ปัดผีรอวันสิ้นโลก : โรอา นายด่านฟ้าขาวผู้แจ้งเกิดในบอลโลก 1998

ปัดผีรอวันสิ้นโลก : โรอา นายด่านฟ้าขาวผู้แจ้งเกิดในบอลโลก 1998

นักเตะหลายคนอาจไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังยามเล่นให้สโมสร แต่เมื่อถึงคราวรับใช้ทีมชาติบ้านเกิด พวกเขาก็มีโอกาสแจ้งเกิดให้แฟนบอลทั่วโลกได้เห็นในศึกใหญ่ทั้งระดับทวีปและระดับโลก ซึ่ง คาร์ลอส โรอา ก็เป็นหนึ่งในนั้น

นายทวารทีมชาติอาร์เจนติน่า ฉายแสงอย่างเต็มตัวในศึกฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพ หลังไม่เสียประตูในรอบแบ่งกลุ่มเลย รวมถึงเซฟจุดโทษช่วงชี้ขาดในเกมดวลกับ อังกฤษ รอบ 16 ทีมสุดท้าย

นั่นทำให้ชื่อของเขาได้รับความสนใจจากสโมสรทั่วยุโรป และหนึ่งในนั้นก็มี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วย ทว่าสิ่งที่เขาคือการปฏิเสธย้ายไปเฝ้าเสาในแดนผู้ดี และที่ช็อคแฟนบอลมากกว่านั้นคือการที่เขาประกาศแขวนถุงมือในเวลาต่อมา เนื่องจากเชื่อว่าถึงวันสิ้นโลกทันทีที่ขึ้นศตวรรษที่ 21

ด้วยเหตุนี้ UFA ARENA จะพาไปพบกับเรื่องของ โรอา ตั้งแต่สร้างชื่อในสโมสรบ้านเกิด จนโดดเด่นในฟุตบอลโลก รวมไปถึงชีวิตของเขาหลังทราบว่าโลกไม่ได้แตกอย่างที่คิดผ่านบทความนี้กัน

 

จุดเริ่มต้น

Le dijo no al Manchester United y dejó el fútbol para seguir su fe, tuvo cáncer, malaria y fue figura en un Mundial: las mil vidas de Carlos Roa - Infobae

โรอา ก็เหมือนเด็กหนุ่มในอาร์เจนติน่า หลายคนที่ใฝ่ฝันได้ค้าแข้งอาชีพ ก่อนทำได้จริงๆ โดยมี ราซิ่ง คลับ เป็นสโมสรแรกในอาชีพในปี 1988 พร้อมประเดิมชุดใหญ่ด้วยวัย 18 ปี 

มีช่วงที่เขาเป็นโรคมาลาเรียอย่างรุนแรง หลังไปทัวร์พรีซีซั่นที่แอฟริกา แต่หลังจากฟื้นตัวกลับมา เขาก็ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฝ้าเสาถึง 109 นัดตลอด 5 ปีในทีม ก่อนย้ายไป ลานุส ในปี 1994

กับ รานุส นายด่านเลือดฟ้าขาว กลายเป็นมือหนึ่งที่ทีมขาดไม่ได้เลย พร้อมพาสโมสรจาก บัวโนส ไอเรส คว้าแชมป์แรกในประวัติศาสตร์สโมสรกับรายการ โคปา คอนเมโบล ปี 1996

หลังสร้างชื่อในบ้านเกิดได้พอสมควร เขาก็ได้โอกาสย้ายมาค้าแข้งต่างแดนเป็นครั้งแรก โดยซบ มายอร์ก้า ในปี 1997 พร้อมกับ ออสการ์ เมน่า เพื่อนร่วมจาก ลานุส และโดดเด่นในแดนกระทิงทันที หลังช่วยให้ทีม ‘ชาวเกาะ’ จบอันดับที่ 5 ในฤดูกาล 1997-98 อีกทั้งเข้าไปเล่นรอบชิงชนะเลิศบอลถ้วย โกปา เดล เรย์ ก่อนพ่ายช่วงจุดโทษให้กับ บาร์เซโลน่า ณ เวลานั้น

 

ฟอร์มดีจนผีต้องตา

Argentina hero Carlos Roa explains why he snubbed transfer to Sir Alex Ferguson's Man Utd - Mirror Online

ด้วยฟอร์มกับสโมสรจึงไม่แปลกที่ โรอา จะกลายเป็นมือหนึ่งของทีมชาติอาร์เจนติน่า ชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 1998 รอบสุดท้ายที่ฝรั่งเศส พร้อมทำผลงานโดดเด่นไม่เสียประตูให้คู่แข่งเลยตลอด 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม

ทว่าเกมที่เขาสร้างชื่อในเวทีโลกจริงๆคือรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่พบกับ อังกฤษ ซึ่งเสมอกันในเวลา 120 นาทีด้วยสกอร์ 2-2 จนต้องหาผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ ก่อนที่นายด่านจาก มายอร์ก้า จะเซฟลูกยิงของ เดวิด แบ็ตตี้ พาทีมผ่านเข้าไปรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ

แม้ในรอบต่อมา ทัพ ‘ฟ้าขาว’ จะหยุดเส้นทางไว้แค่นี้ หลังพ่ายให้กับ เนเธอร์แลนด์ ด้วยสกอร์ 2-1 จากลูกยิงสุดสวยของ เดนนิส เบิร์กแคมป์ ในนาทีสุดท้าย แต่ชื่อเสียงของนายด่านอาร์เจนไตน์กลับเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว หลังทำผลงานได้โดดเด่นตลอดทัวร์นาเม้นต์นั้น

เส้นทางหลังจากนั้นก็ไปได้สวยสุดๆ  สำหรับนายด่านมือหนึ่งของ มายอร์ก้า หลังพาทีม ‘ชาวเกาะ’ คว้าอันดับ 3 ในฤดูกาลต่อมา ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดเท่าที่สโมสรเคยทำได้ และด้วยวัย 29 ปี เขาก็ดูพร้อมที่จะก้าวเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูชั้นยอดของโลก

ที่สำคัญ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังจากศึกพรีเมียร์ลีก ก็เฝ้าดูนายด่านชาวอาร์เจนไตน์อย่างตั้งใจและยินดีจ่ายเงินสูงถึง 8 ล้านปอนด์ เพื่อดึงเขามาเป็นทายาทระยะยาวของปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดขึ้นด้วยเหตุผลที่หลายคนไม่อยากเชื่อหรือคิดว่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ

 

เลิกเล่นเพราะโลกจะแตก

Argentina World Cup hero Carlos Roa snubbed transfer to Man Utd because he thought the world was going to END in 2000 – The Sun | The Sun

ในฐานะผู้นับถือมีศรัทธาอย่างมากกับเซเวนต์เดย์แอดเวนทิสต์ นิกายหนึ่งในศาสนาคริสต์ โรอา ก็มั่นใจว่าสหัสวรรษใหม่จะกลายวันสิ้นโลก และหันหลังวงการฟุตบอลในปี 1999 เพื่อ “เตรียมพร้อมสำหรับวันสิ้นโลก” ตามประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า 

ผู้รักษาประตูชาวอาร์เจนไจน์ ยอมทิ้งสมบัติทางโลกทั้งหมดของเขาและหายไปจากวงการ ก่อนที่สื่อจะพบว่าเขาย้ายไปยังวิลล่า เดอ โซโต หมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขากอร์โดบา ที่ซึ่งเขาอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวกับครอบครัวเพื่อรอวันโลกาวินาศ

“ผมไม่เคยอยากเป็นนักฟุตบอลเลย และผมไม่เคยคิดถึงฟุตบอลเลยด้วย ผมมีความสุขได้โดยไม่ต้องมีฟุตบอล” เขาบอกกับ Ole สื่อหนังสือพิมพ์ในบ้านเกิด ที่ตามมาสัมภาษณ์เขาหลังจากตามหามานาน 6 เดือน

อย่างไรก็ตาม วันสิ้นโลก ยังไม่ได้มาถึงหลังขึ้นทศวรรษใหม่ และหลังจากนั้น เขาก็กลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งกับ มายอร์ก้า เนื่องจากยังเหลือสัญญาอีก 2 ปี พร้อมด้วยเงื่อนไขพิเศษว่าไม่ต้องทำงานในวันเสาร์

“การหยุดพักช่วยให้ผมดีขึ้น ผมกลับมาผ่อนคลาย มีความสุข และกระตือรือร้นที่จะกลับไปเล่นฟุตบอลอีกครั้ง” เขาอธิบายผ่าน The Guardian สื่อจากอังกฤษในอีกหลายปีต่อมา โดยยืนยันว่าการตัดสินใจของเขาที่จะหยุดพักผ่อนได้รับการต้อนรับจากคนรอบข้าง อีกทั้งไม่มีใครถามเขาเลย ไม่มีแม้แต่สื่อมวลชนด้วยซ้ำ

 

เอาชนะโรคร้ายช่วงปลายอาชีพ

Carlos Angel Roa, il portiere che rifiutò lo United per paura dell'apocalisse

เมื่อกลับมาลงเล่นในเฝ้าเสาอีกครั้งในรอบหลายเดือน ไม่แปลกที่ โรอา จะไม่สามารถคืนฟอร์มเซฟเทพๆได้อีกเลย หลังจากนั้น และกลายเป็นตัวสำรองมือสองให้กับเพื่อนร่วมชาติ ลีโอ ฟรังโก ใน มายอร์ก้า ก่อนย้ายไป อัลบาเซเต้ สโมสรในเซกุนด้า ปี 2002 พร้อมช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้สำเร็จ 

ทว่าในปี 2004 นายทวารเลือดฟ้าขาว ก็เผชิญหน้ากับโรคร้าย หลังตรวจพบว่าเป็นมะเร็งอัณฑะ ทำให้เขาต้องแขวนถุงมืออีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็แสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวอีกครั้ง เมื่อสามารถเอาชนะโรคร้ายได้ จนกลับไปเล่นอาชีพอีกครั้งกับ โอลิมเปีย สโมสรในบ้านเกิด และเลิกเล่นถาวรในปี 2006

หลังแขวนสตั๊ด เจ้าของฉายา ‘เลชูก้า’ ที่แปลว่า “ผัดกาด” เนื่องจากการรับประทานอาหารมังสวิรัติที่เคร่งครัด ก็ผันตัวไปเล่นโค้ชผู้รักษาประตูให้กับสโมสรระดับล่างๆในบ้านเกิด ก่อนได้ร่วมงานกับ มาติอัส อัลเมย์ด้า เพื่อนเก่าสมัยเล่นทีมชาติ ช่วยกันพา ริเวอร์เพลท เลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุดในปี 2011-12

จากนั้น อดีตนายด่าน มายอร์ก้า ก็ตามเพื่อนซี้ไปทำงานร่วมกัน ที่ บานฟิลด์, กัวดาฮาร่า, ซาน โฮเซ่ เอิร์ธเควกส์ และ เออีเค เอเธนส์ สโมสรปัจจุบันที่เขาทำหน้าที่เป็นโค้ชผู้รักษาประตูอยู่ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ปี 2022 ที่ผ่านมา

โรอา อาจเคยกล่าวคำอำลาวงการลูกหนังในปี 1999 แม้โลกจะไม่แตกอย่างที่คิด แต่พระเจ้าก็มีแผนใหม่ให้เขา ทั้งการช่วยกลับมาในวงการนี้อีกครั้ง และการเอาชนะมะเร็งอัณฑะได้อย่างเหลือเชื่อ ยิ่งทำให้ชีวิตของเขาดูพิเศษไม่เหมือนใคร ต่อให้ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากมายก็ตาม

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

เร็วไปมั้ย : 10 แข้งดังโบกมือลาทีมชาติก่อนวัยอันควร
เร็วไปมั้ย : 10 แข้งดังโบกมือลาทีมชาติก่อนวัยอันควร