เตรียมตัวให้พร้อม : รวมทุกเรื่องที่ควรรู้ก่อนดูยูโร 2020

 

เหลือเวลาอีก 1 สัปดาห์ ศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 ก็กำลังจะเปิดฉากขึ้นแล้วในเดือนมิถุนายนนี้ หลังรอมานานกว่า 5 ปี

 

ความจริง แฟนบอลคงได้เห็นบทสรุปของการแข่งขันนี้ไปแล้ว หากแข่งขันตามกำหนดเวลาเดิม ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ปี 2020 แต่ด้วยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อวงการกีฬาทั่วโลก และ ยูโร ก็เป็นอีกทัวร์นาเม้นต์ที่เลื่อนการแข่งขันเพื่อหนีโควิดเช่นกัน

 

หลังเวลาล่วงเลยมา 1 ปีเต็ม ๆ แฟนบอลทั่วโลกก็จะได้สัมผัสกับทัวร์นาเม้นต์เบอร์ต้น ๆ ในวงการลูกหนังที่หลายคนเฝ้ารอคอยเสียที ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน ถึงวันที่ 11 กรกฏาคมนี้และ UFA ARENA จะพาไปพบกับข้อมูลต่าง ๆ ที่ควรรู้เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมถึง ศึกยูโร 2020 ผ่านบทความชิ้นนี้

 

 

รูปแบบการแข่งขัน

 

UEFA EURO 2020 Explained - YouTube

 

รูปแบบการแข่งขันหลัก ๆ ของ ยูโร หนนี้ ทั้งในรอบแบ่งกลุ่ม และ รอบน็อคเอ้าท์ ไม่ต่างอะไรกับศึกยูโร ปี 2016 ที่ฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพเลย

 

24 ทีมชาติที่เข้ารอบสุดท้าย จะถูกแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม โดยที่ 2 ทีมที่อันดับดีที่สุดในแต่ละกลุ่มเพื่อผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป

 

แน่นอนว่าจะเหลือตั๋ว 4 ใบในรอบน็อคเอ้าท์ ซึ่งจะมอบให้กับ 4 ทีมที่คว้าอันดับ 3 และมีแต้มมากที่สุด แต่ถ้ามีมากกว่า 2 ทีมขึ้นไปที่มีแต้มเท่ากัน หลังเสร็จสิ้นเกมรอบแบ่งกลุ่ม ก็จะวัดกันที่ลูกได้เสียว่าใครดีกว่ากัน เพื่อผ่านเข้าไปเล่นในรอบต่อไป

 

หากผลประตูได้เสียดังกล่าว ยังไม่สามารถคัดหาทีมผู้ชนะได้ (ซึ่งมีโอกาสน้อยมาก) ก็จะใช้เกณฑ์ช่วยคัดเลือก โดยมีลำดับตามนี้ ก็คือ ประตูที่ยิงได้, จำนวนที่ชนะในทัวร์นาเม้นต์, อันดับแฟร์เพลย์, อันดับโดยรวมหลังรอบคัดเลือก ซึ่งเกณฑ์ก็ใช้กับการคัดทีมอันดับ 1 และ 2 ในรอบแบ่งกลุ่มเช่นกัน

 

หากการแข่งขันในรอบน็อคเอาท์เสมอกันหลังจาก 90 นาที ก็จะแข่งขันช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาที หากยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ ก็จะใช้การยิงจุดโทษชี้ขาดตัดสิน

 

 

ประเทศเจ้าภาพ

 

Euro 2020: Which stadiums will allow fans & ticket details explained | Goal.com

 

ตลอดการแข่งขันยูโร 15 ครั้งที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 1960 มักจะใช้เจ้าภาพแค่ประเทศเดียวเป็นส่วนใหญ่ หรือมากที่สุดแค่ 2 ประเทศเท่านั้น แต่ในครั้งที่ 16 นี้ถือว่าพิเศษกว่าทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากจะใช้ 12 สนามจาก 12 เมืองในยุโรป เป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน

 

อย่างไรก็ตาม ช่วงสถานการณ์โควิด ก็ส่งผลกระทบให้เหลือเพียง 11 เมืองเท่านั้น เนื่องจาก กรุงดับลิน ในประเทศไอร์แลนด์ ไม่สามารถการันตีต่อ ยูฟ่า ว่าสามารถรับรองแฟนบอลให้เข้าชมการแข่งขันได้ 25 เปอร์เซนต์จากความจุสนามทั้งหมด 

 

ขณะเดียวกัน บิลเบา ก็หมดสิทธิ์เป็นสนามจัดการแข่งจากทั้งหมด 4 นัดในทัวร์นาเม้นต์นี้ด้วยเหตุผลเดียวกัน โดยจะย้ายเกมเหล่านั้นไปเล่นใน เซบีย่า แทน

 

ทีมใหญ่ ๆ ที่ผ่านเข้ารอบไปจะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพในเกมรอบแบ่งกลุ่มด้วย ยกตัวอย่างเช่น อังกฤษ จะเล่นในลอนดอน, รัสเซีย จะเล่นใน เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก, เยอรมัน จะเล่นใน มิวนิค และ อิตาลี จะเล่นในโรม

 

จากนั้นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายจะเล่นในสนามที่ อัมสเตอร์ดัม, ฮังการี, เซบีย่า, โคเปนเฮเก้น, บูคาเรสต์ และ กลาสโกว์ จากนั้น เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก, มิวนิค, บากู และ โรม จะเป็นสนามที่แข่งในรอบ 8 ทีมสุดท้ายตามลำดับ

 

ส่วนเกม 3 นัดสุดท้ายของทัวร์นาเม้นต์ ทั้งรอบตัดเชือก และรอบชิงชนะเลิศ จะแข่งขันกันที่ เวมบลี่ย์ ในกรุงลอนดอน ทั้งหมด

 

 

11 สนามที่ใช้แข่งขัน

 

UEFA EURO 2020 VENUES by THẾ GIỚI BÓNG ĐÁ - issuu

 

1.แฮมป์เดน ปาร์ค, กลาสโกว, สก็อตแลนด์ (ความจุ 51,000 ที่นั่ง)

2.เวมบลี่ย์, ลอนดอน, อังกฤษ (90,000 ที่นั่ง)

3.เอสตาดิโอ เด ลา คาร์ตูฆ่า, เซบีย่า, สเปน (60,000 ที่นั่ง)

4.โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า, อัมสเตอร์ดัม ฮอลแลนด์ (54,000 ที่นั่ง)

5.ปาร์เค่น สเตเดี้ยม, โคเปนเฮเก้น, เดนมาร์ก (38,000 ที่นั่ง)

6.ฟุตบอล อารีน่า มิวนิค, มิวนิค, เยอรมัน (70,000 ที่นั่ง)

7.สตาดิโอ โอลิมปิโก้, โรม, อิตาลี (68,000 ที่นั่ง)

8.ปุสกัส อารีน่า, บูดาเปสต์, ฮังการี (68,000 ที่นั่ง)

9.ครีสตอฟสกี้ สเตเดี้ยม, เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก, รัสเซีย (61,000 ที่นั่ง)

10.อารีน่า เนชั่นเนล่า, บูคาเรสต์, โรมาเนีย (54,000 ที่นั่ง)

11.โอลิมปิก สเตเดี้ยม, บากู, อาเซอร์ไบจาน (69,000 ที่นั่ง)

 

 

เส้นทางก่อนรอบแบ่งกลุ่ม

 

How can Republic of Ireland qualify for Euro 2020? Uefa Nations League and Group D explained ahead of Gibraltar clash

 

มีทั้งหมด 20 ทีมด้วยกันที่ผ่านเข้ามาในยูโรรอบสุดท้ายในฐานะทีมอันดับ 1 และ 2 ในรอบคัดเลือก โดยที่ โปรตุเกส แชมป์เก่าก็ผ่านเข้ามาในลักษณะดังกล่าว แต่ต้องอยู่ในกรุ๊ป ออฟ เดธ ประจำทัวร์นาเม้นต์นี้ เมื่อต้องพบกับ ฝรั่งเศส และ เยอรมัน ขณะที่ อังกฤษ จะดวลกับ รองแชมป์โลกอย่าง โครเอเชีย

 

อิตาลี ที่ไม่สามารถผ่านไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 2018 ก็เปลี่ยนแปลงทีมยกชุด จนกลับมาเล่นในทัวร์นาม้นต์ใหญ่อีกครั้ง รวมไปถึง ฟินแลนด์ ที่เปิดซิงเข้ามาเล่นในทัวร์นาเม้นต์ระดับเมเจอร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพวกเขา

 

ส่วนอีก 4 ทีมที่เหลือนั้นผ่านเข้ามาในฐานะผู้ชนะรอบเพลย์ออฟ ซึ่งคว้าอันดับ 3 ในรอบคัดเลือก และเป็นจ่าฝูง ของแต่ละกลุ่ม เนชั่นส์ ลีก ปี 2018 โดยแบ่งออกเป็น 4 สาย เพื่อเล่นในรอบตัดเชือก และรอบชิงเพื่อคว้าตั๋วไปเล่นรอบสุดท้าย

 

ท้ายที่สุดเป็น สก็อตแลนด์, มาซิโดเนียเหนือ, สโลวาเกีย และ ฮังการี ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาได้ในฐานะแชมป์เพลย์ออฟ

 

 

ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม มีดังนี้

 

SportMob – Everything about UEFA Euro 2020 (2021)

 

กลุ่ม A : อิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์, ตุรกี, เวลส์

กลุ่ม B : เบลเยี่ยม, รัสเซีย, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์

กลุ่ม C : ยูเครน, ฮอลแลนด์, ออสเตรีย, มาซิโดเนียเหนือ

กลุ่ม D : อังกฤษ, โครเอเชีย, สาธารณรัฐเช็ก, สก็อตแลนด์

กลุ่ม E : สเปน, โปแลนด์, สวีเดน, สโลวาเกีย

กลุ่ม F : เยอรมัน, ฝรั่งเศส, โปรตุเกส, ฮังการี

 

 

มาสตอตประจำทัวร์นาเม้นต์

 

Euro 2020: UEFA is considering cutting three host cities - SportsBeezer

 

ย้อนกลับไปในปี 2019 ยูฟ่า ได้เปิดตัวมาสคอตประจำศึกยูโร 2020 อย่างเป็นทางการ ชื่อว่า สกิลซี่ โดยเผยโฉมให้แฟน ๆ เห็นครั้งแรก ก่อนเกมรอบคัดเลือกของ ฮอลแลนด์ กับ เยอรมนี ที่สนามโยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า เมื่อเดือนมีนาคม

 

โดย ยูฟ่า เปิดเผยว่า การออกแบบ สกิลซี่ มาสคอตยูโร 2020 ได้มาจากแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมฟรีสไตล์ สตรีท และการโชว์ลีลาฟุตบอลตามท้องถนน และเป็นครั้งแรกที่ใช้มาสค็อตในลักษณะที่มีสัดส่วนใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด หลังก่อนหน้านี้จะโผล่มารูปแบบสัตว์ หรือคนแบบตัวการ์ตูนเป็นส่วนใหญ่

 

อย่างไรก็ตามแฟนๆ กลับไม่ปลื้มเท่าไรกับผลงานของยูฟ่า ถึงกับมีคอมเมนท์ในแง่ลบมากมายในโลกโซเชียล นอกจากนี้ ESPN สื่อดังโลกกีฬายังได้จัดทำผลโหวตปรากฏว่า มีแฟนๆ ไม่ชอบสูงถึง 68% ขณะที่ชอบมีเพียง 32% เท่านั้น

 

 

ช่วงเวลาการแข่งขัน

 

Where to watch UEFA EURO 2020 | UEFA EURO 2020 | UEFA.com

 

ทัวร์นาเม้นต์จะเริ่มแข่งขันวันที่ 11 มิถุนายนนี้ โดย อิตาลี พบ ตุรกี จะเป็นเกมเปิดสนามของการแข่งขันหนนี้ และลากยาวในรอบแบ่งกลุ่มไปจนถึงวันที่ 23 มิถุนายน

 

ส่วนรอบน็อคเอ้าท์ จะเริ่มต้นวันที่ 26 มิถุนายน โดยแบ่งเป็นรอบ 16 ทีมสุดท้าย จนถึงวันที่ 29 มิถุนายน, รอบ 8 ทีมสุดท้าย วันที่ 2-3 กรกฏาคม, รอบรองชนะเลิศ ในวันที่ 6-7 กรกฏาคม ที่ลอนดอน

 

และเกมนัดสุดท้ายในนัดชิงชนะเลิศที่ เวมบลี่ย์ ในวันที่ 11 กรกฏาคม

 

ส่วนเวลาแข่งขันจะมี 3 ช่วงตามเวลาประเทศไทยในรอบแบ่งกลุ่ม นั่นก็รอบแบ่งกลุ่ม (20:00, 23:00 และ 02:00) จากนั้นจะเหลือเพียง 2 ช่วง ตั้งแต่แต่รอบ 16 ทีมสุดท้าย จนถึง 8 ทีมสุดท้าย (23:00  และ 02:00) 

 

และรอบตัดเชือก กับนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็น 3 เกมสุดท้ายการของการแข่งขันจะเหลือเวลาเดียว นั่นก็คือช่วง 02:00 แต่ ณ ตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวว่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดในไทยมีใครซื้อไปแล้ว และมีโอกาสสูงที่แฟนบอลบ้านเราคงต้องหารับชมเองผ่านช่องทางที่แต่ละคนสามารถทำได้

 

บทความที่เกี่ยวข้องกับ ยูโร 2020

อิตาลีนอนมาจริงไหม ใครน่าจับตา! วิเคราะห์ศึกยูโร กลุ่ม เอ ใครอยู่ใครไป