สมิธ โรว์ไหวมั้ย? : ตัดเกรดแข้งปืนใหญ่เบอร์ 10 ยุคพรีเมียร์ลีก

สมิธ โรว์

นอกเหนือจากขยายสัญญาใหม่ระยะยาวแล้ว อาร์เซน่อล ได้ทำการหมอบเสื้อหมายเลข 10 ให้กับ เอมิล สมิธ โรว์ กองกลางดาวรุ่ง สวมใส่ลุยฤดูกาล 2021-22 ด้วย

เพลย์เมกเกอร์วัย 20 ปี ถูกผลักดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ปี 2018 ก่อนแจ้งเกิดในชุดใหญ่ได้อย่างเต็มตัว ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีมปืนใหญ่ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยการลงสนามไปทั้งสิ้น 34 นัดรวมทุกรายการ ยิงไป 4 ประตู กับ 7 แอสซิสต์

ก่อนหน้านี้ สมิธ โรว์ เคยสวมเสื้อหมายเลข 10 มาก่อนแล้วในทีมชุด U-23 แต่ฤดูกาลใหม่จะเป็นครั้งแรกที่ มิดฟิลด์ชาวอังกฤษ จะเปลี่ยนจากเบอร์ 32 มาเป็นเจ้าของเบอร์ 10 คนใหม่อย่างเป็นทางการในทีมชุดใหญ่กับฤดูกาลที่กำลังจะเปิดฉากขึ้นในเดือนสิงหาคม

เหล่า ‘กูนเนอร์ส’ รวมถึงแฟนบอลส่วนใหญ่ ต่างรู้ดีว่าเบอร์ 10 ถือเป็นหมายเลขที่เป็นเอกลักษณ์เบอร์หนึ่งของสโมสร โดยเฉพาะตลอด 29 ปีในยุคพรีเมียร์ลีก

ดังนั้น UFA ARENA จึงขอพาทุกท่านไปย้อนรำลึกถึงเจ้าของเบอร์ 10 คนก่อนของ ‘กันเนอร์ส’ ในยุคพรีเมียร์ลีกว่าแต่ละจะทำผลงานได้สมราคามากน้อยแค่ไหนยามได้สวมใส่หมายเลขสำคัญนี้ ก่อนจะถูกส่งให้ สมิธ โรว์ รับช่วงต่อในปัจจุบัน

 

เควิน แคมป์เบลล์ 

🎧 Listen to our podcast with Kevin Campbell! | Podcast | News | Arsenal.com

จำนวนลงเล่น : 228 นัด 46 ประตู

ปีที่สวมเบอร์ 10 : 1991-1994

เควิน แคมป์เบลล์ เป็นนักเตะที่เติบโตมาในทีมเยาวชนของ อาร์เซน่อล และหลังจากย้ายไปเพิ่มประสบการณ์กับ เลย์ตัน โอเรี่ยน และ เลสเตอร์ แบบยืมตัว เขาก็ได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวหลักของสโมสรก่อนยุคพรีเมียร์ลีก พร้อมมีบทบาทสำคัญพาทีมคว้าแชมป์ลีกในปี 1991 ก่อนเปลี่ยนมาสวมเบอร์ 10 ในฤดูกาลต่อมา

หลังมีการรีแบรนด์ลีกเป็น พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 1992-93 แคมป์เบลล์ ก็ยังเป็นคนสำคัญในทีม แม้ทีมจะดึง เอียน ไรท์ จากคริสตัล พาเลซ มาเสริมแนวรุก และพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในปีนั้น

ดาวยิงจาก ลอนดอน ทำผลงานได้ดีที่สุดในอาชีพค้าแข้งกับ ฤดูกาล 1994-94 ด้วยการซัดไป 19 ประตู ช่วย ปืนใหญ่ คว้าถ้วย วินเนอร์ส คัพ ก่อนย้ายไป  น็อตติ่งแฮม ฟอเรสต์ ในปีต่อมา ท่ามกลางการแย่งตำแหน่งตัวจริงที่เข้มข้นมากขึ้นของ จอห์น ฮาร์ตสัน และ เดนนิส เบิร์กแคมป์

เคซี ย้ายไปเล่นกับ แทรปซอนสปอร์, เอฟเวอร์ตัน, เวสต์บรอม และ คาร์ดิฟฟ์ ก่อนแขวนสตั๊ดในปี 2007 และครองตำแหน่งแข้งอังกฤษที่ยิงประตูมากสุดในพรีเมียร์ลีกที่ไม่เคยติดทีมชาติชุดใหญ่เลยสักเกมเดียว

ตัดเกรด : 6/10

 

เอียน เซลลี่ย์ 

Ian Selley | Players | Men | Arsenal.com

จำนวนลงเล่น : 42 นัด 1 ประตู

ปีที่สวมเบอร์ 10 : 1994-1995

ดาวรุ่งลูกหม้อของ อาร์เซน่อล ที่ถูกคาดหวังว่าจะก้าวมาเป็นเสาหลักในอนาคต พร้อมกับได้สวมเบอร์ 10 ต่อจาก แคมป์เบลล์ ในปี 1994 ทว่าโชคไม่ดี เมื่อ เอียน เซลลี่ย์ ได้รับบาดเจ็บขาหัก เขาก็ไม่สามารถกลับมาโชว์ฟอร์มเก่งอีกเลย 

กองกลางชาวอังกฤษ เติบโตมากับ ปืนใหญ่ ตั้งแต่ชุดเยาวชน พร้อมกับฉายแววให้เห็นช่วงปีแรกของพรีเมียร์ลีก และมีส่วนกับแชมป์เอฟเอ คัพ ในฤดูกาล 1992-93 ด้วย แม้ไม่ได้ลงเล่นในนัดชิงดวล เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ก็ตาม

เซลลี่ย์ ได้โอกาสในนัดชิง คัพ วินเนอร์ส คัพ ที่เอาชนะ ปาร์ม่า ในปี 1994 และเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของ กันเนอร์ส ในเกมวันนั้น แต่อาการบาดเจ็บหลังเข้าปะทะกับ อิวาน โรเบิร์ต ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1995 ทำให้เขาพักยาวไป 1 ปีเต็มๆ ก่อนถูกขายให้กับ ฟูแล่ม ในยุคของ อาร์เซน เวนเกอร์ และวนเวียนอยู่ทีมนอกลีกหลังจากนั้นจนกระทั่งแขวนสตั๊ดไปเงียบๆในปี 2012

ตัดเกรด : 2/10

 

พอล เมอร์สัน

Wengerove rođendanske utakmice | Goal.com

จำนวนลงเล่น : 423 นัด 99 ประตู

ปีที่สวมเบอร์ 10 : 1989-1997

แข้งพรสวรรค์ที่ อาร์เซน่อล ปลุกปั้นมาในทีมเยาวชน โดย พอล เมอร์สัน ก้าวขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ได้ครั้งแรกในปี 1985 และเป็นคนสำคัญที่พาทีมคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 18 ปี เมื่อฤดูกาล 1988-89 พร้อมคว้ารางวัลดาวรุ่งแห่งปีจาก PFA มาครอง

กองกลางตัวรุก คว้าแชมป์สมัยที่ 2 ของตัวเองใน 2 ปีต่อมา และเป็นส่วนสำคัญของ ปืนใหญ่ ในยุคของ จอร์จ เกรแฮม และด้วยสามารถที่ครบเครื่องทั้ง การสร้างสรรค์เกม, ไหวพริบ และคาแร็คเตอร์ที่โดดเด่น ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของ ‘กูนเนอร์ส’ ทุกคนในไฮบิวรี่

ทว่า เมอร์สัน มีปัญหาส่วนตัวอย่างหนัก ทั้งการติดเหล้าและการพนัน จนส่งผลต่อการเล่นของเขาในช่วงกลางยุค 90 แต่ก็สามารถกลับตัวได้หลังเข้ารับการบำบัด แต่ในขณะเดียวกันก็เลือกย้ายไปเล่นกับ มิดเดิ้ลสโบรห์ ในปี 1997 ที่การันตีความมั่นคงทั้งเรื่องเงินและโอกาสลงสนามมากกว่าที่ทีมจากลอนดอนเหนือจะมอบให้ได้

อย่างไรก็ดี ‘กันเนอร์ส’ ก็ยังเป็นทีมที่ เมอร์สัน โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุด ด้วยการซัดไป 99 ประตูจาก 423 นัด พร้อมกับแชมป์เมเจอร์อีก 5 รายการ ตลอด 12 ปีในทีม

ตัดเกรด : 7/10

 

เดนนิส เบิร์กแคมป์

Bergkamp opens door to Arsenal return as Gunners legend waits on offers | Goal.com

จำนวนลงเล่น : 423 นัด 120 ประตู

ปีที่สวมเบอร์ 10 : 1995-2006

เดนนิส เบิร์กแคมป์ ย้ายมาพรีเมียร์ลีกในฐานะแข้งต่างแดนยุคแรกที่ยังไม่รับความนิยมจากทีมทั่วไปนัก และเขาก็เปลี่ยนคนที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการเล่นของ อาร์เซน่อล ให้เป็นสโมสรที่เล่นเกมรุกได้ลื่นไหลสวยงาม

เจ้าของฉายา ไอซ์เบิร์ก ที่ฟอร์มฝืดในช่วงแรกหลังย้ายมาแดนผู้ดี ก็ค่อยๆยกระดับตัวเองจนกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ ปืนใหญ่ และ พรีเมียร์ลีก กับการจบสกอร์ที่เฉียบคม และเทคนิคอันยอดเยี่ยมยากที่หาใครเทียบชั้น

ดาวยิงดัตช์แมน คว้ารางวัลแข้งยอดเยี่ยมแห่งปีจากทั้ง FWA และ PFA ในปีที่เขาพา กันเนอร์ส คว้าดับเบิ้ลแชมป์มาครองในฤดูกาล 1997-98 ก่อนคว้าแชมป์ลีกอีกครั้งในอีก 4 ฤดูกาลต่อมา

อีกทั้ง ประสบการณ์ที่โชกโชนของ เบิร์กแคมป์ ยังช่วยทีมจากลอนดอนเหนือสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบไร้พ่ายในปี 2004 พร้อมการประสานงานกับ เธียร์รี่ อองรี ที่หลายคนยกเป็นหนึ่งในกองหน้าคู่หูที่ดีที่สุดในยุค 2000 

คงพูดได้เต็มปากว่า เบิร์กแคมป์ เป็นเจ้าของเบอร์ 10 ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ อาร์เซน่อล ตลอด 11 ปีในพรีเมียร์ลีก โดยกดไปทั้งสิ้น 120 ประตู จาก 423 นัด และเป็น 1 ใน 3 ตำนานแข้งสโมสรที่มีรูปปั้นประดับไว้หน้า เอมิเรสต์ สเตเดี้ยม ด้วย

ตัดเกรด : 10/10

 

วิลเลี่ยม กัลลาส

Transfers that ruined careers: William Gallas to Arsenal | The Transfer Tavern

จำนวนลงเล่น : 142 นัด 17 ประตู

ปีที่สวมเบอร์ 10 : 2006-2010

นี่ถือเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่แย่ที่สุดในอาชีพกุนซือของ อาร์เซน เวนเกอร์  เมื่อให้ วิลเลี่ยม กัลลาส กองหลังป้ายแดงที่ย้ายจาก เชลซี สลับขั้วกับ แอชลี่ย์ โคล มาสวมเสื้อเบอร์ 10 แทนที่ตำแหน่งอย่าง เบิร์กแคมป์ ในปี 2006

กุนซือชาวฝรั่งเศส เคยเผยการตัดสินใจมอบเบอร์ตำนานให้กับ กองหลังร่วมชาติ เนื่องจากไม่อยากให้แนวรุกดาวรุ่งของสโมสรต้องแบกรับความคาดหวังและเกิดความกดดันในการสวมหมายเลขดังกล่าว

ตลอด  4 ปี ในเอมิเรสต์ สเตเดี้ยม กัลลาส อาจไม่ได้แย่นักในฐานะกองหลัง แต่ในฐานะกัปตันทีมต้องบอกว่าเขาสอบตก จากภาพลงไปนั่งกอดเข่าร้องไห้หลังเสมอกับ เบอร์มิ่งแฮม หรือการถูกริบปลอกแขน หลังวิจารณ์ดาวรุ่งผ่านสำนักข่าว AP ในปี 2009

อีกทั้งตอนลาทีม อดีตแนวรับ ‘สิงห์บลู’ ก็สร้างความบาดหมางให้กับเหล่า กูนเนอร์ส ด้วยการย้ายไป  ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทีมอริร่วมลอนดอนเหนือ แบบไร้ค่าตัวในปี 2010

ตัดเกรด : 4/10 

 

โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

Robin van Persie's best goals: Arsenal, United, Feyenoord... - AS.com

จำนวนลงเล่น : 278 นัด 132 ประตู

ปีที่สวมเบอร์ 10 : 2010-2012

หลังย้ายมาจาก เฟเยนูร์ด ในปี 2004 โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ได้รับการจับตามองในฐานะดาวรุ่งดวงใหม่ของทีม และน่าจะกลายเป็นตัวหลักได้ในอนาคต แต่ก็มีอาการบาดเจ็บคอยรบกวนอยู่บ่อยๆ จนทำให้ฟอร์มการเล่นไม่สม่ำเสมอเท่าไหร่นัก

อย่างไรก็ตาม เมื่อ RVP ได้สวมเบอร์ 10 ในปี 2010 เป็นต้นมา อาการบาดเจ็บที่เคยมีก็แทบไม่รบกวนเขาเลยตลอดฤดูกาล ที่สำคัญยังโชว์ฟอร์มกระฉูดแตกด้วยการกดไป  22 ประตู ในฤดูกาล 2010-11 จนแฟนปืนใหญ่หลายคนมองว่า ฟาน เพอร์ซี่ นี่แหละคือทายาทตัวจริงที่สมควรรับช่วงต่อของ เบิร์กแคมป์ ตั้งนานแล้ว

ในฤดูกาล 2011-12 หอกชาวดัตช์ ทำผลงานที่ดีที่สุดในอาชีพค้าแข้งด้วยการซัดไป 37 ประตู จาก 48 นัดในทุกรายการ กวาดรางวัลส่วนตัวเพียบในปีนั้น ทั้งแข้งยอดเยี่ยมแห่งปีจาก PFA, FWA, ดาวซัลโวลีก และแข้งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร

ทว่านั่นกลับเป็นปีสุดท้ายของ ฟาน เพอร์ซี่ กับ อาร์เซน่อล เมื่อเขาสร้างความปวดร้าวหัวใจกับแฟนปืนใหญ่ทุกหมู่เหล่า ด้วยการตัดสินใจย้ายไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมคู่แข่งที่สามารถการันตีความสำเร็จให้เขาได้ ก่อนพา ‘ปีศาจแดง’ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2012-13 

ตัดเกรด : 7/10

 

แจ็ค วิลเชียร์

Jack Wilshere close to accepting new Arsenal deal

จำนวนลงเล่น : 278 นัด 132 ประตู

ปีที่สวมเบอร์ 10 : 2012-2018

แจ็ค วิลเชียร์ ถูกยกให้เป็นความหวังใหม่ทั้งใน อาร์เซน่อล และ ทีมชาติอังกฤษ หลังกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นให้สโมสรในเกมดวล แบล็คเบิร์น ในปี 2008 ก่อนแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับทีมจากลอนดอนเหนือในฤดูกาล 2010-11

หนูแจ็ค มีทักษะที่กองกลางชั้นยอดควรจะมี ทั้งการครองบอลที่เหนียวแน่น, การเลี้ยงบอลที่คล่องแล่ว, การจ่ายบอลที่แม่นยำ รวมถึงวิสัยทัศน์ และการอ่านเกมที่ยอดเยี่ยมเกินวัย

ในฤดูกาลนั้นเอง เขาคว้ารางวัลแข้งดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี  PFA ก่อนกลายเป็นเบอร์ 10 คนใหม่ของสโมสร แทนที่ ฟาน เพอร์ซี่ ที่ลาทีมซบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2012

อย่างไรก็ตาม นั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นของอาการบาดเจ็บที่รบกวน กองกลางชาวอังกฤษ ตลอดเวลา จนเป็นสิ่งที่หยุดยั้งพัฒนาการของเขา และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เจ้าตัวไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้สม่ำเสมอเหมือเคย

จากว่าที่กัปตันทีม ‘ปืนใหญ่’ ในอนาคต เขาย้ายไปซบ เวสต์แฮม แบบไร้ค่าตัวในปี 2018 หลังลงเล่นในลีกเพียง 125 นัดตลอดทศวรรษที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน วิลเชียร์ กลายเป็นแข้งไร้สังกัดเต็มตัวด้วยวัยเพียง 29 ปี

ตัดเกรด : 5/10 

 

เมซุต โอซิล

Arsenal: 3 replacements for Mesut Ozil

จำนวนลงเล่น : 254 นัด 44 ประตู

ปีที่สวมเบอร์ 10 : 2018-2020

หากนับช่วงเวลาที่ เมซุต โอซิล สวมแค่เสื้อหมายเลข 11 ให้กับ อาร์เซน่อล คงต้องบอกว่ายอดเยี่ยม อาจไม่ได้พีกเหมือนสมัยเล่นให้ เรอัล มาดริด หรือทีมชาติเยอรมัน แต่ก็ยังน่าประทับใจกว่าตอนที่เขาเปลี่ยนมาใส่ เบอร์ 10 หลายเท่าตัว

การย้ายมาค้าแข้งในอังกฤษของ จอมแอสซิสต์จาก ‘ราชันชุดขาว’ ในปี 2013 ถือเป็นสิ่งที่ฮือฮามากๆในยุคนั้น เนื่องจากไม่บ่อยนักที่ อาร์เซน เวนเกอร์ จะทุ่มเงินกว่า 42.5 ล้านปอนด์ เพื่อซื้อนักเตะใหม่มาร่วมทีม แถมเป็นนักเตะชื่อดังด้วย ไม่ใช่ดาวรุ่งหรือแข้งเกรดบีอย่างที่เห็นกันบ่อยๆ

โอซิล ประเดิมฤดูกาลแรกกับ ‘กันเนอร์ส’ ได้สวมงามกับการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในปี 2014 และป้องกันแชมปได้อีกครั้งในปีต่อมา

ทว่าหลังได้สวมเบอร์ 10 ให้ทีมเป็นต้นมาตั้งแต่ปี 2018 ผลงานของ เพลย์เมกเกอร์ชาวเยอรมัน ก็ตกลง ประกอบกับกุนซือใหม่อย่าง อูไน เอเมอรี่ ที่เน้นการเล่นแบบเพรสซิ่ง เน้นการวิ่งมากขึ้นของผู้เล่น ทำให้บทบาทของ โอซิล ในทีมลดลง รวมไปถึงในยุคของ มิเกล อาร์เตต้า ที่คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในปี 2020 ด้วย 

อีกทั้งเรื่องนอกสนามในประเด็นการเมืองก็กลายเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ โอซิล หมดอนาคตกับสโมสร และย้ายไปร่วมทีม เฟเนร์บาห์เช่ แบบไร้ค่าตัวในเดือนมกราคมปี 2021 ก่อนที่ สมิธ โรว์ จะแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในฐานะเพลย์เมกเกอร์ดาวเด่นของทีม

ตัดเกรด : 6/10 

 

บทความที่เกี่ยวข้องกับ อาร์เซน่อล

ก่อนจะถึง โอซิล : การโละแข้งที่ขาดทุนแสนย่อยยับของ อาร์เซน่อล