน่ ที่คาดว่าน่าจะย้ายทีมคนแรก หลัง บาเยิร์น มิวนิค กำลังเดินหน้ารุกปิดดีลให้ได้ ขณะที่ บ็อบบี้ และบังโม ก็กำลังเข้าสู่สัญญาปีสุดท้ายในแอนฟิลด์ ซึ่งเดอะ ค็อป ก็หวังว่าดาวยิงขวัญใจของพวกเขาจะต่อสัญญาใหม่ออกไป 

นั่นยิ่งทำให้การเข้ามาของ นูนเญซ ถูกคาดหวังเพิ่มไปอีกว่าจะยกระดับเกมรุกของ ลิเวอร์พูล ให้สดใหม่ยิ่งกว่าปีที่ผ่านมา

 

แข็งแกร่งและใช้งานได้แบบยาวๆ

Man Utd one of the best positioned clubs to sign Darwin Nunez - Man Utd News

เหล่าแนวรุกชุดใหม่ที่จะเข้ามารับช่วงต่อมีอายุเฉลี่ยน้อยกว่า 6 ปี และ ลิเวอร์พูล คงหวังว่าพวกเขาจะสามารถประสานงานกับแนวรุกที่เหลือจนพาทีมประสบความสำเร็จ อย่างเช่น 3 ประสานอย่าง ซาลาห์, มาเน่ และ ฟีร์มิโน่ เคยทำไว้ในแอนฟิลด์

ทั้ง 3 คนยังอยู่ในวัยหนุ่ม มีอายุการใช้งานอีกหลายปี ทั้ง โชต้า และ ดิอาซ ในวัย 25 ปี ขณะที่ หอกทีมชาติอุรุกวัย มีอายุ 22 ปี ซึ่งมีความพิเศษมากกว่า ซึ่งจะทำให้ คล็อปป์ สามารถวางแนวทางที่หลากหลายในการเล่นของทีมได้

นูนเญซ คือกองหน้าเบอร์ 9 แบบยุคปัจจุบัน ที่มีร่างกายสูงใหญ่ (187 เซนติเมตร) พร้อมร่างกายที่กำยำ ซึ่งทำให้เขาโดดเด่นกว่าแนวรุกคนอื่นๆใน หงส์แดง

อีกสิ่งที่เตะตา คล็อปป์ อย่างมาก คือร่างกายที่แข็งแกร่ง และไม่ได้มีไว้โชว์อย่างเดียว หลังได้เห็น อิบราฮิม่า โคนาเต้ เจองานหนักในประกบกองหน้ารายนี้ในศึกแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา

หอกจาก เบนฟิก้า แสดงให้เห็นความอันตรายในการทำประตู ตลอด 2 เกมที่ได้พบกันในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยยิงได้ทั้ง 2 นัด พร้อมหาโอกาสทำประตูได้ถึง 6 ครั้ง มากกว่าเพื่อนร่วมทีมทุกคนใน เบนฟิก้า พร้อมหลักฐานอื่นๆที่แสดงให้เห็นว่าเขาสามารถเพิ่มมิติในการเล่นเกมรุกของ คล็อปป์ ได้

เมื่อเทียบกับแนวรุก ลิเวอร์พูล ไม่มีใครดวลลูกอากาศได้ทรงพลังเท่ากับเขา (สำเร็จ 5.7 ครั้งต่อเกมใน UCL) ส่วนในทีมเดียวกันก็มีเพียง กิลแบร์โต้ ฟูลแบ็คที่ทำได้ดีกว่า (15 ครั้ง) ซึ่งนั่นทำให้ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค กองหลังตัวเก่งของ หงส์แดง ออกปากชมว่า หอกหนุ่มมีทั้ง “ความรวดเร็ว, สูงใหญ่ และ แข็งแกร่ง ยากในการเผชิญหน้า” อีกด้วย

 

เป้าใหม่ของนักครอส

หน้าเป้าที่ตามหา : นูนเญซสร้างมิติใหม่ให้แนวรุกหงส์อย่างไร?

นับตั้งแต่ย้ายมาคุมทีมในอังกฤษ คล็อปป์ ก็ต้องเจอปัญหาเดียวกับที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เผชิญในแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เนื่องจากเขาไม่เคยมีผู้เล่นที่เป็นกองหน้าธรรมชาติแบบ นูนเญซ เลยในพรีเมียร์ลีก แต่ในตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว และ ซิตี้ ก็เช่นกันหลังได้ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ มาร่วมทีม

การเชื่อมเกมของ ดาวเตะชาวอุรุกวัย ยามลงสนามคือสิ่งที่เขาต้องพัฒนาขึ้นกว่านี้ หลังมีค่าเฉลี่ย์จ่ายบอลสำเร็จเพียง 57% เท่านั้นในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลที่แล้ว แต่รูปร่างที่สูงใหญ่จะทำให้เขามีประโยชน์ในการเล่นบอลยาว

และนั่นจะสร้างประโยชน์ให้กับ ลิเวอร์พูล ได้อย่างแน่นอน

ทีมของ คล็อปป์ มีค่าเฉลี่ยครองบอลต่อเกม 63% ในช่วง 3 ฤดูกาลหลังสุดในพรีเมียร์ลีก แต่พวกเขาก็เล่นบอลและเข้าทำหลากหลายวิธี ทั้งบอลยาว, บอลสั้น ขณะที่การจู่โจมแบบรวดเร็วยังคงเป็นอาวุธเด็ดของทีม

Opta เว็บไซต์บันทึกสถิติชื่อดัง ได้แสดงให้เห็นว่า ลิเวอร์พูล มีการเข้าทำเกมรุกแบบไดเร็ค หรือการพาบอลเข้าหาประตูคู่แข่งให้เร็วที่สุด มากกว่าทุกสโมสรในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อน มีเพียง วูล์ฟแฮมป์ตัน ที่ได้มีจังหวะสวนกลับมากกว่า ด้วยความเร็วและความแข็งแกร่งของเขาในตำแหน่งกองหน้า เชื่อว่า ‘หงส์แดง’ จะดีขึ้นเป็นเท่าตัวจากการมาของ หอกวัย 22 ปี

ไม่เพียงเท่านั้น เขาน่าช่วยให้การเล่นลูกครอสของทีมมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

เดิมที ลิเวอร์พูล ก็เป็นสโมสรที่ครอสบอลมากกว่าใครในพรีเมียร์ลีกเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา โดยจำนวน 897 กับ 468 ครั้ง มาจาก ฟูลแบ็คทั้ง 2 ฝั่งอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเติมเกมรุกอยู่แล้ว

ทั้ง อาร์โนลด์ และ โรเบิร์ตสัน ทำแอสซิสต์รวม 22 ครั้งในพรีเมียร์ลีกซีซั่นล่าสุด สร้างโอกาสรวมกันถึง 145 ครั้ง เพราะฉะนั้นจึงไม่ยากที่จะจินตนาการได้ว่า กองหน้าคนใหม่ จะทำให้การครอสของทั้งคู่โดดเด่นยิ่งขึ้น

 

กองหน้าที่คล็อปป์ตามหา

Darwin Nunez excited to play with 'monsters' Salah, Jota, Firmino and Diaz  at Liverpool | Goal.com English Oman

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าจุดเด่นหลักของ นูนเญซ คือร่างกายที่สูงใหญ่เหมาะสมกับการเป็นกองหน้าเบอร์ 9 ซึ่งนั่นก็ไม่แปลกที่เขาจะทำประตูจากลูกโหม่งได้ 6 ลูกให้เบนฟิก้า ในฤดูกาลก่อน ซึ่งมาจาก ปรีไมร่า ลีก้า 5 ลูก 

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ลืมลูกหากินของเหล่าดาวยิงยามได้บอลเรียดในกรอบเขตโทษเช่นกัน ทั้งการสลัดหนีตัวประกบและหาช่องว่างในการทำประตู ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ทำให้ ดาวเตะวัย 22 ปีคว้าดาวซัลโวลีกฝอยทองในฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยจำนวน 23 ประตู

นอกจากนี้ แข้งชาวอุรุกวัย ยังอันตรายในการเล่นลูกเซ็ตพีซด้วย ซึ่งเป็นจุดหนึ่งที่จะช่วยให้เพิ่มอันตรายในเกมรุกของ ลิเวอร์พูล ได้

ฤดูกาลที่แล้ว ทีมของคล็อปป์ ก็ทำประตูจากลูกตั้งเตะมากกว่าเป็นอันดับ 2 ในลีก ด้วยจำนวน 19 ลูกแล้ว แต่กุนซือชาวเยอรมัน คงมั่นใจมากขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อมี กองหน้าคนใหม่จาก เบนฟิก้า เป็นอีกจุดหมายในการเล่นลูกนิ่ง เช่นเดียวกับ ฟาน ไดจ์ค และ โคนาเต้ ที่ขึ้นมาทำประตูจากจังหวะนี้ได้เหมือนกัน

ไม่เพียงแค่นั้น ด้วยการที่ คล็อปป์ ชื่นชอบในการให้แนวรุกของเขา สลับเปลี่ยนตำแหน่ง หรือไปจุดต่างๆเพื่อสร้างความสบสันให้แนวรับคู่แข่ง ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ กองหน้าละตินอเมริกา ทำได้เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการตัดเข้าในจากกราบซ้ายเพื่อหาโอกาสทำประตู และถอยลงมารับบอลแนวลึกเพื่อสร้างช่องว่างให้กับแนวรุกคนอื่นๆในทีม

คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า คล็อปป์ จะหาทางออกให้กับ นูนเญซ และ ดิอาซ ที่ชื่นชอบในการยืนฝั่งซ้ายได้อย่างไร แต่การถอยลงมาเล่นในแนวลึก ยามเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า น่าจะช่วยให้แนวรุกทั้ง 2 ฝั่งมีช่องว่างในการโจมตีมากขึ้นเช่นกัน

แน่นอนว่าส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับว่าเขาปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะสไตล์ของทีม ฟุตบอลในประเทศ หรือวิถีการใช้ชีวิตในอังกฤษ ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่ปรับตัวเข้ากับพรีเมียร์ลีกได้ราบรื่นและรวดเร็วเหมือนที่ ดิอาซ ทำได้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว

แต่สิ่งที่มั่นใจได้แน่นอนคือ นูนเญซ จะนำสิ่งใหม่ๆที่ ลิเวอร์พูล ยังไม่มีเข้ามาสู่ทีม และการมาถึงของเขาส่งสัญญาณว่าวิวัฒนาการแนวรุกของ คล็อปป์ กำลังเดินหน้าต่อไปแบบดูดีมีอนาคตรออยู่แน่นอน

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

อย่ากังวล:  5 เหตุผลที่ผีไม่ต้องเศร้าหลังแห้วคว้านูนเญซ
อย่ากังวล: 5 เหตุผลที่ผีไม่ต้องเศร้าหลังแห้วคว้านูนเญซ