ใครลิ่วใครร่วง : บทสรุป UCL รอบแบ่งกลุ่ม 2021-22

UCL

สิ้นสุดกันไปแล้วสำหรับศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ในฤดูกาล 2021-22 หลังแข่งขันกันมาเป็นเวลา 3 เดือนเศษๆ 

ช่วงเวลาเหล่านั้น ทีมเต็งหลายทีมต่างทำผลงานได้ยอดเยี่ยมสมกับที่หลายคนคาดหวัง ขณะเดียวก็มีทีมม้ามืดฉายแสงในรอบนี้เช่นกัน และแน่นอนว่าทีมใหญ่บางทีมก็พลาดท่าร่วงไปเล่นในถ้วยรองอย่าง ยูโรป้าลีก หรือที่หนักกว่าก็เก็บของกลับบ้านแบบไม่มีลุ้นอะไรเลย

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จึงขอพาทุกท่านไปพบกับบทสรุปใน UCL รอบแบ่งกลุ่มของฤดูกาลนี้ว่าทีมไหนเข้ารอบ ทีมไหนร่วง ผ่านบทความชิ้นนี้กัน

 

กลุ่ม A – เรือควงแขนปารีสลิ่วน็อคเอ้าท์ตามคาด

Manchester City vs PSG | Champions League: Manchester City seal top spot,  sending Messi, Mbappe and Neymar through in second - Champions League

เกมดาร์บี้เศรษฐีจากตะวันออกกลาง คือการแข่งขันที่หลายคนจับตามองในกลุ่ม A ของแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้ ซึ่ง 2 นัดที่พบกันต่างฝ่ายต่างคว้าชัยไปครองได้ทีมละหน โดย ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ก่อน จากนั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จึงล้างตาได้ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม

ส่วนในเกมอื่นๆ ‘เรือใบสีฟีฟ้า’ ก็แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานระดับสูงด้วยการกวาดชัย 3 นัด แม้สะดุดพ่าย แอร์เบ ไลป์ซิก ทีมอันดับ 3 ที่หล่นไปเล่น ยูโรป้า ลีก ในนัดส่งท้าย แต่ก็ยังดีพอรั้งอันดับ 1 ของกลุ่ม โดยมี เปแอสเช ตามหลังมาเป็นที่ 2 

 

กลุ่ม B – กรุ๊ปออฟเค้กของหงส์แดง

Athletic: Five key absences and four young players travel - how Liverpool  should line up vs. Milan

หลายคนนยกให้กลุ่ม B คือกรุ๊ปออฟเดธของ UCL ในฤดูกาลนี้ เนื่องจากมีทีมระดับท็อปทั้ง ลิเวอร์พูล, แอตเลติโก้ มาดริด, เอฟซี ปอร์โต้ และ เอซี มิลาน คอยชิงชัยตั๋ว 2 ใบสู่รอบน็อคเอ้าท์

ทว่านี่กลับกลายเป็นงานที่ง่ายสำหรับ ‘หงส์แดง’ แบบที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อการันตีคว้าตั๋วเข้ารอบตั้งแต่ 4 นัดแรก ก่อนกลายเป็นทีมแรกในอังกฤษที่คว้าชัยครบทั้ง 6 นัด ในแชมเปี้ยนส์ลีกด้วย

ส่วน ‘ตราหมี’ ที่มีดีกรีเข้าชิงถ้วยนี้ถึง 2 ครั้งในช่วง 10 ปี หลังสุด ก็ทุลักทุเลไม่น้อย เมื่อพลาดท่าไปพ่าย ‘รอสโซเนรี่’ ที่ฮึดสู้ในเกมที่ 5 จนต้องไปลุ้นเข้ารอบกันในเกมสุดท้าย แต่ด้วยประสบการณ์ความเก๋า ก็ปิดจ็อบทุบ ปอร์โต้ 3-1 เข้ารอบตามหลัง ลิเวอร์พูล ไป

ขณะที่ มิลาน อดีตแชมป์ยุโรป 7 สมัย ที่อุตส่าห์เข้ามาเล่นในถ้วยนี้ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ก็ต้องตกรอบไปแบบช้ำๆกับการรั้งบ๊วยของกลุ่ม ตามหลัง ปอร์โต้ แค่คะแนนเดียว

 

กลุ่ม C – อาแจ็กซ์ผงาด, เสือเหลืองสะดุด

Why it's time to take Ajax seriously as a Champions League title contender  - CBSSports.com

แรกเริ่มเดิมที โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ถูกยกให้เป็นตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ของกลุ่ม C เพราะด้วยดีกรีและชื่อชั้นของทีม ก็ห่างจากคู่แข่งพอสมควร ทว่าเมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้นจริงๆ กลับกลายเป็น อาแจ็กซ์ ที่โชว์ฟอร์มร้อนแรงเกินหน้าเกินตา 3 คู่แข่งที่เหลือ

จากทั้งหมด 6 นัด ยอดทีมจาก อัมสเตอร์ดัม กดประตูถึง 20 ตุง และเสียเพียง 5 ลูกเท่านั้น ที่สำคัญ พวกเขาเป็น 1 ใน 3 ทีมที่เก็บแต้มครบ 18 คะแนนเต็มในรอบแบ่งกลุ่มฤดูกาลนี้

ขณะที่ ‘เสือเหลือง’ แม้ออกสตาร์ทได้ดีใน 2 เกมแรก แต่การไร้เงา เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ในเกมต่อๆมา ก็ส่งผลให้ทีมทำแต้มหล่น แม้จะฮึดถล่ม เบซิคตัส ทีมบ๊วยในเกมสุดท้าย 5-0 จนมี 9 แต้มเท่ากับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ทว่าลูกได้เสียที่เป็นรอง ทำให้พวกเขาต้องหล่นไปลุ้นในยูโรป้าแบบน่าเจ็บใจ

 

กลุ่ม D – ราชัน, งูใหญ่ มาตามนัด

Inter Milan 0-1 Real Madrid summary: score, goals, highlights | Champions  League 2021-22 - AS.com

แม้ช่วงแรกๆในกลุ่ม D มีเซอร์ไพรส์ เมื่อทีมน้องใหม่ในถ้วยนี้อย่าง เชอร์ริฟ ติราสโพล ตัวแทนจาก มอลโดว่า อาจหาญทะยานขึ้นจ่าฝูงของกลุ่ม ด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ เรอัล มาดริด 2-1 ในเกมที่ 2 แต่สุดท้ายทีมเต็งก็ยังเป็นทีมเต็งอยู่วันยังค่ำ

4 เกมหลังจากนั้น ‘ราชันชุดขาว’ ไม่เคยพ่ายให้ทีมไหนอีกเลย พร้อมล้างแค้น เชอร์ริฟ แบบทบต้นทบดอก และคว้าอันดับ 1 เข้ารอบน็อคเอ้าท์ไปแบบหล่อเท่

ทางด้าน อินเตอร์ มิลาน ที่ดูล่อแล่ใน 2 นัดแรก ก็ค่อยๆเรียกฟอร์มเก่งจนทะยานขึ้นอันดับ 2 ได้ แม้พ่ายในเกมสุดท้ายให้ ‘โลส บลังโกส’ แต่ด้วยแต้มที่ขาดจากอันดับ 3 ไปแล้วก็ทำให้พวกเขาเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายใน UCL ต่อไป ส่วน เชอร์ริฟ แม้ไปไม่ถึงฝัน แต่ก็ยังได้หล่นไปวาดลวดลายฝีเท้าต่อใน ยูโรป้าลีก

 

กลุ่ม E – พี่เสือโคตรดุ, บาร์ซ่าอาการหนัก

Barcelona crashes out of Champions League with 3-0 Bayern defeat | Daily  Sabah

บาเยิร์น มิวนิค คือทีมที่ 3 ที่เก็บได้ 18 แต้มในรอบแบ่งกลุ่ม อีกทั้งยังเป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดในรอบนี้ด้วยกับทั้ง 22 ประตูจาก 6 นัด แถมเสียแค่ 2 ลูก ไม่แปลกที่ใครหลายคนยกให้ เ’สือใต้’ เป็นเต็งหนึ่ง แม้มีกุนซือหนุ่มอย่าง ยูเลี่ยน นาเกลส์มัน กุมบังเหียนอยู่ก็ตาม

ทว่า บาร์เซโลน่า ที่เคยยิ่งใหญ่ในช่วง 5-6 ปีหลัง กลับหมดสภาพยอดทีม เนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงในทีมครั้งใหญ่ ทั้งตำแหน่งกุนซือ หรือ ผู้เล่นที่อยู่ช่วงเปลี่ยนถ่าย ทำให้ผลการแข่งขันไม่เป็นใจแก่พวกเขาเลย

และการโดน บาเยิร์น ถลุงในเกมสุดท้าย ก็ส่งผลให้พวกเขาร่วงรอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2003-2004 และหล่นไปเล่นในยูโรป้าลีก เนื่องจาก เบนฟิก้า ทำแต้มแซงขึ้นมารั้งอันดับ 2 แทนพวกเขา หลังเอาชนะ ดินาโม เคียฟ ได้ในช่วงเวลาเดียวกัน

 

กลุ่ม F – ผียังฉลุยแม้มีหลุด

Cristiano Ronaldo steps up to rescue Manchester United and down Villarreal  | Marca

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถูกยกให้เป็นเต็งแชมป์กลุ่ม F ใน UCL ส่อแววไม่ดีตั้งแต่เกมแรกด้วยการบุกไปพ่าย ยัง บอยส์ 2-1 พร้อมด้วยฟอร์มการเล่นที่ดูไม่มีทรงเสียเลย

แม้คว้าชัยได้ 2 นัดต่อมาทั้งกับ บียาร์เรอัล กับ อตาลันต้า ก็ไม่ได้โชว์ฟอร์มได้ไฉไลเท่าไหร่นัก และเกือบไม่รอดในเกมบุกไปเยือนที่ แบร์กาโม่ หากไม่ได้ประตูช่วงทดเวลาของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ช่วยชีวิตไว้

อย่างไรก็ตาม ไมเคิ่ล คาร์ริค ที่ทำหน้ากุนซือขัดตาทัพ แทนที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่ถูกปลด ก็การันตีพาทีมเข้าน็อคเอ้าท์ด้วยการทุบ ‘เรือดำน้ำสีเหลือง’ คว้าอันดับ 1 ของกลุ่ม

ทว่ากลุ่มนี้ก็ยังไม่จบเสียทีเดียว เนื่องจากยังมีเกมตกค้างระหว่าง อตาลันต้า พบ บียาร์เรอัล ที่เป็นเกมชี้ชะตาสู่รอบน็อคเอ้าท์ของทั้ง 2 ทีมด้วย

 

กลุ่ม G – ลีลล์,ซัลซ์บวร์ก เข้ารอบแบบฮึดจับ

RB Salzburg Beat Lille

กลุ่ม G อาจไม่มีทีมใหญ่ระดับท็อปในยุโรปอยู่ร่วมกัน แต่ถ้าพูดถึงความดุเดือดกลุ่มนี้ก็มีไม่แพ้ใครเช่นกัน เนื่องจาก ลีลล์, เซบีย่า, โวล์ฟสบวร์ก และ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก มีดีกรีไม่ห่างกันมากนัก

แต่ละทีมผลัดกันชนะ, เสมอ, แพ้ มาตลอด ทำให้พวกเขามีแต้มไม่ห่างกันมาก จนต้องมาลุ้นการเข้ารอบน็อคเอ้าท์จนถึงนัดสุดท้าย 

ท้ายที่สุด เป็น ลีลล์ ดีกรีแชมป์ลีกเอิง ฤดูกาลก่อน ที่โชว์ความแกร่งบุกไปถล่ม ‘หมาป่าเมืองเบียร์’ 3-1 เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ตามมาด้วย ซัลซ์บวร์ก ทีมอันดับ 2 ที่ส่ง เซบีย่า หล่นไปเล่นถ้วยรอง ด้วยชัยชนะ 1-0

 

กลุ่ม H – สิงห์แผ่วนัดสุดท้ายโดนม้าลายแซง

Zenit 0 - 1 Chelsea - Flipboard

เชลซี แชมป์เก่า เข้ามาอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ ยูเวนตุส, เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก และ มัลโม่ ใน UCL ฤดูกาลนี้ และหากไม่นับ ‘ม้าลาย’ ที่อยู่ระดับเดียวกัน สิงห์บลูส์ ก็คงไม่พลาดกวาดชัยได้ทั้งหมดกับการพบทีมจาก รัสเซีย และ สวีเดน

แม้โดน ‘เบี่ยงโคเนรี่’ เฉือนไปก่อนในนัดแรก แต่เมื่อกลับมาเจอกันที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ทีมจากลอนดอน ก็ล้างแค้นด้วยการถล่มไป 4-1 ขึ้นรั้งจ่าฝูงได้สำเร็จในเกมที่ 5 

อย่างไรก็ตาม ทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล ก็ต้องเข้ารอบเป็นอันดับ 2 แทน หลังพลาดท่าสะดุดเสมอ เซนิต 3-3 ในเกมสุดท้าย ส่งผลให้ ยูเว่ ที่เฉือน มัลโม่ 1-0 แซงหน้าขึ้นจ่าฝูงไป

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

UCL
ใครเห็นก็ว่าร่วง: 5 ทีม UCL รอบแรกร่อแร่แต่ทะลุถึงชิง