อิตาลีนอนมาจริงไหม ใครน่าจับตา! วิเคราะห์ศึกยูโร กลุ่ม เอ ใครอยู่ใครไป

 

อีกไม่กี่วันข้างหน้าศึก ยูโร 2020 ที่รอมาตั้งแต่ปีที่แล้วจะได้ฤกษ์ลงสนามฟาดแข้งกันเต็มที่แล้ว ซึ่งในรอบแบ่งกลุ่มแต่ละทีมก็มีความพร้อม และฟอร์มการเล่นที่แตกต่างกันไป โดยในกลุ่มเอที่ประกอบไปด้วย อิตาลี , สวิตเซอร์แลนด์ , ตุรกี และ เวลส์ ดูจะเป็นงานง่ายของอิตาลีในสายตาใครหลายคน แต่จะเป็นแบบนั้นจริงหรือไม่

 

วันนี้ UFAARENA จะมาวิเคราะห์ศึกยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ ฟอร์มแต่ละทีมเป็นอย่างไร นักเตะคนไหนที่น่าจับตามอง พร้อมฟันธงโอกาสเข้ารอบ กับ วิเคราะห์ศึกยูโร กลุ่ม เอ ใครอยู่ใครไป

 

ทีมชาติอิตาลี

ผลงานที่ดีที่สุด : แชมป์ 1968

ผลงานใน ยูโร 2016 : รอบ 8 ทีม

 

หลังจากผิดหวังมาในศึกฟุตบอลโลก 2018 พวกเขาก็ได้ดึง โรแบร์โต้ มันชินี่ มารับช่วงต่อ ซึ่งได้ปรับปรุงทีมจากทีมที่มีจุดเด่นเรื่องเกมรับมาเล่นในรูปแบบเกมรุกมากขึ้น แต่ในเกมรับพวกเขาก็ไม่ได้ทิ้งจะเห็นได้จากเกมอย่างเป็นทางการ 5 นัดหลัง พวกเขาไม่เสียประตูเลยสักนัด แถมยิงได้อย่างต่ำ 2 ประตูอีกด้วย พร้อมการันตีด้วยผลงานชนะรวด 10 เกมในรอบคัดเลือก

 

เรื่องที่น่าเป็นห่วงของพวกเขามีอย่างเดียวคือการพบกับทีมในระดับเดียวกัน หรือทีมที่มีศักยภาพที่มากกว่าพวกเขายังทำได้ไม่ดีนัก อย่างเกมที่พบกับ ฮอลแลนด์ ในศึกเนชั่นส์ลีก ที่เสมอไป 1-1 และชนะไปได้ 1-0 หรือจะเป็นในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกที่แพ้ให้กับ ทีมชาติสเปน 3-0 รวมถึงเกมกระชับมิตรที่แพ้ ฝรั่งเศส 3-1 และ เสมออังกฤษ 1-1 จะเห็นได้ว่าพวกเขายังค่อนข้างตึงมือเมื่อต้องรับมือกับบรรดาทีมใหญ่ด้วยกัน

 

คีย์แมนที่น่าจับตา : นิโคโล่ บาเรลล่า

กองกลางจอมปั้นเกมจากทีมแชมป์กัลโช่ เซเรียอาฤดูกาลล่าสุด เป็นนักเตะที่มีความสม่ำเสมอที่สูงรวมถึงเรื่องความฟิตที่มีมากกว่ารุ่นพี่อย่าง มาร์โก้ แวร์รัตติ ด้วยผลงาน 3 ประตู 13 แอสซิสต์จาก 46 นัดรวมทุกรายการ นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล กองกลางยอดเยี่ยมประจำลีกแดนรองเท้าบู้ท เป็นเครื่องการันตีถึงฝีเท้าของเขาได้เป็นอย่างดี

 

ดาวรุ่งที่น่าจับตา : เฟเดริโก้ เคียซ่า

แนวรุกสุดจี๊ดจาก ยูเวนตุส ที่ในปีนี้เขาทำผลงานได้อย่างโดดเด่น แม้ภาพรวมของทีมจะทำได้ไม่ดีนัก แต่ในส่วนของผลงานส่วนตัวเขาทำไป 15 ประตู 11 แอสซิสต์ จาก 46 นัดรวมทุกรายการ เรียกว่าครบเครื่องทั้งยิงเองหรือจะชงให้เพื่อน แน่นอนว่าเขาจะเป็นตัวเลือกแรกๆในแนวรุกริมเส้นของ มันชินี่ ในศึกยูโรหนนี้

 

ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์

ผลงานที่ดีที่สุด : รอบ 16 ทีม (2016)

ผลงานใน ยูโร 2016 : รอบ 16 ทีม

 

ชาติจากแดนนาฬิกานับเป็นหน้าใหม่ในช่วงไม่กี่ปีของศึก ยูโร รอบสุดท้าย ซึ่งผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขาคือการทะลุเข้าไปถึงรอบ 16 ทีม ในศึกยูโรครั้งล่าสุด แน่นอนว่าจุดอ่อนของพวกเขาคงจะหนีไม่พ้นประสบการณ์ที่ยังมีไม่มากนักในการผ่านเข้ารอบน็อคเอ้าท์ แต่เมื่อดูจากผลงานโดยรวมพวกเขาก็เป็นทีมที่กำลังพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ มาพร้อมกับแผงกองกลางที่มีประสบการณ์สูงอย่าง กรานิต ชาก้า และ เซอร์ดาน ชากิรี่

 

ในส่วนของผลงานรอบคัดเลือกก็ต้องบอกว่าทำได้ดีเลยทีเดียวจากการชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ไป 1 เกม นับเป็นงานที่ค่อนข้างดีในฐานะทีมที่กำลังพัฒนาขึ้นมา รวมถึงผลงานการพบกับทีมในกลุ่มเดียวกันก็ยังเป็นรองทั้ง อิตาลี และ ตุรกี อยู่แต่ก็เป็นทีมที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้เลย

 

คีย์แมนที่น่าจับตา : กรานิต ชาก้า

ในฐานะกัปตันทีม ชาก้า นับเป็นคีย์แมนที่ต้องถูกจับตามองอยู่แล้ว ประกอบกับฟอร์มในฤดูกาลนี้ที่ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง ไร้อาการบาดเจ็บรบกวน ประกอบกับตำแหน่งการเล่นกองกลางที่เป็นทั้งคนตัดเกม คนคุมจังหวะเกม รวมถึงการสร้างสรรค์เกมรุก ทุกอย่างจะถูกโยนภาระไปที่เขาแน่นอน ซึ่งด้วยการประสานงานกับ เซอร์ดาน ชากิรี่ สตาร์อีกรายที่แม้ฤดูกาลนี้จะได้รับโอกาสลงสนามแบบจำกัดจำเขี่ย แต่ก็เชื่อว่าจะสามารถร่วมกันคุมแดนกลางของทีมได้เป็นอย่างดี

 

ดาวรุ่งที่น่าจับตา : รูเบน วาร์กาส

ปีกดาวรุ่งจาก เอาก์สบวร์ก ที่พัฒนาฝีเท้ามาได้ต่อเนื่องหลังจากย้ายมาอยู่กับทีมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งในปีนี้เขาลงสนามไป 32 นัด ยิง 7 ประตู 4 แอสซิสต์รวมทุกรายการ โดยส่วนใหญ่เขาเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย แถมยังเคยเล่นริมเส้นฝั่งขวาอีกด้วย นั่นทำให้การเล่นของเขาค่อนข้างยืดยุ่นและมีโอกาสสูงที่จะได้ลงสนามในศึกยูโรหนนี้

 

ทีมชาติตุรกี

ผลงานที่ดีที่สุด : รอบรองชนะเลิศ (2008)

ผลงานใน ยูโร 2016 : รอบแบ่งกลุ่ม

 

ทัพไก่ง่วงทัพผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมรอบคัดเลือกจากการที่แพ้ไปแค่นัดเดียวเท่านั้น แถม 2 เกมในนั้นเป็นการเจอกับแชมป์โลกอย่าง ทีมชาติฝรั่งเศส ด้วยการเอาชนะมา 2-0 และยันเสมอ 1-1 ไปได้ จุดเด่นของพวกเขาคือการมีสตาร์ยืนเป็นหลักในแต่ละตำแหน่งทั้ง คักลาร์ โซยุนคู และ เมริห์ เดมิรัล คุมเกมรับ

 

ในส่วนเกมรุกมี ฮาคาน คัลฮาโนกลู คอยปั้นเกม รวมถึงกองหน้ามี บูรัก ยิลมาซ กองหน้าตัวเก๋าที่ยิงกระจายพา ลีลล์ คว้าแชมป์ลีกเอิงมาในฤดูกาลล่าสุด สิ่งที่น่าเป็นห่วงมีอย่างเดียวคือเรื่องประสบการณ์ในเกมรับ ที่มีแค่ โซยุนคู ที่เป็นตัวหลักซึ่งอายุมากสุดที่ 25 ปีเท่านั้น และไม่ใช่แค่เกมรับแต่ค่าเฉลี่ยอายุของทั้งทีม พวกเขาเป็นทีมที่ค่าเฉลี่ยน้อยสุดที่ 24.58 เท่านั้น หากมีเรื่องใดที่พวกเขาจะเสียเปรียบคงเป็นเรื่องของประสบการณ์ แต่ยังดีที่บรรดาแกนหลักของทีมยังพอจะสามารถประคองทีมไปได้

 

คีย์แมนที่น่าจับตา : บูรัก ยิลมาซ 

แม้อายุอานามจะปาไป 35 ปี แล้ว แต่ผลงานในฤดูกาลล่าสุดก็เป็นที่การันตีอย่างดีว่าเรื่องอายุไม่ได้มีผลกับเขาเลยแม้แต่น้อย แม้ในปีนี้เขาจะมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ้าง แต่ก็ยังยิงไปได้ถึง 18 ประตู จาก 33 นัดรวมทุกรายการ เป็นส่วนสำคัญให้ลีลล์สามารถเอาชนะ เปแอสเชขึ้นมาคว้าแชมป์ลีกเอิงมาครองได้สำเร็จ ส่วนในรอบคัดเลือกเจ้าตัวก็กดไป 5 ประตู ด้วยผลงานดังกล่าวทำให้เขาจะเป็นตัวเลือกแรกในแดนหน้าของทีมอย่างแน่นอน

 

ดาวรุ่งที่น่าจับตา : โอซาน คาบัค

กองหลังวัย 21 ปี ที่ย้ายมาสู่ ลิเวอร์พูล ในฐานะตัวแก้ขัดแนวรับช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง แต่ก็สามารถทำผลงานได้ดีหลังจากปรับตัวได้ น่าเสียดายที่เจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บรบกวนจนได้ลงสนามไปได้แค่ 13 เกมเท่านั้น แต่ในเรื่องของผลงานยามที่ได้ลงสนามก็จัดว่าทำได้ดี ซึ่งในรายการยูโรนี้เองเขาก็มีแววที่จะได้เป็นตัวเลือกในเกมรับของทีมเช่นกัน

 

ทีมชาติเวลส์

ผลงานที่ดีที่สุด : รอบรองชนะเลิศ (2016)

ผลงานใน ยูโร 2016 : รอบรองชนะเลิศ

 

ทัพมังกรแดงทำผลงานได้อย่างกระท่อนกระแท่นในเกมรอบคัดเลือก จากการ ชนะ 4 เสมอ 2 แพ้ 2 เฉือน สโลวาเกีย และ ฮังการี มาแค่ไม่กี่แต้มเท่านั้น ในเรื่องจุดเด่นพวกเขาเป็นทีมพลังหนุ่มที่มีค่าเฉลี่ยอายุเป็นอันดับต้นๆของรายการนี้ที่ 25.04 รองจาก อังกฤษ และ ตุรกี เพียงเท่านั้น แต่ก็ยังมีสตาร์ตัวเก๋าอย่าง อารอน แรมซี่ย์ ที่คุมแดนกลาง และ แกเร็ธ เบล ที่เป็นสตาร์หลักของทีม

 

อย่างไรก็ตามการมีสตาร์หลักเพียงแค่คนเดียวก็เหมือนเป็นดาบสองคม เพราะหากดาวเด่นไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้พวกเขาจะจบทันที นอกจากนี้สิ่งที่แตกต่างจากตุรกีที่มีค่าเฉลี่ยอายุน้อยพอๆกันคือ แกนหลักของพวกเขายังไม่สามารถประคองทีมได้ดีเทียบเท่า นั่นคือสิ่งที่พวกเขาจะเสียเปรียบ รวมไปถึงการเปลี่ยนโค้ชกลางคัน จากการที่ ไรอั้น กิ๊กส์ ไปเจอคดีทำร้ายแฟนสาวทำให้เจ้าตัวหมดสิทธิ์คุมทีมในศึก ยูโร 2020 นี้ และต้องให้ โรเบิร์ต เพจ ทำหน้าที่แทน

 

คีย์แมนที่น่าจับตา : แกเร็ธ เบล

แม้ในเกมระดับสโมสร แนวรุกวัย 31 ปี จะถูกมองว่าไม่ทุ่มเท แต่กับทีมชาติเวลส์ เขาทุ่มเทเต็มร้อยเสมอ และยังคงสถานะเป็นตัวแบกของทีม ด้วยผลงาน 2 ประตู 2 แอสซิสต์ อาจจะไม่ได้ดีนักในฐานะสตาร์ประจำทีม แต่ด้วยสภาพความฟิตของเขาในเวลานั้นก็จัดได้ว่าทำได้ตามมาตรฐานแล้ว ในขณะที่ปัจจุบัน เขาได้ลงเล่นเต็มเม็ดเต็มหน่วยกับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส ด้วยผลงานยิง 16 ประตู จาก 34นัดรวมทุกรายการ ทำให้เขาน่าจะกลับมาโชว์ฟอร์มแกร่งได้อีกครั้งกับชาติบ้านเกิดของตัวเอง

 

ดาวรุ่งที่น่าจับตา : เนโค วิลเลี่ยมส์

แบ๊คดาวรุ่งหงส์แดงที่ในปีนี้ได้รับโอกาสลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ไปทั้งหมด 14 นัดรวมทุกรายการ ในขณะที่ในส่วนของทีมชาติ เขาก็เริ่มได้รับเลือกขึ้นมาเล่นเป็นตัวหลักมากขึ้น แม้ในทีมจะมี คริส กันเทอร์ แบ็คขวาตัวเก๋า และ คอนเนอร์ โรเบิร์ต ที่เป็นตัวหลักในรอบคัดเลือกมาก่อนก็ตาม แต่ด้วยความที่เจ้าตัวขยับขึ้นมาเล่นปีกซ้ายได้ด้วย ทำให้เขามีโอกาสลงเล่นมากขึ้น และน่าจะได้เห็นเขาในศึกยูโรรอบแบ่งกลุ่มนี้อย่างแน่นอน

 

สรุปกลุ่มเอ : 

สำหรับในกลุ่มเอทีมที่น่าจะผ่านเข้ารอบแบบนอนมานั่นคือ ทีมชาติอิตาลี ที่มีขุมกำลังที่พร้อม และฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งดูจากจุดอ่อนที่พวกเขาจะตึงมือกับทีมใหญ่หรือทีมในระดับเดียวกันแล้ว กลุ่มนี้คงไม่ได้ทำให้พวกเขาเจอปัญหานัก

 

ในขณะที่อันดับสองคงจะเป็นการชิงชัยกันของ ตุรกี และ สวิตเซอร์แลนด์ ที่มีความใกล้เคียงกันค่อนข้างมาก อาจต้องวัดที่การเจอกันของทั้งคู่ ซึ่งทางขุนพลแดนไก่งวงดูจะมีภาษีดีกว่าเล็กน้อย จากการเจอกัน 15 นัด ชนะ 8 เสมอ 3 แพ้ 4 แม้ฝั่งสวิสจะมีความสม่ำเสมอในช่วงหลังที่มากกว่า แต่ในเรื่องของผลงานคงต้องให้ ตุรกี เข้าป้ายเป็นที่ 2 ไป ส่วนเวลส์ที่มีปัญหารุมเร้าในทุกด้าน ทั้งฟอร์มนักเตะและการเปลี่ยนโค้ช คงจะไม่สามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้ แต่ก็ต้องดูว่าพวกเขาจะสร้างความปั่นป่วนให้กับกลุ่มนี้ได้มากน้อยแค่ไหนกัน

 

บทความที่เกี่ยวข้องกับ ยูโร 2020